จากรายงานต่างประเทศผู้ใช้งาน Nissan Leaf ในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับระบบการขับเคลื่อนของ Nissan Leaf จนทำให้มีการยกเลิกจอง Nissan Leaf ในประเทศอังกฤษมากมาย แล้วปัญหาของ Nissan Leaf 2018-2019 จะมีอะไรบ้าง และมีปัญหาใดที่น่าเป็นห่วงบ้าง
Nissan Leaf 2018-2019 รถไฟฟ้าที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก
สำหรับ Nissan Leaf 2018-2019 ที่ได้มีการเปิดตัวในงาน Motor Expo 2018 ในราคาเริ่มต้น 1,990,000 บาท ในขณะที่รถไฟฟ้ารุ่นนี้มีราคาสูงเกือบ 2 ล้านบาท แต่ว่าซื้อมาแล้วจะได้อะไรบ้าง ค่อยๆ มาดูไปทีละอย่างกันเลยค่ะ
Nissan Leaf กลับมาอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง
เชื่อว่าหลายคนคงตั้งตารอกับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่จะก้าวขึ้นมามียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก การกลับมาในครั้งนี้ของ Nissan Leaf 2018-2019 กลับมาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่ที่สวยงาม โฉมเฉี่ยวดั่งคำนิยามรถแห่งอนาคต Nissan Leaf 2018-2019 เปิดตัวมาครั้งแรกในปี 2010 และได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอย่างล้นหลามส่งผลให้มียอดจำหน่ายทั่วโลกมากถึง 300,000 คัน สำหรับ Nissan LEAF เจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ ชูจุดเด่นด้วยการติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังเสริมให้ดูโดดเด่นด้วยนวัตกรรม e-Pedal ที่มีการออกแบบให้แป้นคันเร่งสามารถช่วยชะลอความเร็วได้โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรก หากผู้ขับขี่ต้องการเร่งความเร็วก็เพียงแค่เหยียบคันเร่งตามปกติ อีกทั้งยังสามารถชาร์จไฟได้ที่บ้านด้วยสายชาร์จขนาด 3 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ใน 16 ชั่วโมง เท่านั้น ผสานกับการติดตั้งฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ หรือ ProPilot ซึ่งถูกออกแบบให้รถสามารถที่จะขับตามรถคันหน้าได้อย่างอัตโนมัติโดยเว้นระยะห่างตามช่วงความเร็วที่ผู้ขับขี่มีการตั้งค่ากำหนดไว้
ดูเพิ่มเติม
8 เดือนฟันไปกว่า 2 หมื่นคัน Nissan Leaf ตัวร้อนในยุโรป
ปัญหาระบบสตาร์ทรถของ Nissan Leaf จะแก้ไขได้อย่างไรบ้างมาดูกัน
Nissan Leaf จะชาร์จไฟได้เร็ว หรือช้ายังขึ้นอยู่กับกำลังไฟของแท่นชาร์จอีกด้วย
Nissan Leaf 2018-2019 มาพร้อมกับโครงหน้าแบบ V-Shape ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของค่าย Nissan ที่ออกแบบอย่างสวยงามดูหรูหราเพิ่มมากขึ้นผสานกับการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์คู่ ที่ให้แสงสว่างอย่างคมชัดพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่กลางวันแบบ DRL รูปทรง L แนวนอนสุดสปอร์ต ให้ความโดดเด่นด้วยกระจังหน้ารูปทรงตัว V แนวยาวไปจรดเข้ากับฝากระโปรงหน้าตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม และวัสดุโปร่งแสง มาพร้อมด้วยกระจกมองข้างสีดำเงาพร้อมไฟเลี้ยวในตัวสามารถปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้า มือเปิดประตูด้านนอกสีโครเมียม อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งเสาอากาศแบบสั้นและตกแต่งกระจกทุกบานด้วยฟิล์มสีดำ
ภายในตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-ครีม เบาะเป็นสีดำ เย็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน
ภายในได้รับการตกแต่งภายในอย่างประณีตด้วยเฉดสีทูโทนดำ-ครีม พร้อมคอนโซลหน้าแบบใหม่ล่าสุดโดยฝั่งผู้ขับขี่ตกแต่งแดชบอร์ดด้วยสีดำเข้มเย็บเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำเงิน ส่วนฝั่งผู้โดยสารตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ แผงประตูและคันเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำขัดเงา เบาะนั่งตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา เย็บเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีขาว บริเวณคอนโซลกลางติดตั้งที่วางแก้วน้ำ และ มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมียม รวมถึงกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน พร้อมปุ่มรับและวางสายโทรศัพท์ ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติติดตั้งช่องปรับอากาศขนาดใหญ่บริเวณคอนโซลกลางรวมถึงบริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่ง เสริมมาตรวัดแสดงผลการขับขี่ดีไซน์แปลกตามีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่พร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ และมาตรวัดอัตราการเร่งในหน้าจอกลมฝั่งขวา
