รักนะ 3,000 แจ้งเบาะแสจับแว้น-เพจชวนซิ่ง รับรางวัลนำจับ ประเดิมแล้วสองราย

ปัญหาของเหล่าผู้กล้าท้ากฎหมายบนท้องถนน หรือปัญหาเด็กแว้น เป็นเรื่องที่มีการดำเนินการแก้ไขมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งยังไม่ได้รับการจัดการที่เรียกว่าเด็ดขาดหรือได้ผล เพราะการเข้าถึงข้อมูลจากทางฝั่งผู้จัดกฎหมายอย่างตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร ดังนั้นจึงเกิดการขอความร่วมมือกับทางประชาชนขึ้นมา เพื่อช่วยกันเป็นหูเป็นตา ปราบปรามและป้องกันปัญหานี้ให้บรรเทาลงไปสักที โดยเริ่มเอาจริงแล้วตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2562 ได้รับเงินสนับสนุนก้อนแรก 5 แสนบาท

ถึงเวลาเอาจริง ผบ.ตร. อนุมัติเงินก้อนแรกสำหรับรางวัลนำจับ

แจ้งเบาะแสจับแว้น-เพจชวนซิ่ง รับรางวัลนำจับ 3,000 บาท

อนุมัติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับเงินก้อนแรก ที่เป็นค่าตอบแทนสำหรับการแจ้งเบาะแสของของพลเมืองดี หลังจากมีการหารือถึงเรื่องการป้องกันและปราบปรามปัญหาผู้กระทำความผิดบนท้องถนนในกลุ่มที่เรียกว่าเด็กแว้น อันเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ที่หาทางออกด้วยการขอความร่วมเมือจากภาคประชาชน ให้เป็นแรงกำลังสำคัญในการช่วยตรวจตรากลุ่มขาซิ่งที่จะออกมาก่อความเดือดร้อนบนท้องถนน

โดยผู้ที่แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลนำจับจำนวน 3,000 บาทต่อหนึ่งรายงาน เบื้องต้นเผยแล้วว่าได้รับเงินนอกงบประมาณและส่วนหนึ่งจากภาคประชาชนที่สนับสนุนจำนวน 5 แสนบาท โดยมีการเริ่มดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน หลังจากที่มีการกำชับสั่งการให้เริ่มปราบปราบอย่างจริงจังเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เน้น 4 มาตรการเชิงรุก พบว่าปัญลดลงในระดับที่ดี

โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เผยข้อมูลว่า ช่วงระยะเวลานับตั้งแต่มีการออกคำสั่งให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ ได้มีการรับมือด้วยการใช้ 4 มาตรการเชิงรุกอันประกอบไปด้วย

1. ป้องกันเชิงรุกก่อนเกิดเหตุ : สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาเบาะแสเพื่อให้ทราบถึงกลุ่มบุคคลผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการแข่งรถในทุกช่องทางจากทุกเบาะแส เพื่อรวบรวมข้อมูลผู้แข่งรถ กองเชียร์  ร้านดัดแปลงสภาพรถ และผู้สนับสนุนต่าง ๆ เพิ่มความกวดขันออกจับกุมผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในความผิดที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมยึดรถต้องสงสัยมาตรวจสอบ ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออกตรวจสอบร้านจำหน่ายอะไหล่ ร้านซ่อมรถ และร้านดัดแปลงสภาพรถ รวมไปถึงการจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่
2. การปราบปรามขณะเกิดเหตุ : เพิ่มกำลังกวดขันเข้าจับกุมบุคคลผู้กระทำผิดขณะทำการมั่วสุม หรือรวมตัวแข่งรถอย่างผิดกฎหมาย โดยมีการวางแผนการทำงานกันอย่างรอบคอบ เฝ้าจับตาและจัดเก็บบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานพยาน เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง
3. สอบสวนขยายผล : หลังจากการจับกุมตัวผู้กระทำผิด ต้องสอบสวนให้ทราบถึงสมาชิกในกลุ่มและเหล่าร้านแต่งรถที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดำเนินคดีกับผู้ชักนำอย่างแอดมินเพจ ที่เชิญชวนหรือสร้างการนัดหมายให้มีการรวมกลุ่มเพื่อแข่งรถที่ผิดกฎหมาย กรณีที่ผู้กระทำผิดเป็นเด็ก ให้ใช้มาตรการทางกฎหมายกับทางผู้ปกครอง
4. เฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม : จัดทำระบบฐานข้อมูลของผู้ที่เคยถูกจับกุมและผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานีตำรวจด้วยระบบ Crimes และจัดอบรมความประพฤติเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคลกลุ่มนี้

