รถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) คืออะไร?

ประสบการณ์ใช้รถ | 28 มิ.ย 2565
แชร์ 7

ไฮบริดที่กำลังเติบโตในประเทศไทยรุ่นหนึ่งคือรถปลั๊ก-อิน แล้วมีอะไรที่ไม่เหมือนไฮบริดบ้าง?

รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน คืออะไร

รถ phev คือ ประเภทหนึ่งของรถไฮบริด EV 

รถ plug in hybrid คืออะไร

Honda Clarity Plug-In Hybrid 2019

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) 

รถพลังไฟฟ้าปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) เป็นประเภทหนึ่งของรถไฮบริด EV ที่ผสานเครื่องยนต์เบนซิน/ดีเซลกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จได้โดยการเสียบปลั๊กไฟฟ้าหรือสถานีชาร์จไฟ รถไฮบริดทั่วไปมีมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ แต่แปลงกำลังทั้งหมดจากเบนซิน/ดีเซล PHEV สามารถเดินทางอย่างน้อย 2 แบบ: “ไฟฟ้าอย่างเดียว” หมายถึงมอเตอร์กับถ่านให้พลังงานรถ และ “ไฮบริด” ที่ใช้ทั้งไฟฟ้ากับน้ำมัน บางรุ่นเดินทางด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 70 ไมล์ PHEV ให้การประหยัดน้ำมันแบบรถไฮบริดกับความสามารถจากไฟฟ้าของรถ BEV หรือรถเซลล์พลังงาน ในสภาพการขับขี่ต่าง ๆ สามารถกักเก็บไฟฟ้าเพื่อลดการใช้น้ำมันได้ PHEV ใช้น้ำมันน้อยกว่ารถทั่วไป 30-60% ทำให้อาจประหยัดเงินได้เป็น 100 เหรียญ/ปี จากการอ้างอิงของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DoE)

>>> ไฮบริด, PHEV, EV ทำไมจึงแตกต่าง?
>>> 4 ข้อดีของรถ EV ที่รถใช้เครื่องยนต์ธรรมดาให้ไม่ได้

Toyota Prius Prime 2017

Toyota Prius Prime 2017

รถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ในไทย

ในตลาดเมืองไทยก็มีรถ PHEV ที่วางขายอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นรถหรูค่าย Mercedes Benz และ BMW ซึ่งนำเข้าจากฝั่งยุโรป  อาทิ MERCEDES-BENZ C350E, MERCEDES-BENZ E350E , MERCEDES-BENZ GLE500E, MERCEDES-BENZ GLC 300 e 4MATIC และ MERCEDES-BENZ GLC 300 e 4MATIC Coupé ส่วนรถ PHEV ค่าย BMW มี BMW X5 xDrive45e M Sport, BMW 330e M Sport  เป็นต้น

รถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) ทำงานอย่างไร

นอกจากเสียบปลั๊กไฟตามบ้านแล้ว ถ่านของ PHEV ชาร์จได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปในหรือเบรคจ่ายไฟ (ระหว่างเบรค มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องปั่นไฟ ด้วยการใช้พลังงานชาร์จแบต) มอเตอร์ไฟฟ้าคอยเสริมกำลังเครื่องยนต์ ทำให้เพิ่มการประหยัดน้ำมันโดยไม่ชะลอสมรรถนะลง PHEV มักเริ่มใช้งานในโหมดไฟฟ้าก่อนแล้วทำงานด้วยกระแสไฟจนถ่านหมด บางรุ่นจะเปลี่ยนเป็นโหมดไฮบริดเมื่อความเร็วอยู่ในระดับวิ่งบนทางด่วน ปกติประมาณ 60-70 ไมล์/ชม. เมื่อถ่านหมด เครื่องยนต์จะรับช่วงต่อแล้วตัวรถเดินทางแบบไฮบริดธรรมดา

DoE อ้างว่ารูปแบบปลั๊ก-อินไฮบริดพื้นฐานมี 2 แบบ:

