เลือกรถสายลุยยังไงให้ได้ดังใจ!!

ประสบการณ์ใช้รถ | 28 มิ.ย 2561
แชร์ 0

ตอนนี้อาจมีหลายคนกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ นอกจากรถเก๋ง รถไซส์มินิ หรือรถแบบ SUV ที่กำลังเป็นที่นิยมแล้ว รถสายลุยก็มาด้วยเหมือนกัน แต่เราจะเลือกรถสายลุยยังไงให้ได้ตรงใจ วันนี้ Chobrod มีมาบอก

หลายคนอาจกำลังมองหารถคันใหม่ที่พร้อมการเดินทางลุย สมบุกสมบัน รับได้ทุกสถานการณ์ เพื่อออกไปตระเวนรอบป่าหรือต้องการผจญภัยสู่โลกกว้าง ซึ่งหลายคนก็คิดไม่ตกว่าจะซื้อยังไงดี วันนี้ Chobrod มีคำแนะนำดีๆมาฝากกัน

เลือกรถสายลุยยังไงให้ได้ดังใจ!!

เลือกรถสายลุยยังไงให้ได้ดังใจ!!

1.เลือกระบบขับเคลื่อน

หัวใจหลักของการเลือกซื้อรถก็คือระบบขับเคลื่อน ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อนสองล้อหรือขับเคลื่อนสี่ล้อ ทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าอยากได้แบบบุกป่าฝ่าดง ขับบนถนนขรุขระ ทั้งหลุมบ่อหรือลูกรัง ก็ให้เลือกแบบขับเคลื่อนสี่ล้อเถอะ แต่ถ้าไม่ได้ลุยมากขนาดนั้นแบบขับเคลื่อนสองล้อก็พอแล้ว 

รถลุยควรเลือกแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

รถลุยควรเลือกแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

2.ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ

ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับรถที่จะใช้ลุย เพราะด้วยถนนที่ไม่ได้เรียบเสมอ หากระยะนี้ต่ำอาจทำให้รถต้องครูดกับพื่นได้ ดังนั้นการดูระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถเราต้องเช็คให้ดีว่าเมื่อตกหลุมตกบ่อแล้ว ใต้ท้องรถจะไม่ครูด ทั้งยังหมายถึงเรื่องน้ำท่วมอีก เพราะถ้ารถสูง ก็จะผ่านน้ำได้สบายๆ วิธีการดูคร่าวๆ ก็เช่น ถ้ารถ 220 มม. หมายถึง ที่ระยะระดับน้ำ 20 เซ็นติเมตร รถเราจะสามารถผ่านได้สบาย

ดูเพิ่มเติม
>>วิธีเอาตัวรอดเมื่อรถตกเขา
>>ต้องลองสักครั้ง! บอกต่อเทคนิคขับขี่รถ 4WD

3.มุมต่างๆ

ส่วนสำคัญในการเลือกรถก็คือเรื่องมุมซึ่งมี 3 มุม ที่ควรรู้ในรถสายลุย ได้แก่

  • มุมไต่ คือ มุมที่หน้ารถจะมุ่งเข้าหาเนินชัน และถ้าชันมากก็ต้องปะทะกับใต้ท้องเนิน ยิ่งมุมไต่มาก แสดงว่าสามารถปีนหรือผ่านเนินชันได้สบายๆ
  • มุมคร่อม คือ มุมที่อยู่ใต้ท้องรถ เมื่อรถเกิดการคร่อมระหว่างหลุม หรือเส้นทางในการขับขี่ที่มีพื้นสูงกว่ารอยล้อ ซึ่งอาจทำให้ใต้ท้องได้ถูกครูดได้ ถ้ามีระยะมุมคร่อมมากจึงช่วยลดการติดหลุมได้มากเลยทีเดียว
  • มุมจากมีหน้าที่คล้ายมุมไต่ แต่อยู่ท้ายรถ อาจไม่สำคัญเท่ามุมไต่ หรือมุมคร่อม แต่ก็ก็จำเป็น เนื่องจากผู้ที่เน้นขับรถขึ้นลงทางชันระยะประชิด มุมจากนี้ช่วยให้ท้ายรถปลอดภัยไม่ครูดหรือเสียหาย

4.ความสามารถในการลุยน้ำ

ความสามารถในการลุยน้ำหรือ  Water Wading  เราต้องดูว่ารถสามารถลุยน้ำได้ระดับน้ำเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่ค่ายรถก็บอกไว้อยู่แล้ว ความสามารถการลุยน้ำอาจไม่ได้สำคัญที่สุดสำหรับรถลุย แต่ก็ดีกว่าถ้าคุณรู้และอุ่นใจการขับลุย

ควรดูระยะใต้ท้องรถ และความสามารถในการลุยน้ำ

ควรดูระยะใต้ท้องรถ และความสามารถในการลุยน้ำ

5.กำลังแรงบิด

แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นรถแบบไหนเราก็ต้องดูกำลังเครื่องยนต์และในการเลือกรถสายลุยเราก็ต้องเลือกรถที่มีแรงบิดดีเพราะต้องเจอกับอุปสรรคต่างๆ ซึ่งจะทำให้มีความเร็วในขณะไม่เดินคันเร่ง  (Walking Speed)  ดีกว่า

6.การบำรุงรักษา

เมื่อเราเอารถไปใช้ลุยสมบุกสมบัน แน่นอนว่าก็ต้องมีรอยบ้างอะไรบ้าง และการดูแลรถก็เป็นสิ่งจำเป็น แล้วเกี่ยวอะไรกับการเลือกรถ เกี่ยวแน่นอน เพราะด้วยการใช้รถสายสุย เราก็ต้องหารถที่บำรุงดูแลรักษาได้ง่าย อะไหล่ถูกและดี ซึ่งมันค่อนข้างจำเป็นมาเเลยทีเดียว

เลือกรถแบบลุย ก็ต้องบำรุงรักษาเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

เลือกรถแบบลุย ก็ต้องบำรุงรักษาเป็นพิเศษด้วยเช่นกัน

เป็นยังไงบ้างกับความรู้ดีๆที่เรา Chobrod นำมาฝากกัน การเลือกรถถูกใจเหมาะกับการชับขี่ของเราก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว หวังว่าจะเป็นคำแนะนำให้สำหรับเหล่าผู้อ่านที่อยากได้รถลุยๆ แต่ถ้าใครอยากให้เรานำเสนอเรืองราวก็เสนอได้เลย

ดูเพิ่มเติม
>>วิธีขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงรถพัง
>>Suzuki เผยโฉมรถแต่งพิเศษมาในธีม Adventure ในงาน Tokyo Auto Salon 2018