โอนประกันภัย เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ทำอย่างไร ?

ประสบการณ์ใช้รถ | 16 พ.ย 2565
แชร์ 1

เมื่อซื้อรถยนต์มือสองต่อจากคนอื่นมา ต้องการโอนประกันภัยรถยนต์ เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยรถยนต์ มาเป็นเจ้าของใหม่ ต้องทำอย่างไร และเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ?

เมื่อซื้อรถยนต์มือสองต่อจากผู้อื่นมา นอกจากการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์แล้ว ในเรื่องของการโอนประกันรถยนต์ที่เจ้าของเดิมซื้อไว้ เปลี่ยน ชื่อ ผู้เอาประกันภัย รถยนต์ มาเป็นเจ้าของใหม่ จะต้องทำอย่างไร เตรียมเอกสารอะไรบ้าง มาดูกัน

เปลี่ยน ชื่อ ผู้เอาประกันภัย รถยนต์

โอนประกันภัยรถยนต์ ทำอย่างไร ?

สำหรับการโอนประกันภัยรถยนต์ เปลี่ยน ชื่อ ผู้เอาประกันภัย รถยนต์ จะมีรูปแบบการโอนอยู่ 2 กรณี ประกอบด้วย การโอนประกันรถยนต์ไม่ระบุผู้ขับขี่ และ การโอนประกันรถยนต์ระบุผู้ขับขี่ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีการเตรียมเอกสารที่แตกต่างกันเล็กน้อย

โอนประกัน เปลี่ยน ชื่อ ผู้เอาประกันภัย รถยนต์ ทำอย่างไร ?

การโอนประกันรถยนต์ไม่ระบุผู้ขับขี่

หากตรวจสอบแล้วว่าประกันภัยรถยนต์ที่เจ้าของเดิมซื้อไว้ ไม่ได้ระบุชื่อคนขับ ไม่ว่าจะเป็นกระกันภัยชั้นไหน เจ้าของใหม่ก็สามารถใช้กรมธรรม์นั้นต่อได้เลย และจะได้รับความคุ้มครองจนกว่าประกันภัยนั้นจะหมดอายุ แต่ต้องแจ้งเปลี่ยนกับทางบริษัท โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้

  • สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของเดิม ที่มีการเซ็นยินยอมให้โอนประกันภัยแก่เจ้าของใหม่
  • ใบซื้อขายที่เป็นหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ เพื่อแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของใหม่

การโอนประกันรถยนต์ไม่ระบุผู้ขับขี่

การโอนประกันรถยนต์ระบุผู้ขับขี่

กรณีประกันภัยรถยนต์ระบุชื่อผู้ขับขี่ จะต้องมีการแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ขับขี่ เพื่อให้บริษัทปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามคุณสมบัติของผู้เอาประกันคนใหม่ หากไม่ทำการแจ้งให้เรียบร้อย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เจ้าของกรมธรรม์คนเดิมจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง ซึ่งการแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ขับขี่ ต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้

  • เอกสารยินยอมโอนชื่อผู้รับผลประโยชน์ ที่เจ้าของกรมธรรม์ (ผู้ขาย) จะต้องยื่นขอกับบริษัท
  • ใบซื้อขายที่เป็นหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ เพื่อแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันภัยเป็นเจ้าของใหม่ และขอให้ถอดชื่อเจ้าของเดิมในกรมธรรม์ออก

การโอนประกันรถยนต์ระบุผู้ขับขี่

เมื่อโอนประกันภัยรถยนต์ เปลี่ยน ชื่อ ผู้เอาประกันภัย รถยนต์แล้ว ผู้ซื้อจะได้ขับขี่อย่างสบายใจ ส่วนผู้ขายก็จะได้ไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ในการซื้อรถยนต์มือสอง ผู้ซื้อควรตรวจสอบประวัติรถยนต์ให้ดี เช็กสภาพให้แน่ใจว่าซื้อไปแล้วจะคุ้มค่ากับราคา และไม่เกิดปัญหาตามมาหรือไม่

อ่านเพิ่มเติม >>