ขับรถใหญ่ปลอดภัยกว่า? รถเก่าแข็งกว่า!! ปลอดภัยกว่าจริงหรือ

รถใหญ่กว่าจะปลอดภัยกว่ารถเล็ก

รถเล็กรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนา อีโคคาร์ B-Segment ล้วนเป็นขนาดรถที่ยอดนิยมในประเทศไทยเพราะด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าสำหรับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของรถคันแรกสักคัน เทคโนโลยีออพชั่นก็มีมาให้ไม่น้อยหน้าเทียบเท่าได้กับรถใหญ่อย่างพวกรถ D-Segment หรือรถยุโรปราคาแพง แต่การขับขี่ใช้งานจริงๆ แล้วรถที่ขนาดใหญ่และหนักกว่าก็ยังคงปลอดภัยกว่ารถขนาดเล็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

“มันเป็นเรื่องของหลักการฟิสิกส์”

ที่ว่าด้วยเรื่องของใหญ่กว่าหนักกว่า จะปลอดภัยกว่าสิ่งของที่ขนาดเล็กและเบากว่า

รถยนต์ที่ตัวถังขนาดใหญ่และส่วนของด้านหน้าหรือห้องเครื่องยาวกว่าจะช่วยป้องกันในส่วนห้องโดยสารในการรับแรงกระแทกได้มากขึ้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะทำให้ได้เปรียบถ้าเกิดการชนในด้านหน้าซึ่งจากการศึกษาของ IIHS สถาบันประกันความปลอดภัยบนทางหลวงพบว่ารถที่หนักกว่าจะช่วยซับแรงกระแทก ช่วยลดแรงเมื่อเกิดการชนซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถปลอดภัยได้มากกว่า

รถขนาดใหญ่จะปลอดภัยกว่า ความเสียหายน้อยกว่าเมื่อเกิดการชน

ซึ่งถ้านำสถิติมาเทียบจะยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2015 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้รถ SUV ขนาดใหญ่เพียง 13 รายเท่านั้นจากรถที่เกิดอุบัติเหตุหนึ่งล้านคัน ส่วนผู้เสีชีวิตของรถยนต์ขนาดเล็กมีมากถึง 64 รายจากรถที่เกิดอุบัติเหตุหนึ่งล้านคัน

รถรุ่นเก่าแข็งกว่า ปลอดภัยกว่ารถรุ่นใหม่จริงหรือ?

มีบางคนที่ยืนยันว่ารถรุ่นเก่าๆ ถูกสร้างมาด้วยเหล็กที่แข็งกว่า เช่นคำพูดที่ว่า “รถรุ่นเก่าๆ เหล็กมันแข็งกว่า เวลาชนไม่ต้องกลัวเลย”  อ้างว่าปลอดภัยกว่ารถรุ่นใหม่ๆ จริงหรือ?  ซึ่งที่จริงแล้วไม่เป็นความจริง ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้รถสมัยนี้มีความปลอดภัยสูงขึ้นทั้งการออกแบบตัวถังที่ช่วยให้กระจายแรงได้เมื่อเกิดการชน อีกทั่งถุงลมนิรภัยมากมายหลายจุดในห้องโดยสารหรือจะทั้งระบบช่วยการขับขี่ต่างๆ ESC, ABS, BA ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการชนได้อยู่หมัด อย่างระบบ ESC ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพป้องกันการพลิกคว่ำของตัวรถ ซึ่งเป็นออพชั่นสำคัญที่มีประโยชน์เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

เปรียบเทียบการชนระหว่างรถรุ่นเก่ากับรถปีใหม่ ความเสียหายของรถอาจจะไม่ต่างกันนัก แต่สิ่งที่จะช่วยให้คนในรถปลอดภัยได้มากขึ้นคือ อุปกรณ์ความปลอดภัยภายในรถ

Becky Mueller วิศวกรวิจัยอาวุโสของ IIHS กล่าวว่า สำหรับบางคนที่ไม่ได้มีโอกาสซื้อรถใหม่ป้ายแดง ราคาสูง มองหาตัวเลือกเป็นรถมือสอง ก็เลือกรถคันที่มีระบบความปลอดภัยที่สำคัญและจำเป็นจริงๆ แค่ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้าง ทั้งข้างประตูและม่านถุงลมกับระบบป้องกันการพลิกคว่ำของตัวรถสองอย่างนี้ก็พอปลอดภัยได้ไม่แพ้รถใหม่ๆ ที่อัดออพชั่นความปลอดภัยมาเต็มคัน

เปรียบคะแนนความปลอดภัยต้องเทียบจากรถประเภทเดียวกัน

ผลการทดสอบจากการชนของสำนักต่างๆ อาจสร้างความสับสนให้แก่ผู้ซื้อรถได้ เมื่อคะแนนผลการทดสอบการชนของรถเล็กที่ออกมาได้เท่ากับรถขนาดใหญ่ซึ่งจริงๆ แล้วมันนำมาเทียบกันไม่ได้เลย

การจัดเรตเปรียบเทียบการชนหรือผลของการเกิดอุบัติเหตุควรจะเทียบกับรถที่มีขนาดเดียวกันเท่านั้น ถ้ารถคันเล็กๆ ได้คะแนนระดับ 5 ดาวจาก NHTSA ( The National Highway Traffic Safety Administration ) นั่นไม่ได้หมายความว่าจะช่วยทำให้คุณปลอดภัยได้เทียบเท่ารถซีดานหรือ SUV ขนาดใหญ่ที่ระดับความปลอดภัย 5 ดาว

