“รันอิน” คืออะไร ? สิ่งสำคัญที่เจ้าของรถใหม่ควรรู้

 
Run In หรือ ระยะรันอิน เป็นลักษณะการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ที่จะใช้กับรถป้ายแดงที่ออกจากศูนย์เท่านั้น รถเหล่านั้น เพิ่งประกอบออกมาจากโรงงาน ยังไม่เคยผ่านการใช้งานเต็มรูปแบบใดๆ มา การรันอินเปรียบเสมือนการใช้งานเพื่อให้รถปรับสภาพ ให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์เข้าที่ และมีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด ซึ่งถ้าไม่ทำการรันอินก็อาจทำให้ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ลดลง
 
ระยะรันอินในรถแต่ละรุ่น แต่ของแต่ระค่ายจะถูกกำหนดไว้แตกต่างกันแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะประมาณ. 1,000 กิโลเมตร แรกของรถ ซึ่งจะมีลักษณะการใช้งานรถในช่วงรันอินดังนี้

 - เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่ควรเบิ้ลเครื่องเหยียบคันเร่ง
 
 - เลี่ยงการออกตัวแรงๆ แบบกระชาก เร่งออกตัวเร็วๆ ขับรถออกตัวให้อยู่ในลักษณะการขับให้ปกติที่สุด
 
 - ใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับรอบเครื่องและยังไม่ควรใช้งานในรอบสูงๆ สำหรับเกียร์ธรรมดา ส่วนเกียร์อัตโนมัติควรเลี่ยงการใช้เกียร์ต่ำ และไม่ควรใช้เกียร์มาช่วยในการลดความเร็ว
 
 - ควบคุมการใช้งานให้รอบเครื่องไม่สูงเกิน 4,000 รอบต่อนาที
 
 - ไม่ควรใช้รถในความเร็วสูงเกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเมื่อความเร็วสูง นั่นหมายถึงรอบเครื่องที่สูง ซึ่งยังไม่เหมาะที่จะใช้กับรถที่อยู่ในระยะรันอิน
 
 - ไม่ควรใช้รถที่ความเร็วคงที่ แช่นานเกินไป นานสุดไม่ควรเกิน 5 นาที ไม่ว่าจะเป็นที่ความเร็วต่ำหรือความเร็วสูง
 
 - ควรเลี่ยงการใช้งานเครื่องยนต์หนักๆ ต้องเร่งรอบเครื่องสูง เช่น นำไปลากจูง หรือขนของหนักๆ ในรถ
   
อย่าดับเครื่องทันที เมื่อใช้งานรถมา ก่อนที่จะดับเครื่อง ปิดแอร์ ปล่อยเครื่องยนต์ทิ้งไว้ สัก 10-20 วินาที
 
 - อย่าเหยียบคันเร่ง เบิ้ลเครื่องก่อนที่จะดับเครื่อง เพราะจะทำให้มีเชื้อเพลิงไปค้างอยู่ที่ลูกสูบ ล้างน้ำมันหล่อลื่น
 
 - ออกไปจากลูกสูบ ทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้
 
 - รันอินระบบเบรค โดยเลี่ยงการเบรคอย่างกระทันหัน และเบรคอย่างรุนแรง ใช้เบรคมืออยู่เสมอเพื่อปรับตัวให้ผ้าเบรคเข้าที่
 
 - เกียร์ออโต้ อย่าปรับเข้าเกียร์ P ถ้ารถยังไม่หยุดนิ่ง  
ข้อปฎิบัติอาจจะดูวุ่นวายหลายข้อไปสักหน่อย แต่ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้รถใหม่ทุกคนควรทำ และก็มีบางข้อที่ควรนำมาปรับใช้ทำให้เป็นนิสัยในการขับขี่ แม้จะหมดช่วงระยะรันอินแล้วก็ตาม เช่น ไม่ออกตัวรถกระชาก, การไม่ดับเครื่องทันที เป้นต้น พฤษติกรรมเหล่านี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานรถของท่านได้อีกด้วย

>> ดูเพิ่มเติม:
- ขับรถตอนกลางคืนอย่างไร ให้ปลอดภัย
- เสี่ยงรถพัง! ถ้าสตาร์ทรถผิดวิธี