ตลาดรถยนต์ไทยในอนาคตอันใกล้นี้จะเป็นอย่างไรกับสภาพการณ์ต่างๆที่มีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตลาดรถยนต์ไทยอย่างไร เราผู้บริโภคต้องรู้ก่อนเตรียมตัวก่อน
ในวิกฤตก็มีโอกาสหลายคนคงเคยได้ยินคำนี้ สำหรับวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เช่นกัน ในช่วงที่ประเทศไทยพบกับวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2011 ก็สร้างความเสียหายให้กับประเทศไปมาก ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 12.8 ล้านคน 4ล้านหลังคาเรือน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายกว่า 150ล้านไร่ โดยธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายไว้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท พื้นที่ทำการเกษตรได้รับความเสียหาย ต้องใช้เวลาและกำลังทรัพย์ในการฟื้นฟูไปอีกหลายเดือนหลังน้ำลด ในด้านรถยนต์มีรถยนต์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลายหมื่นคัน กำลังการผลิตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 ลดลงกว่า3แสนคัน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของประชาชนบางกลุ่มก็เกิดความขัดแย้งจากการไม่ลงรอยกันเรื่องการกั้นทางไหลของน้ำ และเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศ
สภาพน้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่มีผู้คนเดือดร้อนมากมายในปี 2011
โรงงานรถยนต์ Honda ก็โดนน้ำท่วมไปด้วยสร้างความเสียหายเหลือคณา
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านพ้นไป กลับกลายเป็นโอกาสของบริษัทรถยนต์ต่างๆในการตอบสนองความต้องการของประชาชนในประเทศ รถยนต์หลายคันไม่สามารถใช้งานได้หรือบางคนก็ไม่คุ้มที่จะซ่อมแซม ทำให้ประชาชนหลายคนตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่หลังจากเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับช่วงเวลานั้นปี 2011-2012 มีโครงการสำคัญจากทางรัฐบาล คือ โครงการรถยนต์คันแรกที่ให้ผู้ที่ไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์มาก่อน ได้ประโยชน์จากการคืนเงินภาษีเท่ากับที่จ่ายไปในการซื้อรถยนต์คันนั้นแต่ไม่เกิน 100,000 บาท แต่มีเงื่อนไขสำคัญคือห้ามโอนเปลี่ยนมือใน5ปี ยกเว้นถูกยึดเนื่องจากไม่สามารถผ่อนต่อได้ทางไฟแนนซ์สามารถเปลี่ยนมือได้ ทำให้ในปี2012 ยอดจำหน่ายรถยนต์ของตลาดในประเทศไทยสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 1.4 ล้านคัน ในขณะที่ปีก่อนหน้า4-5ปี ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะทำยอดขายได้เฉลี่ยประมาณ 700,000 คัน
สำหรับช่วงปี 2017-2018 มีการคาดการณ์ของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยจะขยายตัวโดยเฉลี่ยประมาณ 5-6% และจากข้อมูลที่ได้มาตลอดปี 2017 ถึงไตรมาสที่3ของปี2018 ทำให้พอคาดการณ์สถานการณ์ของตลาด รถยนต์ในประเทศไทยปี 2019 ว่าน่าจะขยายตัวได้อีกในช่วง 3%-5% ปัจจัยหนุนหลักๆจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะทำให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นที่ต้องการมากขึ้น ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของภาคขนส่งรวมไปถึงการขนส่งจากการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออนไลน์ และภาคการก่อสร้างด้วย ในด้านเกษตรกรรมจะมีผลผลิตมากขึ้นทำให้ความต้องการรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เติบโตไปด้วยเพราะในช่วงหลังมานี้ปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายลงไปมากแล้วพร้อมกับปริมาณน้ำสำรองของกรมชลประทานที่มีเพียงพอด้วย
ดูเพิ่มเติม
>> ย้อนประวัติ Honda Jazz รถทันสมัยสไตล์วัยรุ่น
>> เฟ้อเป็นกรดเกิน! ส่องราคารถเบเนซูเอล่ากลางวิกฤติเศรษฐกิจ
ปัจจัย 4 ประการที่ทำให้อนาคตอันใกล้ของตลาดรถยนต์ยังคงสดใส
1. เศรษฐกิจไทยกำลังพื้นตัว
จากข้อมูลตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าในช่วง3-4 ปีล่าสุดนี้มูลค่าการส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นตัวเลขเงินสำรองทางการซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกการรองรับความเสี่ยงในการทำธุรกรรมของเศรษฐกิจไทยและรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในไทยและต่างชาติได้ ด้วยภาพรวมของเศรษฐกิจที่เติบโตต่อเนื่องทำให้อุปสงค์ในอุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตตามไปด้วย อย่างน้อยที่สุดเป้าหมายแรกคือยอดการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศของปี 2018นี้ จะมียอดทะลุ1ล้านคันหรือไม่ หากเกิน1ล้านคันจะยิ่งตอกย้ำถึงสภานการณ์ที่เป็นจริงว่าเป็นไปตามความคาดหมายมากยิ่งขึ้น
2. รถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัว
จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ มีการคาดการณ์ว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ทำตลาดในไทยจะขนรถยนต์รุ่นใหม่มาทำตลาดอีกในช่วง 3 ปีนี้อย่างน้อยรวมๆกันทุกค่ายแล้วกว่า 20 รุ่น ซึ่งเป็นไปตามสภาพการณ์ของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นพร้อมกับตัวรถยนต์ที่มีการเปิดตัวมาแล้วบางรุ่นในต่างประเทศ ซึ่งในรอบการปรับเปลี่ยนโมเดลในช่วง3ปีนี้ก็คงมีรถยนต์อีกหลายรุ่นที่ถึงรอบระยะเวลาการเปลี่ยนโมเดลปรับโฉมเป็นโมเดลใหม่เข้ามาอีก
Toyota C-HR รถยนต์เซกเมนต์ใหม่จากค่ายเจ้าตลาดที่เปิดตัวในปี2018
รถยนต์ MG T60 กระบะจากค่าย MG ที่คาดจ่อเข้าไทยเร็วๆนี้
3. ครบกำหนดของโครงการรถยนต์คันแรก
สำหรับโครงการรถยนต์คันแรกที่กวาดยอดขายไปอย่างถล่มทลายในช่วงปี 2012-2013 จะเริ่มทยอยครบกำหนดการห้ามเปลี่ยนมือของรถยนต์ที่เวลา5ปี ในบรรดาผู้ที่ครอบครองรถยนต์คันแรกทั้งหมดจะมีบางส่วนนำรถออกขายสู่ตลาดและกลับไปซื้อรถยนต์คันใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นหลังจากที่เทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมากในช่วง5ปีหลังมานี้ โดยเฉพาะระบบอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆเพื่อการตัดสินใจขายและซื้อรถยนต์ได้มากขึ้น ด้วยข้อมูลเหล่านี้ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะทำให้ช่วงปี 2018-2019 มีประชาชนที่ต้องการซื้อรถยนต์มากขึ้นอีกราวๆ 5แสนคัน
4. การคลี่คลายของสถานการณ์ทางการเมือง
หลังจากที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ด้วย ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2019 สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างชาติ ดันดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นทันทีหลังจากมีการประกาศขึ้นมายืนในช่วง1600-1700จุดได้อย่างมีเสถียรภาพ
การเลือกตั้งในประเทศประกาศแล้วอย่างเป็นทางการและจะเกิดขึ้นในปี 2019
ปัจจัยปลีกย่อยที่คอยช่วยดันตลาดคึกคัก
ด้วยปัจจัยทั้ง4ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์คึกคักขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน นอกจากปัจจัยหลักดังกล่าวแล้วยังมีปัจจัยปลีกย่อยที่น่าจะช่วยดันยอดขายของรถยนต์ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะนำมาใส่ลงในรถยนต์รุ่นต่างๆเช่นระบบ ADAS (Advanced Driving Assist System) ที่เริ่มมีให้เห็นในรถยนต์เชิงพาณิชย์กันบ้างแล้ว ทำให้ค่ายรถยนต์คู่แข่งอื่นๆต้องหันมาพิจารณาที่จะนำเอาระบบต่างๆเหล่านี้ใส่ลงมาอีก อีกปัจจัยหนึ่งที่พอจะเห็นเป็นดัชนีวัดความต้องการรถยนต์ของประชาชนไทยคือการหันมาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์อย่างจริงจังของค่าย MG ที่จังหวัดชลบุรีด้วยงบลงทุนไปกว่า10,000ล้านบาท พร้อมกับกำลังการผลิตที่ตั้งไว้ที่ 100,000 คันต่อปี การลงทุนด้วยเม็ดเงินที่มากแบบนี้จะทำให้ตลาดคึกคักต่อไปอีกอย่างต่ำ5ปี และยังเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มในระบบแรงงานของประเทศอีกด้วย
เพื่อนๆคงเห็นกันแล้วนะครับจากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจจะนำมาซึ่งความสดใสของอุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเราได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะรถยนต์เองก็เป็นฟันเฟืองหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย ส่วนใครที่มีแผนจะซื้อรถคันใหม่ก็เก็บเงินกันได้ตั้งแต่วันนี้เพราะว่าตลาดรถยนต์ยังมีอะไรใหม่ๆมารอดูดเงินกระเป๋าของพวกเราอย่างแน่นอน
ดูเพิ่มเติม
>> รถยนต์กับป้ายโฆษณาโดนๆ
>> SAIC Motor – CP ทุ่มหมื่นล้านตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ MG ในไทย
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
อ่านรีวิวรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ เชิญที่นี่