ช่วงสุดสัปดาห์นี้ คงไม่มีประเด็นในวงการรถยนต์ข่าวไหนที่ดังไปกว่ากรณีรถยนต์สายพันธุ์แรงและหรู Porsche Panamera 4 E Hybrid แบบ Plug-in Hybrid ที่ทำการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟอยู่จนเกิดการระเบิดแล้วไฟไหม้ลามไปติดบ้านอีกแล้ว
ช่วงสุดสัปดาห์นี้ คงไม่มีประเด็นในวงการรถยนต์ข่าวไหนที่ดังไปกว่ากรณีรถยนต์สายพันธุ์แรงและหรู Porsche Panamera 4 E Hybrid แบบ Plug-in Hybrid ที่ทำการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟอยู่จนเกิดการระเบิดแล้วไฟไหม้ลามไปติดบ้านอีกแล้ว
ซึ่งเบื้องต้น ทางบริษัท ปอร์เช่ ประเทศไทย จำกัด ได้มีการออกแถลงการณ์เรื่องนี่ออกมาแล้วว่า รถยนต์ที่เกิดเหตุครั้งนี้ ไม่ได้เป็นรถยนต์ที่ถูกนำเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ผ่านทางผู้จำหน่ายอิสระหรือที่ตลาดเรียกว่า เกรย์มาร์เก็ต
ถ้าดูจากตามข่าว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า เหตุที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด จะเป็นข้อผิดพลาดจากตัวรถ หรือข้อผิดพลาดจากวิธีการชาร์จที่ผิดกันแน่ แต่จากข้อมูลที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้เป็นการเกิดเหตุไฟไหม้จากการชาร์จไฟบนรถ Porsche ครั้งแรกของโลก ซึ่งทางปอร์เช่ต้องให้ความสำคัญในการตรวจสอบเพื่อหาความจริงกันอย่างแน่นอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับลูกค้าทุกคนและรถยนต์ทุกคัน
สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ หรือกำลังใช้รถยนต์แบบเสียบปลั๊ก ไม่ว่าจะเป็นแบบ ไฟฟ้าล้วน (Electric Vehicle) หรือเป็นแบบ Plug-in Hybrid ก็จะมีคำถามขึ้นมาทันทีว่า แล้วใช้รถแบบนี้จะปลอดภัยไหม!? แล้วต้องชาร์จแบบไหนถึงจะปลอดภัย วันนี้เรามาหาคำตอบกันครับ
ในมุมมองของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการ ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ได้ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า
1.ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากคู่มือทุกครั้ง
ไม่ว่าจะใช้งานสินค้าชนิดไหนผู้บริโภคจำเป็นต้องทำความเข้าใจสินค้าด้วยตัวเองก่อนที่จะเริ่มใช้งานอยู่เสมอ
2.ตรวจเช็คระบบไฟฟ้าทั้งกระแสไฟรับและแรงดันว่าสามารถใช้ได้กับกระแสไฟของประเทศไทยจริงและมีการติดตั้งสายดินเพื่อความปลอดภัย
3.ใช้อุปกรณ์ที่ได้รับรองจากบริษัทที่มีมาตรฐานเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและมั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นไม่ได้มีการดัดแปลงใดๆ
4.ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าจากตัวแทนผู้นำเข้าอย่างถูกต้องเพื่อสร้างความมั่นใจในการให้บริการ ทั้งได้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน,การติดตั้งดูแลและตรวจสอบการใช้งานอย่างเป็นระบบ และที่สำคัญการดูแลหลังการขาย
โดยทั่วไปแล้ว ผู้จำหน่ายรถยนต์แบบเสียบปลั๊ก จะมีรูปแบบการชาร์จไฟที่บ้านอยู่ 2 แบบคือ แบบแท่น Wall Charger ที่ต้องมีการติดตั้งจากช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นทางการของผู้จำหน่ายรถยนต์เท่านั้น โดยแท่นแบบนี้จะเป็นการติดตายตัว ไม่สามารถเปลี่ยนจุดติดตั้งได้อย่างสะดวก ดังนั้นจึงต้องติดตั้งในจุดที่รถจอดเท่านั้น ข้อดีของแท่นชาร์จแบบนี้จะมีข้อดีคือ สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่า เพราะสามารถจ่ายไฟได้แรงกว่า ปลอดภัย เพียงแต่ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายเท่านั้นเอง
อีกแบบที่สามารถใช้งานได้คือ แบบสายแปลง Adapter ที่จะมีหัวปลั๊กไปแบบ 3 ขามาตรฐานของประเทศไทย เพื่อเอาไว้เสียบกับปลั๊กไฟบ้าน ผ่านตัวแปลงไฟ จากนั้นก็จะต่อออกไปที่หัวชาร์จเพื่อเสียบเข้ากับตัวรถยนต์อีกที สะดวกในการใช้งานเพราะสามารถนำไปเสียบที่ไหนก็ได้ แต่การชาร์จจะใช้เวลานานกว่าแบบ Wall Charger ซึ่งโดยปกติ ทางผู้จำหน่ายจะแนะนำให้เสียบจากเต้าไฟที่มีการต่อตรงมาจากจุดจ่ายไฟหลักของบ้าน ต้องมีการใช้สายไฟที่สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าระดับเครื่องปรับอากาศได้ ต่อสายดิน และก่อนเข้าที่ปลั๊ก ก็ควรมีอุปกรณ์ตัดกระแสไฟ หรือที่เรียกกันว่า เบรกเกอร์ เอาไว้เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย เพราะการชาร์จไฟแต่ละครั้ง จะใช้แรงดันไฟฟ้าระดับใกล้เคียงกับเครื่องปรับอากาศเลยทีเดียว ห้ามทำการใช้สาย Adapter ตัวนี้ เสียบกับปลั๊กพ่วงโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรจากการใช้ไฟฟ้าเกิน จนเกิดอันตรายกับตัวรถหรือสิ่งรอบข้างก็เป็นได้ ถึงแม้โดยปกติแล้ว ระบบของตัวรถจะมีการตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อพบความผิดปกติจากแรงดันไฟฟ้าก็ตาม
ทั้งนี้การที่เราต้องใช้รถยนต์ ไม่ว่าจะเสียบหรือไม่เสียบปลั๊กก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องศึกษาการใช้งานรถยนต์ที่ถูกต้อง ผ่านคู่มือประจำรถ หรือสอบถามตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ละเอียด เพื่อความปลอดภัยของรถและตัวท่านเองครับ
ซากที่เกิดจากการระเบิดของ Porsche Panamera 4 E Hybrid แบบ Plug-in Hybrid
แท่นชาร์จ Wall Charger
อุปกรณ์ชาร์จแบบสายแปลง Adapter
ดูเพิ่มเติม