10 เคล็ดลับง่าย ๆ เพื่อรถกระบะคันโปรด ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

ประสบการณ์ใช้รถ | 20 ก.ย 2560
แชร์ 1

วิธีดูแลรถกระบะคันโปรดให้ยาวนานเหมือนใหม่ มีอะไรบ้าง?

เพื่อรถกระบะคันโปรดให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

เพื่อรถกระบะคันโปรดให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

ในตลาดไทยรถกระบะเป็นรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานเกือบ 30 ปีแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ราคา ความอเนกประสงค์ ความประหยัดและความทนทาน 

แต่ถึงรถกระบะจะมีความทนทานถึงขนาดไหนหากขาดการดูแลรักษาที่ถูกต้องก็อาจทำให้มันมีสภาพและอายุการใช้งานที่สั้นกว่า โดยเฉพาะในยุคนี้ที่รถกระบะไม่ได้มีราคาถูกอีกต่อไป จึงไม่แปลกหากเจ้าของรถจะอยากทะนุถนอมมันมากเป็นพิเศษ เราลองมาดูว่า วิธีที่จะทำให้รถกระบะคันเก่งยังคงสภาพดีเหมือนใหม่และอยู่กับเราไปได้นาน จะมีอะไรบ้าง

1.อย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนด

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องตามระยะทางหรือเวลาที่ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายกำหนดไว้ในคู่มือการใช้งานประจำรถแต่ละรุ่น เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญมากเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้อย่างยาวนาน

โดยปกติจะอยู่ที่ทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน มันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและประเภทของน้ำมันเครื่องตามที่ผู้ผลิตกำหนดสำหรับรถแต่ละรุ่น หากใครที่ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องโดยตัวแทนศูนย์บริการควรศึกษาและใช้มาตรฐานของน้ำมันเครื่องให้ตรงตามที่กำหนดในคู่มือหรือสอบถามจากผู้ผลิตรถยนต์ได้โดยตรงนะครับ

สลับยางตามระยะ

สลับยางตามระยะ

2.สลับยางตามระยะ

การสลับยางนั้นจะทำให้ยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอเพราะโดยทั่วไปนั้นล้อหน้าจะมีการสึกหรอที่มากกว่า ช่วยลดภาระการทำงานของระบบกันสะเทือนที่เกิดจากการสั่นของยาง และทำให้รถมีการขับขี่ราบเรียบมากกว่า

 3.รักษาโครงสร้างยางเพื่อรักษาความสมดุลของการหมุน

ขณะที่ล้อรถหมุนนั้นควรมีความสมดุล เพราะยางที่สมดุลจะทำให้มีการกระจายน้ำหนักบนเพลา 2 ด้านนั้นเท่ากัน ทั้งนี้สภาพเส้นทางที่เป็นหลุมและบ่อ หรือการใช้งานแบบออฟโรดจะยิ่งทำให้ยางรถยนต์ขาดความสมดุลยิ่งขึ้น

การที่ยางรถยนต์สูญเสียความสมดุลนั้นจะทำให้เกิดการสั่นขณะขับขี่บนถนน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ระบบกันสะเทือนมีอายุการใช้งานที่สั้นลง รวมถึงจะต้องเปลี่ยนยางใหม่เร็วขึ้นหากมีโครงสร้างยางเสียหาย

>>> การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง

 4.การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

การขับขี่บนเส้นทางขรุขระอย่างรุนแรงด้วยความเร็วสูงจะทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากเดิมซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นและมีการบังคับควบคุมที่แย่ลง

การตั้งศูนย์ล้อให้ถูกต้องจะช่วยยืดอายุของระบบกันสะเทือนได้อีกวิธีหนึ่งด้วย นอกจากนี้ขณะขับขี่หากรถมีอาการกินซ้ายหรือขวาอาจเกิดได้จากลมยางที่ไม่เท่ากันหรือการบรรทุกที่เทลงบนด้านใดด้านหนึ่ง

เพราะฉะนั้นควรตรวจเช็กลมยางให้มีแรงดันถูกต้องตามที่ผู้ผลิตกำหนดอย่างสม่ำเสมอและควรบรรทุกของอย่างระมัดระวังรวมถึงเฉลี่ยน้ำหนักให้เหมาะสมนะครับ

5.ตรวจสอบระบบไฟ

อย่างน้อยเดือนละครั้งเราควรตรวจเช็กรถเป็นประจำ หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรจะรีบดำเนินการทำการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามมากกว่าเดิม

