Ferrari 812 Superfast ใหม่ ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของค่ายม้าลำพอง พร้อมรวบรวม 10 รุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาลจาก Ferrari

5 ต.ค 2560
แชร์ 0
คะแนนของบรรณาธิการ
คะแนนของผู้ใช้
ผู้ใช้ 0 คนได้ให้คะแนน
ดูกราฟราคา

ข้อมูลทั่วไป

หลังจากการเผยโฉมครั้งแรกของม้าลำพองตัวแรงอย่าง Ferrari 812 Superfast ไปแล้วเมื่องาน Geneva Motor Show เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Ferrari 812 Superfast ใหม่ และเตรียมจำหน่ายแล้วที่ออสตรเลีย ด้วยเครื่องยนต์ V12 N/A บล็อคใหม่ อันเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์อันทรงพลังอีกรุ่นที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 1947 เทียบกับ F12berlinetta รุ่นปัจจุบัน 812 Superfast มีการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้รับกับกำลังที่เพิ่มขึ้น

Ferrari 812 Superfast ได้เปิดตัวที่งาน Geneva Motor Show
Ferrari 812 Superfast ใหม่ ได้เปิดตัวที่งาน Geneva Motor Show

วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี รองประธานบริษัท กรรมการบริหาร บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์ Ferrari อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ ต้องการผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม GT-Car (Gran Turismo) ที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากสุด เนื่องจากเป็นรถสปอร์ตสำหรับไลฟ์สไตล์ของการใช้อย่างสะดวกสบายทุกวัน ทั้งยังทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงความเร้าใจผสมกลิ่นอายของ Ferrari อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย

Ferrari 812 Superfast ใหม่

ภายนอก

Ferrari 812 Superfast ใหม่ มาพร้อมด้วยมิติตัวถังด้วยความยาว 4,657 มม. ความกว้าง 1,971 มม. ความสูง 1,276 มม. ฐานล้อที่ยาว 2,720 มม. ความกว้างแทรคล้อหน้า 1,672 มม. และด้านหลัง 1,645 มม. โดยได้ทำการแบ่งสัดส่วนน้ำหนักของตัวรถสมดุลย์ด้วยอัตราส่วน 47% – 53%  มาพร้อมไฮไลท์ตัวถังสีแดงที่เรียกว่า Rosso Settanta สำหรับการฉลองครบรอบ 70 ปีของเฟอร์รารี่

มุมมองด้านหน้าของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
มุมมองด้านหน้าของ Ferrari 812 Superfast ใหม่

รูปลักษณ์ของ Ferrari 812 Superfast ได้รับการออกแบบปรับแต่งภายนอกให้มีความหรูหรา สง่างาม และมีความพรีเนียมมากขึ้น ประกอบด้วย เส้นสายและรูปทรงที่เน้นความสปอร์ตรอบคัน ไฟหน้าแบบ LED ถูกฝังเข้าไปในดีไซน์ของช่องดักลมบนฝากระโปรงหน้า ด้านหน้ารถแบบ multi-function ที่มีการใช้อุปกรณ์ aerodynamics เช่นช่องลมแบบ active ที่ด้านใต้หน้ารถ และที่ด้านท้าย เพื่อเพิ่มแรงกด (downforce) ส่วนด้านท้ายของรถสวยงามลงตัวยิ่งกว่าเดิมด้วยการแทนที่ไฟกลมโคมเดี่ยวด้วยโคมกลมคู่ทั้ง 2 ฝั่ง ติดตั้งไฟท้ายทรงกลม 4 ดวงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของเฟอร์รารี่เอง ช่วยทำให้ 812 ซุปเปอร์ฟาสต์นั้นมีท่าทีที่ดุดันทันสมัย   

มุมมองด้านข้างของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
มุมมองด้านข้างของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
​มุมมองด้านหลังของ Ferrari 812 Superfast ใหม่
มุมมองด้านหลังของ Ferrari 812 Superfast ใหม่

ภายใน

สำหรับห้องโดยสาร​ Ferrari 812 superfast ใหม่ ได้รับการออกแบบตกแต่งให้มีความหรูหราสวยงามเช่นเดียวกับภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า ซึ่งเป็นรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ที่ใช้  รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่าง​ ​ๆ เบาะนั่งมีความสปอร์ทและเข้ากับสรีระมากขึ้น มาพร้อมกับ ระบบ HMI ใหม่ ติดตั้งระบบ infotainment และ ระบบปรับอากาศใหม่ รวมถึงติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง Virtual Short Wheelbase เวอร์ชั่นที่ 2 อีกด้วย

ห้องโดยสาร Ferrari 812 Superfast ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งมีความสปอร์ท
ห้องโดยสาร Ferrari 812 Superfast ใหม่ มาพร้อมเบาะนั่งมีความสปอร์ท

อุปกรณ์อํานวยความสะดวก


ห้องโดยสาร Ferrari 812 Superfast ใหม่ เติมเต็มอุปกรณ์ต่างๆ 

 ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่าง​ ​ๆ
 ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า รวมไปถึง ปุ่มควบคุมต่าง​ ​ๆ

