ทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้เป็นของ ฮอนด้า ซึ่งปัจจุบันก็ได้ใช้ในรถยนต์ของฮอนด้าที่อยู่ในกลุ่ม mid และ high level อย่าง Honda Accord, Honda CR-V, Honda Civic, Honda HR-V
คือระบบขับเคลื่อนไฮบริดขั้นสูง หรือ Advanced Full Hybrid โดยมีชื่อเรียกจากทางฮอนด้าว่า Sport Hybrid i-MMD ปัจจุบัน (พ.ศ. 2563) มีการใช้อยู่ในรถยนต์เพียงรุ่นเดียวอย่าง Honda Accord
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน รวมพลังทั้งระบบจะได้กำลัง 215 แรงม้า เคลมอัตราการประหยัดน้ำมัน 24.4 กิโลเมตร/ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
สำหรับแบตเตอร์รี่ไฮบริดแบบลิเธียม-ไอออน มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว และจ่ายไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแบตเตอรี่ไฮบริดชนิดอื่นในขนาดเท่ากัน จึงให้สมรรถนะสูง สามารถขับขี่ได้ต่อเนื่องยาวนานเมื่ออยู่ในโหมดการขับขี่ด้วยไฟฟ้า อีกทั้งสามารถสกัดลิเธียมออกมา เพื่อทำการรีไซเคิลได้ด้วย
สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ
อ่านเพิ่มเติม : Nissan ขาขึ้น ผลิตรถไม่ทัน วางแผนการผลิตและรับฝ่ายผลิตกว่า 2 พันอัตรา
เทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีทั้งแบบ Active (เชิงรุก) ป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ และ Passive (เชิงรับ) ป้องกันหลังเกิดอุบัติเหตุ
ในไทย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้เริ่มติดตั้งครั้งแรกใน Honda Accord Hybrid เมื่อปีพ.ศ. 2559 ตามด้วยรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในลำดับถัดมา ได้แก่ Honda Civic, Honda Civic Hatchback และล่าสุด Honda CR-V
หลักการทำงาน มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์อย่างเรดาร์ทำงานประสานกับตัวกล้องด้านหน้า สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนคนขับและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ อาทิ
ลองค้นหา รถมือสอง ที่ถูกใจมีให้เลือกกว่าหมื่นคัน