อาทิเช่น ตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารว่ายังทำงานหรือสว่างตามปกติหรือไม่ แสงไฟที่สว่างน้อยกว่าที่ควรจะเป็นอาจกำลังแสดงถึงความผิดปกติของระบบไฟฟ้ารวมถึงหากมีรอยไหม้เกิดขึ้นควรรีบตรวจสอบแก้ไขเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ควรพกฟิวส์ไว้เป็นอะไหล่สำรองในยามฉุกเฉิน

  6.ตรวจสอบของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

 การเช็กระดับของเหลวให้อยู่ในปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญ

 อย่างแรกคือการเช็กระดับน้ำมันเครื่องโดยทั่วไปสามารถวัดหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ 1-5 นาที

ถัดมาก็คือระดับน้ำหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์เพื่อป้องกันการโอเวอร์ฮีทของเครื่องยนต์ ในกรณีที่ระดับน้ำลดลงมากจนผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึม ถ้าหากจำเป็นต้องมีการเติมน้ำยาหล่อเย็นหรือคูลแลนท์ (Coolant) ควรใช้ให้ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ในคู่มือประจำรถ และสุดท้ายระดับน้ำล้างกระจกควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเช่นกัน

 7.เครื่องยนต์ต้องการอากาศที่สะอาด

 อากาศที่สะอาดคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับเครื่องยนต์ นั่นเป็นสาเหตุที่ต้องมีไส้กรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปสู่ห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ซึ่งไส้กรองอากาศนี้อาจเกิดการอุดตันได้ โดยปกติแล้วไส้กรองอากาศมักจะมีอายุการใช้งาน 20,000-40,000 กิโลเมตร (อาจแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตแต่ละรายและรถแต่ละรุ่น) หรืออาจมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเร็วกว่านั้นหากใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก นอกจากนี้ ไส้กรองอากาศที่สะอาดนั้นยังมีผลต่ออัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองที่ดีด้วย

>>> ควรรู้! 10 อะไหล่รถยนต์ ที่เปลี่ยนบ่อยที่สุด

8.บำรุงรักษาตามลักษณะการใช้งาน

เราต้องเข้าใจลักษณะการใช้งานของรถเป็นอย่างดี เช่น รถต้องบรรทุกของหนักอยู่ตลอดเวลา, วิ่งบนเส้นทางทุรกันดารเป็นประจำ, ใช้งานในเมือง หรือแม้แต่รถที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้ก็ตาม

การใช้งานบางประเภทนั้นต้องการบำรุงรักษามากเป็นพิเศษ เช่น การใช้งานรถในการจราจรที่ติดขัดมาก ๆ หรือทางที่มีฝุ่นเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่ารถไม่สามารถ บอกกับช่างได้ด้วยตัวเองผู้ใช้งานจึงต้องเป็นผู้ที่แจ้งให้ทราบถึงลักษณะการใช้งานเมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้ารับการตรวจเช็กตามกำหนด

9.อย่าลืมตรวจเช็กตามกำหนด

ถ้ามีบางสิ่งที่สามารถช่วยให้รถกระบะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานได้มากที่สุดนั่นคือการอาศัยช่างที่ชำนาญ เขาสามารถช่วยแนะนำ ตรวจสอบ และวิเคราะห์ ลักษณะอาการทั้งก่อนหรือหลังเกิดความผิดปกติขึ้นกับรถคันเก่งของเราได้ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ระยะการเปลี่ยนผ้าเบรก รวมถึงการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ก่อนที่จะเกิดปัญหาลุกลาม ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและทำให้รถกระบะของเรานั้นมีอายุการใช้งานในสภาพที่สมบูรณ์ได้นานยิ่งขึ้น

คู่มือประจำรถคือสิ่งสำคัญ

คู่มือประจำรถคือสิ่งสำคัญ

10.คู่มือประจำรถคือสิ่งสำคัญ

ทุกๆสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษารถกระบะคู่ใจของเราให้สามารถใช้งานได้ดีนั้นถูกแนะนำไว้ในคู่มือประจำรถตั้งแต่ออกมาจากโรงงานแล้ว ตั้งแต่การทำความสะอาด มาตรฐานน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ และของเหลวอื่น ๆ ที่เหมาะสม รวมถึงระยะเวลาการบำรุงรักษาอีกด้วย

การดูแลรักษารถกระบะคันโปรดไม่ใช่เรื่องยากหากผู้เป็นเจ้าของให้ความใส่ใจและอย่าลืมอ่านคู่มือประจำรถของตัวเอง เพื่อให้รถดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

>>> แบบไหนดีกว่า ระหว่าง ซ่อมอู่ กับ ซ่อมห้าง ?