 

การทำงาน

Ferrari 812 Superfast คันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์  V12 N/A บล็อคใหม่ ความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 788 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 718 นิวตันเมตร  ที่ 7,000 รอบ/นาที โดย 80% ของแรงบิดจะมีให้ใช้ตั้งแต่ 3,500 รอบ/นาที  จับคู่กับเกียร์  7 สปีด F1 DCT กับ E-Diff3 and 4WS ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 2.9 วินาที 0-200 ได้ใน 7.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 340 กิโลเมตร/ชั่วโมง เบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 32 เมตร และเฟอร์รารี่เคลมไว้ว่า มีอัตราสิ้นเปลืองที่ประมาณ 6.7 กิโลเมตร/ลิตร

ขุมพลีงของ Ferrari 812 Superfast
ขุมพลีงของ Ferrari 812 Superfast ใหม่

Ferrari  812 Superfast ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 340 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาที เทียบกับ F12berlinetta รุ่นพื้นฐานทำเวลาได้ดีขึ้น 0.2 วินาที ในขณะที่ตัวเลขท๊อปสปีดยังคงเดิม

รีวิวทั่วไป

ทั้งนี้ Ferrari  812 Superfast ใหม่ จะเตรียมจำหน่ายแล้วที่ออสตรเลียได้ประมาณช่วงต้นปีหน้า ราคาอยู่ที่ประมาณ 610,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15.8 ล้านบาท

10 รุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาลจาก Ferrari

ตั้งแต่ปี 1929 ที่ Enzo Ferrari ก่อตั้ง “Scuderia Ferrari” ทีมแข่งรถที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงด้วยรถ Alfa Romeo จนในที่สุดปี 1930  ได้แยกทางกับทาง Alfa และมาเริ่มต้นสร้างรถแข่งของตัวเองในชื่อ “Scuderia” แต่อย่างไรก็ตามหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Ferrari ต้องการเงินเพื่อนำมาเป็นส่วนในการสนับสนุนทีมแข่ง จึงได้เริ่มต้นผลิตรถเพื่อจำหน่ายวิ่งบนถนนทั่วไปในปี 1940

เกือบ 80 ปีที่ผ่านมากับคุณภาพและความหลงใหลที่ Ferrari มอบให้กับคนทั่วโลกและนี่คือ 10 รุ่นม้าลำพอง Sport Car ที่ดีที่สุดจาก Ferrari

10. Ferrari 250 GT California Spyder SWB

ปีที่ผลิต: 1960-1961

เครื่องยนต์ 3.0L, V12, 276 แรงม้า

ระบบเกียร์: ธรรมดา 5 Speed, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 140mph
 

Ferrari 250 GT California Spyder SWB

Ferrari 250 GT California Spyder SWB

 

หน้าตารูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างกับออกมาจากหนัง Hollywood ที่พระเอกชอบใช้ขับ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยเทคโนโลยีแบบรถแข่งมาเต็มๆ อยากได้ลุคไหนก็ลงตัวทั้งนั้นไม่ว่าจะ หล่อๆ ขับกินลมหรือความแรงก็ไม่เป็นสองรองใครในยุคนั้น

9. Ferrari F12 berlinetta

ปีที่ผลิต: 2012-ปัจจุบัน
เครื่องยนต์ 6.3-litre V12, 730 แรงม้า
ระบบเกียร์: 7 Speed twin-clutch, ขับเคลื่อนล้อหลัง
Top speed: 211mph

Ferrari F12 berlinetta

Ferrari F12 berlinetta

 

ตัวเลข 12 ที่ทาง Ferrari นำมาตั้งเป็นชื่อรุ่นมีอะไรหลายๆ ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 12 สูบคือเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดที่ทาง Ferrari เคยทำ, บนรถแข่ง F1 ก็เป็นเครื่องยนต์ V12 กระทั่งรุ่นนี้  F12berlinetta กับเครื่อง V12 วางหน้าทำให้กลายเป็นสุดยอดรถเครื่องยนต์วางหน้าของ Ferari ไปอีกรุ่น

 

8. Ferrari F50

ปีที่ผลิต: 1995-1997

เครื่องยนต์ 4.7L, V12, 513 แรงม้า

ระบบเกียร์: 6-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 202mph

 

Ferrari F50

Ferrari F50

ความสำเร็จของ F40 ทำให้เกิด F50 ออกมา แม้จะไม่ได้มีเหตุผล เรื่องเล่า ความมีที่มาที่ไปชวนให้เป็นรถน่าเก็บเท่ากับ F40 แต่ที่เหนือกว่าคือด้านของการขับขี่ที่ถูกพัฒนามาให้ดีกว่าเดิม

7. Ferrari Dino 246

ปีที่ผลิต: 1969-1974

เครื่องยนต์ 2.4L, V6, 195 แรงม้า

ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 148mph

Ferrari Dino 246

Ferrari Dino 246

 