Adrian Lund ประธานของ IIHS กล่าวว่า การให้คะแนนต่างๆ ในการทดสอบการชนจะหมายถึงการเปรียบเทียบอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่มีขนาดใกล้เคียงกันเท่านั้น ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับรถที่ Segment ต่างกันได้เลย  ซึ่งในวีดีโอการทดสอบการชนในลักษณะต่างๆ จาก IIHS ที่ทำออกมาเผยแพร่ รถที่เล็กกว่าจะเกิดความเสียหายมากกว่า ซึ่งในตัววีดีโอ Lund ก็กล่าวเอาไว้ด้วยว่า “แม้รถยนต์จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยมามากแค่ไหน แต่เรื่องของกฎฟิสิกส์ก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี”

รถขนาดเล็กจะสามารถปลอดภัยชึ้นได้ เมื่อมีอุปกรณ์ความปลอดภัยเสริมอย่างม่านถุงลมนิรภัย

โปรแกรมการทดสอบการชน แม้จะไม่ครอบคลุมในทุกสถานการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุจริง แต่คะแนนในการทดสอบไม่ว่าจะมาจาก IIHS หรือ NHTSA ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การตัดสินใจซื้อรถและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารได้โดยมีนัยสำคัญ

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ปลอดภัยขึ้น

ด้วยความก้าวหน้าของการพัฒนาจากค่ายผู้ผลิต ที่ไม่ใช่แค่การแข่งกับตัวเองในเรื่องแค่เอากำไรเข้าบริษัท แต่ถ้ามีค่ายหนึ่งค่ายใดออกฟังก์ชั่นที่ช่วยในความปลอดภัย และพิสูจน์ได้แล้ว่าช่วยชีวิตให้ปลอดภัยได้จริงในการใช้รถรถรุ่นนั้นๆ ก็จะขายดี ค่ายอื่นๆ ก็จะต้องทำออกมาแข่งไม่แพ้กัน เป็นข้อดีของการแข่งขันเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของรถยนต์

จำนวนถุงลมที่มากขึ้นแม้จะเป็นแค่รถอีโคคาร์อย่าง Toyota Yaris 2017 หรือระบบที่ช่วยในการขับขี่ปลอดภัยของ Nissan Note ที่ผู้ผลิตต่างแข่งขันกันเพื่อความปลอดภันสูงสุงและผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็คือคนซื้อรถอย่างเราๆ ทั้งหลาย ยิ่งล่าสุดเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนการชนในด้านหน้า หรือการพัฒนาระบบ Self Driving ที่ตัวรถสามารถขับเคลื่อนได้เองในระดับต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นความปลอดภัยที่ผู้ผลิตต่างพยายามพัฒนาลดการสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุให้น้อยลงมากที่สุดจากการใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นรถเล็กหรือรถใหญ่ก็ตามแต่

ในต่างประเทศจากข้อมูลของ IIHS ได้แสดงข้อมูลการสูญเสียที่ลดลง เปรียบเทียบจำนวนของปี 2005 กับปี 2015 กับรถขนาดต่างๆ จะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะเป็นรถขนาดใดก็ตามความเสี่ยงในการใช้รถจะน้อยลง โอกาสรอดตายมากขึ้นจากการพัฒนาของตัวรถที่ต่างกันถึง 10 ปี

ข้อมูลสถิติการเสียชีวิตเทียบ 2 ปี 2005 และ 2015 จะเห็นตัวเลขที่ลดลงจากชัดเจนเพราะความปลอดภัยในตัวรถที่มีมากขึ้น

ตามข้อมูลของ IIHS ในปี 2015 การเสียชีวิตต่อรถยนต์หนึ่งล้านคันที่ลงทะเบียนไว้ลดลงร้อยละ 56 ในหมวดหมู่รถยนต์ขนาดเล็กช่วงปี 2005-2015 การเสียชีวิตลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ในรถยนต์ขนาดเล็ก, 46 เปอร์เซ็นต์สำหรับรถยนต์ขนาดกลางและ 28 เปอร์เซ็นต์ในรถเก๋งขนาดใหญ่

แบบนี้ก็เลือกซื้อแต่รถใหญ่ๆ ปลอดภัยกว่าใช่หรือไม่ ?

รถประเภทใดก็ตามที่ใหญ่กว่าก็จะปลอดภัยกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะต้องหันมาขับรถ D-Segmen หรือ SUV ขนาดใหญ่กันหมด เรื่องความปลอดภัยเป็นเพียงหนึ่งข้อไว้สำหรับการพิจารณาการซื้อรถของคุณเท่านั้น ไหนจะเรื่องงบประมาณหรือความประหยัดน้ำมันสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ยังไงก็ประหยัดสู้รถเล็กๆ ไม่ได้อยู่ดี

การขับรถอย่างมีสติและไม่ประมาทนี่สิคือสิ่งสำคัญที่สุดของความปลอดภัยในการใช้รถ แม้คุณจะขับรถเล็กๆ

อีโคคาร์แต่ไม่ประมาท ขับโดยสติสัมปชัญญะครบถ้วนยังไงก็ปลอดภัยกว่าคนที่ขับ SUV คันหรูถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบความปลอดภัยเต็มที่แต่ดื่มมา เมาหนัก ซึ่งปัจจัยในพฤติกรรมการขับขี่ของมนุษย์มีส่วนทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการขับขี่ได้มากกว่า 90% ตามข้อมูลของ NHTSA ดังนั้นแม้รถจะปลอดภัยแค่ไหนแต่ถ้าคนขับไม่ดี สติไม่ครบหรือประมาท ยังไงแล้วก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงอยู่ดี

ที่มา :: www.edmunds.com