  1. ในรถ PHEV หรือ EV แบบยืดระยะ มีแค่มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำให้ล้อหมุนและเครื่องเบนซินสร้างกระแสไฟ PHEV สามารถใช้ไฟฟ้าเดินรถได้จนแบตหมด แล้วเครื่องเบนซินจะปั่นไฟเพื่อส่งกำลังให้มอเตอร์ไฟฟ้า รถแบบนี้อาจไม่ใช้น้ำมันเลยสำหรับการเดินทางระยะสั้น
  2. อีกฝั่งนึง หรือเรียกว่ารถ PHEV แบบผสม ทั้งเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อหากันแล้วเดินรถภายใต้สภาวะการขับขี่จำนวนมาก การทำงานด้วยไฟฟ้าเท่านั้นจะเกิดขึ้นเมื่อความเร็วต่ำ

Mitsubishi Outlander PHEV

Mitsubishi Outlander PHEV

ต้นทุนของรถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV)

แม้มอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ช่วย PHEV ใช้น้ำมันน้อยลงและลดมลพิษให้น้อยกว่ารถทั่วไป แม้แต่ในโหมดไฮบริด การใช้น้ำมันขึ้นอยู่กับระยะทางที่เดินทางระหว่างชาร์จแบต ถ้าไม่เคยเสียบปลั๊กชาร์จไฟรถเลย การประหยัดน้ำมันจะเท่ากับรถไฮบริดขนาดเหมือนกัน ถ้าใช้เดินทางสั้นกว่าระยะที่ใช้ไฟฟ้าไปได้แล้วเสียบชาร์จไฟกลางทาง รถจะใช้แค่ไฟฟ้าเท่านั้น

PHEV มีพิมพ์เขียวคาร์บอนน้อยกว่ารถใช้น้ำมันทั่วไปอย่างมากด้วย 2 เหตุผล: PHEV สามารถเดินทางด้วยไฟฟ้าได้จากกริดไฟฟ้า และกระแสไฟสะอาดกว่าน้ำมันเบนซิน/ดีเซล PHEV ไม่ปล่อยมลพิษจากท่อท้ายรถเมื่อใช้ไฟฟ้า; อีกทั้งมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ทำให้ประหยัดน้ำมันได้ แม้ว่าโดยปกติ PHEV ปล่อยแก๊สเรือนกระจกน้อยกว่ารถทั่วไป จำนวนแก๊สขึ้นอยู่กับว่ากระแสไฟฟ้ามาจากไหน เช่นนิวเคลียร์กับไฟฟ้าพลังน้ำสะอาดกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน นอกจากนี้ แม้ไฟฟ้าจะถูกกว่าน้ำมัน การประหยัดน้ำมันไม่ได้ชดเชยราคารถ PHEV ที่สูงกว่าได้เสมอ (ประมาณ 4000-8000 เหรียญ) การประหยัดน้ำมันอยู่ที่ตัวรถ ระยะทางที่ใช้ไฟฟ้าและค่าน้ำมัน การชาร์จไฟรถ PHEV ต้องใช้เวลา – เป็นหลายชั่วโมงเมื่อใช้เสียบปลั๊กในช่องจ่ายความจุ 120v กับ 1-4 ชั่วโมงเมื่อชาร์ตที่ชาร์จ 240v ระบบ Fast Charge ถึง 80% อาจใช้เวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น

ข้อดีข้อเสียของ Plug-in Hybrid (PHEV)

ข้อดี

  • สมรรถนะดี มีกำลังขับเคลื่อนแรงกว่ารถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ไฮบริด
  • ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง
  • สามารถเติมพลังงานไฟฟ้าได้
  • ปล่อยมลพิษน้อยลง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • สามารถขับด้วยระบบไฟฟ้าล้วนได้มีประสิทธิภาพกว่ารถไฮบริดทั่วไป

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่ารถไฮบริดทั่วไป
  • สถานีชาร์จไฟยังมีไม่มากนักและหากชาร์จไฟจากกระแสไฟบ้านบางรุ่นอาจใช้เวลานาน
  • ค่าไฟบ้านเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ
  • ค่าใช้จ่ายในการดูแลสูงกว่ารถไฮบริดทั่วไปเพราะต้องดูแลทั้ง 2 ระบบ
  • หากแบตเตอรี่เสื่อมจะเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมสูง

Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามไปพร้อมกับตลาดรถกันเลยนะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้