เมื่อ Ferrari ต้องการที่จะมี Sport Car เครื่องวางกลางรุ่นเล็กมาทำตลาดแข่งกับ Porsche 911 ส่งผลให้เกิดแบรนด์ “Dino” นี้ขึ้นมากับเครื่องยนต์ที่เล็กลงจาก V12 มาเป็นเครื่อง V6 และตัวถังที่เล็กกระทัดรัดลงกว่าเดิม
 

6. Ferrari 365 GTB/4 Daytona

ปีที่ผลิต: 1968-1973

เครื่องยนต์ 4.4L, V12, 352 แรงม้า

ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 174mph
 

Ferrari 365 GTB/4 Daytona

Ferrari 365 GTB/4 Daytona
 

Enzo Ferrari คือคนหนึ่งที่ติดอยู่กับความดั่งเดิม การวางเครื่องยนต์ไว้ด้านหน้าคือสิ่งที่เขารับไม่ได้ทั้งสิ้น จากจุดเริ่มต้นในสนามแข่ง F1 นำมาสู่การสร้าง Production Car จะเป็นรถที่

วางด้านหลังตัวคนขับทั้งสิ้นแต่รุ่นนี้ทำให้เกิดความแตกต่างในสายการผลิตด้วยการวางเครื่องไว้ที่ด้านหน้า ประกอบกับในช่วงปี 1966 Lamborghini เปิดตัวรุ่น Miura มากับรูปลักษณ์อารมณ์แบบรถ Daytona หน้ายืด หลังสั้น ด้วยสรีระตัวถังที่ไม่อำนวยในการวางเครื่องไว้ด้านหลังสักเท่าไรทาง Ferrari จึงยอมละความดั่งเดิมนำเครื่องยนต์มาวางไว้ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับรุ่น Ferrari 365 GTB
 

5. Ferrari 488 GTB

ปีที่ผลิต: 2015-ปัจจุบัน

เครื่องยนต์ 3.9L twin-turbo, V8, 661 แรงม้า

ระบบเกียร์: 7-speed dual clutch ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 205mph
 

Ferrari 488 GTB

Ferrari 488 GTB

 

Sport Car มากมายในปัจจุบันหันไปคบหากับเครื่องยนต์เทอร์โบ ที่สามารถตอบโจทย์เรื่องอัตราเร่งดีกว่าและสร้างความตื่นเต้นในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น 488 GTB คือผลผลิตที่ช่วยตอบความต้องการด้วยเครื่องยนต์ twin-turbo
 

4. Ferrari 125 S

ปีที่ผลิต: 1947

เครื่องยนต์ 1.5L, V12, 118 แรงม้า

ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: N/A
 

Ferrari 125 S

Ferrari 125 S
 

นี่คือ Production Car ที่ทาง Ferrari ผลิตออกจำหน่ายเป็นรุ่นแรกเมื่อตอนหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทีมแข่งประสบปัญหาทางการเงินและต้องการนำเงินมาเพื่อพัฒนาทีม ชื่อเสียงของทีมแข่งนำไปสู่การผลิตรถเพื่อจำหน่ายและมันคือรถรุ่นนี้ที่เป็นรุ่นแรกในสายการผลิต Ferrari 125 S
 

3. Ferrari 250 GTO

ปีที่ผลิต: 1962-1964

เครื่องยนต์ 3.0L, V12, 300 แรงม้า

ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 175mph
 

Ferrari 250 GTO

Ferrari 250 GTO
 

ความหายากและความสำเร็จในด้านมอเตอร์สปอร์ตของ Ferrari นำไปสู่การสร้าง 250GTO ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความต้องการมากที่สุดตลอดกาล
 

2. Ferrari F355

ปีที่ผลิต: 1994-1999

เครื่องยนต์ 3.5L, V8, 375 แรงม้า

ระบบเกียร์: 6-speed manual or 6-speed electrohydraulic clutch auto, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 183mph
 

Ferrari F355

Ferrari F355
 

เส้นสายที่สง่างามกับเสียงเครื่อง V8 ลั่นๆ ดังสนั่นทุ่ง ทำให้ F355 เป็นรุ่นหนึ่งของ Ferrari ที่น่าสนใจของยุค 90 อย่างปฎิเสธไม่ได้แม้แต่น้อย
 

1.Ferrari F40

ปีที่ผลิต: 1987-1992

เครื่องยนต์ 2.9-litre twin-turbo V8, 471 แรงม้า

ระบบเกียร์: 5-speed manual, ขับเคลื่อนล้อหลัง

Top speed: 201mph
 

Ferrari F40

Ferrari F40

F40 คือรถที่ออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของทาง Ferrari และเป็นรถรุ่นสุดท้ายที่อนุมัติการผลิตโดย Enzo Ferrari ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1988 ด้วยความขลังของเรื่อง จึงส่งให้ทาง Ferrari F40 เป็นอีกรุ่นที่เป็นที่ต้องการ และน่าเก็บอย่างมากในปัจจุบัน

 

ติดตามข่าว Ferrari เชิญที่นี่ 

 

แบ่งปันความคิดเห็นของคุณกับเรา

คะแนนของคุณ

ความคิดเห็น

0/1000