การดำเนินการตามมาตรการทั้ง 4 มีการลงมือปฏิบัติมาอย่างจริงจังแล้ว 2 เดือน และพบว่าสถิติผู้กระทำความผิดลดลงไปมาก เหลือเพียง 10-15% เท่านั้น และเพื่อต้องการให้ปัญหานี้หมดไปอย่างยั่งยืน จึงเกิดเป็นแนวคิดสร้างความร่วมมือกับภาคประชาชนขึ้นมา

ดูเพิ่มเติม
>> กำชับตำรวจกฎหมายใหม่ ออกใบสั่งห้ามยึดใบขับขี่ - ให้ใบสั่งส่งบ้านแทนเหน็บหน้ารถ
>> ดีเดย์ส.ค.62 กล้อง 30 ตัวประจำแยกเมืองกรุง จับ "ฝ่าไฟแดง"

เผยช่องทางและวิธีการแจ้งเบาะแสเด็กแว้น

หากพบผู้กระทำผิดให้ระมัดระวังในการเผชิญหน้าเมื่อทำการบันทึกหลักฐาน

การแจ้งเบาะแสเด็กแว้นนั้น ให้ผู้แจ้งนำหลักฐานที่บันทึกเอาไว้เป็นวิดีโอ ภาพถ่าย ที่สามารถระบุวัน เวลาสถานที่เกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ยื่นกับเจ้าหน้าที่พนักงานผ่านทางศูนย์โชเชียลมิเดีย ตร.ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน 1599 หรือศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายและการดำเนินคดีต่อไป

โดยผู้ที่ประสงค์จะแจ้งเบาะแสนั้น ให้คำนึงและพึงระวังถึงความปลอดภัยของตนเองเป็นหลักด้วย หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้กระทำความผิดโดยตรง เพราะเสี่ยงที่จะด้รับอันตรายได้ หากบังเอิญเจอเหตุการณ์ทีมีผู้กระทำความผิด ให้ทำการบันทึกเอาไว้อย่างระวังที่สุด หรืออาศัยข้อมูลจากรถหน้ากล้องของตนเองมาใช้เป็นเบาะแสก็ได้

เด็กแว้นจะโดนข้อหาอะไรบ้าง ? บทลงโทษของผู้ไม่เคารพกฎหมาย

การแจ้งเบาะแส หากมีการตรวจสอบและพบว่าเป็นการกระทำความผิดจริงแล้ว จะนำไปสู่การจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีผู้ต้องหาใน 4 ข้อหาประกอบด้วย

นอกจากจะเสียค่าปรับแล้วยังต้องถูกบันทึกประวัติเพื่อติดตามพฤติกรรมด้วย

1. การแข่งรถในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. การขับรถในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา
3. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
4. เป็นผู้สนับสนุน ส่งเสริมให้มีการแข่งรถ (แอดมินเพจ)

โดยความผิดทั้ง 4 กรณี วางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ซึ่งหลังจากวันแรกที่มีประกาศออกไป พบการแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดมาแล้วสองราย โดยรายการแรก ส่งภาพผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนเป็นแอดมินเพจ ซึ่งปรากฎเป็นภาพการขี่จักรยานยนต์ลักษณะยกล้อประหนึ่งกำลังท้าทาย ส่วนอีกรายเป็นคลิปวิดีโอที่สื่อไปถึงการชักชวนแข่งรถในทาง ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบจึงยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ได้

ถ้าหากหลักฐานที่ได้รับแจ้งมาพบว่ามีมูลเหตุและเข้าข่ายว่าเป็นหลักฐานที่สามารถใช้ติดตามผู้กระทำความผิดได้ จะติดต่อกลับไปหาผู้แจ้งเบาะแส เพื่อสอบถามว่าจะรับเงินรางวัลหรือไม่ ทั้งนี้ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงินรางวัลนำจับจำนวน 3 พันบาทนับจาก 10 วันทำการหลังการตรวจสอบข้อมูล

หากในเหตุการณ์เดียวกันมีการแจ้งเบาะแสหลายคน ก็จะมีคณะกรรมการพิจารณาการใหัเงินรางวัลตามพยานหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตกปากรับคำอย่างจริงจังว่าข้อมูลที่จะได้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ให้มีผลกระทบต่อในภายหลังสำหรับพลเมืองดีแน่นอน

ดูเพิ่มเติม
>> 5 พฤติกรรมผิดกฎหมาย ที่เกิดจากความเข้าใจผิดของผู้ใช้รถ
>> 5 พฤติกรรมธรรมดาบนท้องถนนไทย แต่น่าประหลาดใจสำหรับชาวต่างชาติ

​ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้