เบรกหรือระบบห้ามล้อ (Brake) ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ ของการใช้รถที่ช่วยในการลดความเร็วและหยุดรถให้จอดนิ่งซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสาร ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องให้ความใส่ใจในการดูแลรักษาระบบเบรกมากเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากการใช้ยานยนต์
ระบบเบรก ระบบสำคัญที่สุดของรถทุกคัน
ระบบเบรก เป็นระบบสำคัญลำดับต้นๆ ของรถยนต์ เพราะเป็นระบบที่ใช้ในการหยุดรถ การชะลอเพื่อควบคุมรถยนต์ขณะเข้าทางโค้ง ทางลาดชัน ยิ่งในสถานการณ์คับขัน ระบบเบรกยิ่งมีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถทุกคนควรใส่ใจ แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปอุปกรณ์ย่อมเกิดการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน แต่เราก็สามารถทำการยืดอายุการใช้งานระบบเบรกให้นานยิ่งขึ้น ด้วยการหมั่นดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ด้วย 3 เทคนิคง่ายๆ ที่ทุกท่านสามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังต่อไปนี้
ควรทำความสะอาดและเช็คสภาพผ้าใบเบรก/จานเบรก ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยวิธีการต่อไปนี้
ควรตรวจเช็คระบบเบรกอยู่เสมอ
ผ้าเบรก
จานเบรก
นอกเหนือจากนี้ควรทำการเช็คสภาพของอุปกรณ์ต่าง ๆของระบบเบรก เช่น ลูกยางกันฝุ่น, ลูกยางแม่ปั๊มเบรก, ลูกยางลูกสูบเบรก ควรถอดมาล้างทำความสะอาดหรือเช็คดูว่ามีการชำรุดหรือไม่ เพราะถ้าอุปกรณ์เหล่านี้มีการชำรุด ก็อาจส่งผลให้ระบบเบรกมีปัญหา
ควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก 10,000 กม. หรือ ทุก 6 – 12 เดือน/ครั้ง ทั้งนี้ ควรเลือกน้ำมันเบรกที่เหมาะสมตามค่ามาตรฐานตามคู่มือรถนั้น ๆ
ควรมีการเปลี่ยนน้ำมันเบรกอยู่สม่ำเสมอทุกครั้งที่มีการเช็คสภาพรถ
ทั้งนี้ การเบรกรถอย่างถูกจังหวะของผู้ขับก็ยังมีส่วนสำคัญในการยืดอายุการใช้งาน โดยการเบรกที่ถูกต้องเหมาะกับสถานการณ์ เช่น การเบรกเพื่อชะลอความเร็ว การเบรกรถเพื่อหยุดจอดและการเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งการเบรกแต่ละแบบก็มีวิธีการแตะเบรกที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม หากต้องการตรวจเช็คสภาพการใช้งานและบำรุงรักษาระบบเบรกเพื่อยืดอายุการใช้งานอย่างละเอียด ทุกท่านสามารถนำรถเข้าศูนย์หรือให้ช่างผู้มีความชำนาญเป็นผู้แล เนื่องจาก หากพบปัญหาจะได้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีและเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ใช้งานตลอดจนเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน
ดูเพิ่มเติม
>> ฤกษ์งามยามดีออกรถในเดือนมีนาคม 2562
>> ทริคง่ายๆ ดูรถยนต์มือสองอย่างไรให้รู้ว่า “ย้อมแมวขาย”
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
ล่าสุด กรมการขนส่งทางบกอเมริกา (Department of Transportation ; DOT) ได้ประกาศให้ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติหรือระบบหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถทุกรุ่นที่จำหน่าย จากคำกล่าวของ เลขานุการกรมขนส่ง Anthony Foxx โดยได้รับการแนะนำจาก NHTSA หรือ หน่วยงานความปลอดภัยทางถนนในสหรัฐ ภายใต้การประเมินการทดสอบความปลอดภัยของรถใหม่ (Ncap)
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ หรือ Autonomous Emergency Braking (AEB) นั้นเป็นเทคโนโลยียุคใหม่ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถของผู้ขับขี่ไปชน วัตถุข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นจักรยานหรือรถคันหน้า ซึ่งทางยุโรปเริ่มใช้ในรถทุกรุ่นเมื่อปี 2017
สำหรับการทำงานของระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ นั้น ใช้ เทคโนโลยีของคลื่นเรดาร์และแสงเลเซอร์ในการจับการเคลื่อนไหว เพื่อที่จะเป็นกลไกให้มีการสั่งงานไปที่ระบบเบรกและทำการเบรคเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดการชน
เทคโนโลยีของคลื่นเรดาร์และแสงเลเซอร์ในการจับการเคลื่อนไหว
ระบบความปลอดภัยนี้จะไม่มีผลต่อคะแนนทดสอบการชนจากหน่วยงานที่ทดสอบการชนของรถใหม่ (Ncap) แต่ก็จะบันทึกไว้ในเวปไซต์ว่ารถที่ทดสอบชนนั้นมีระบบเบรคฉุกเฉินหรือไม่ แต่ Catherine Howden โฆษกของ กรมการขนส่งทางบกอเมริกา กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการกะรตุ้นให้ผู้บริโภคพิจารณาในการเลือกซื้อรถที่มีระบบนี้ และบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลายต้องเพิ่มเทคโนโลยีนี้ให้กับรถทุกรุ่นทุกคัน โดยก่อนหน้านี้ได้แนะนำระบบ เสียงเตือนเมื่อขับรถออกนอกเลนและระบบกล้องมองหลังให้กับค่ายรถยนต์
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่เสมอทำให้ปัจจุบันรถใหม่่ที่ออกขายตั้งแต่ปี 2016 ต้องมีระบบเบรกอัตโนมัติ
สำหรับระบบความปลอดภัยนี้จะเป็นเป็นบรรทัดฐานในการประเมินความปลอดภัยของ สถาบันประกันความปลอดภัยทางหลวง (The Insurance Institute for Highway Safety) และ Euro NCap อาจให้คะแนนเป็น 5 ดาว ถ้าบรรจุในการทดสอบไว้ เพื่อปรับปรุงโปรแกรมทดสอบความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพและรองรับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยใหม่ๆที่จะมาบรรจุในโปรแกรมทดสอบ จากคำกล่าวของ Mark Rosekind ผ้ดูแลหน่วยงาน NHTSA
ดูเพิ่มเติม
>> BMW X3 M, X4 M อเนกประสงค์หรูแรงพิเศษ การันตีความแรงระดับ 500 ม้า
>>Toyota Corolla Altis มือสอง น่าโดนหรือถอยดี?