ช่วงล่าง และเครื่องยนต์ของ Nissan Leaf 2018-2019
Nissan Leaf 2018-2019 เพิ่มอัตราการเร่งด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 110 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,283-9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 3,283 รอบต่อนาที สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 400 กิโลเมตร ผสานกับการออกแบบให้สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านขนาด 3 กิโลวัตต์ ได้จมเต็มภายในระยะเวลา 16 ชั่วโมง เสริมด้วยทางเลือกอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบเร่งด่วนติดตั้งไว้ได้ที่บ้านให้กำลังไฟสูงสุดถึง 6 กิโลวัตต์ และชาร์จไฟจนเต็มได้ภายใน 8 ชั่วโมง เท่านั้น
ปัญหาของ Nissan Leaf 2018-2019 คือเรื่องของการชาร์จไฟที่ใช้เวลานานกว่าที่เคลมไว้
จัดเต็มกับการปกป้องผู้ขับขี่ในทุกเส้นทางด้วยระบบช่วยรักษาช่องทางจราจรแบบ (Intelligent Lane Intervention) และ ระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนช่องทางจราจรแบบ (Lane Departure Warning) ที่ผสานการทำงานร่วมกับระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Braking) ช่วยป้องกันผู้ขับขี่จากการชนด้านหน้าโดยระบบจะเริ่มทำงานภายหลังที่ผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกเมื่อระบบได้ทำการแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานอีกมากมาย อาทิ ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning) เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นทัศนะวิสัยในมุมอับได้อย่างเด่นชัด พร้อมระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและยังเสริมด้วยระบบแสดงภาพรอบคันพร้อมสัญญาณเตือน (Intelligent Around View Monitor with moving object detection) นับเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบคันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
ปัญหาที่พบบ่อยของ Nissan Leaf 2018-2019 คือ การสตาร์ทรถที่ยากมากกว่าเครื่องยนต์จะทำงาน
แต่ Nissan Leaf 2018-2019 ไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น เพราะหลังจากที่ได้ส่งมอบให้ลูกค้าในหลายประเทศ กลับพบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องของระบบสตาร์ท เรื่องของระยะทางที่ขับได้น้อยกว่าที่โฆษณาเอาไว้ หรือแม้กระทั่งเรื่องของการชาร์จไฟ มาดูในรายละเอียดของแต่ละปัญหากันเลยค่ะ
ระยะทางของรถที่วิ่งได้ใน 1 ปี และระบบ ProPILOT ไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้
ซึ่งทาง Nissan ได้รับรู้ถึงปัญหาของการใช้งานดังกล่าวแล้ว แต่ถึงอย่างก็ตามผู้ใช้งาน Nissan Leaf 2018-2019 ที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับตัวรถก็ต้องติดต่อมาที่ Nissan เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่แท้จริงโดยตรง รวมถึงหาทางแก้ไขร่วมกันอีกด้วย
หากไม่แจ็กพอตเจอ Nissan Leaf คันที่มีปัญหาก็ถือว่าเป็นรถที่ดีมากๆ คันหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับ Nissan Leaf 2018-2019 นี้มีเพียงไม่กี่คันที่ประสบกับปัญหาเหล่านี้ ถ้าไม่แจ็คพอตแตกที่คุณ ก็ถือว่าได้รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดคันหนึ่งของโลกมาใช้งานเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าโชคร้ายสักหน่อยก็อาจจะต้องวุ่นวายกับศูนย์บริการที่อาจจะไม่ได้ดั่งใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือได้ว่า Nissan Leaf รุ่นนี้ทำการบ้านมาดีพอสมควรที่จะทำให้ใครหลายๆ คนตกหลุมรักในความสะดวกสบายของการขับขี่รูปแบบใหม่ได้ และห้ามพลาดเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้งานรถยนต์ที่ Chobrod.com นะคะ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้