สิ่งพื้นฐานที่ควรตรวจสอบเป็นประจำในการใช้รถก็คือ ปริมาณลมยาง ลมยางไม่ควรเกิน หรือต่ำกว่าค่ามาตรฐานจนเกินไปนั่นเอง เพราะส่วนมากแล้วผู้ใช้รถมักจะละเลยในส่วนนี้
เคยสงสัยไหมครับ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถที่เราใช้ ทุกวันนี้ควรจะเติมลมยางเท่าไหร่ ? ตามมาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งในวันนี้ผมจะขอพาท่านผู้ชมทุกท่าน มารู้จักทริคการดูปริมาณลมยางที่ถูกต้องของรถคุณ ความสำคัญของแรงดันลมยางนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว เพราะถ้าหากเราละเลยเรื่องนี้อาจจะเกิดผลเสียในภายหลังได้ เช่น ลมยางอ่อนเกินไป จะทำให้รถอืด กินน้ำมัน หรือยางแตกได้ง่าย ไปจนถึงปัญหาระยะยาวคือ หน้ายางจะกินไม่เท่ากัน หรือเติมลมยางแข็งเกินไปก็อาจจะทำให้กการเกาะถนนนั้นน้อยลง หรือ แตกได้ในย่านความเร็วสูง
เติมลมยางแค่ไหนถึงจะพอดี ? Tips ง่าย ๆ ดูได้ด้วยตัวเอง
การเติมลมที่ถูกต้องได้มาตรฐานนั้นสามารถดูได้ที่ตรงขอบประตูฝั่งคนขับนะครับ โดยรถส่วนใหญ่จะแปะไว้ตรงนี้นั่นเองในสติ๊กเกอร์นั้นจะบอกรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ระดับแรงดันโดยเป็นหน่วย PSI และหน่วยต่าง ๆ นั่นเอง นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า ถ้าหากเราโดยสาร 5 คน หรือ 4 คน การเติมลมยางนั้นก็ควรจะมีค่าที่ต่างกันออกไป
ดูเพิ่มเติม
>> กว่าหนึ่งหมื่นคัน! รถควันดำเกินมาตรฐาน ตัวการก่อฝุ่น PM2.5
>> วิธีเปลี่ยนยางอะไหล่ในยามฉุกเฉิน !! สำหรับมือใหม่
ภาพตัวอย่างถ้าหากลมไม่ปกติจะทำให้ยางสึกไม่เท่ากันได้
ตัวอย่าง รถ Mazda 2 ตามภาพแล้ว ถ้าบรรทุก 3 คน จะเติมลมด้านหน้าอยู่ที่ 36 PSI และ ด้านหลัง 33 PSI แตถ้าหากนั่ง 5 คน จะต้องเดิมด้านหน้าอยู่ที่ 39 PSI และด้านหลัง 46 PSI โดยประมาณ
สติ๊กเกอร์บอกบริมาณการเดิมลมของ Mazda 2
สำหรับรถที่เปลี่ยนล้อใหม่และเปลี่ยนซีรี่ย์ยางใหม่ ก็ควรจะสอบถามหรือหาข้อมูลสำหรับค่าการเติมลมของล้อขนาด นั้น ๆ มาด้วยนะครับ
ในกรณีเป็นรถกระบะ จะแบ่งเป็นแบบ บรรทุก และ ไม่บรรทุก
ตำแหน่งของเบอร์/ซีรี่ย์ ยางสามารถดูได้ที่แก้มยาง
ต้องเติม ลมยาง ให้ครบทั้งสี่ล้อในปริมาณแรงดัน ลมยาง ที่เท่ากัน เพราะหากเติมปริมาณ ลมยาง ไม่เท่ากันจะทำให้การสึกหรอของยางไม่เท่ากันทั้งหมด
ไม่ควรเติม ลมยาง ในขณะที่ยางมีอุณหภูมิสูง เนื่องจากความร้อนทำให้อากาศขยายตัว
หากรถยนต์ของคุณมีการบรรทุกของที่มีน้ำหนักมากบ่อยๆ หรือมีผู้โดยสารมากในการเดินทาง ควรเติม ลมยาง เผื่อจากค่าที่กำหนดเพิ่มอีกสัก 2 -3 ปอนด์ได้
สรุป
กระเติมลมควรเติมให้เหมาะสม ไม่แข็งหรือ อ่อนเกินไป และควรตรวจเช็กสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดระหว่างการใช้งานนั่นเอง นอกจากนี้ยังจะช่วยให้การขับขี่รถของคุณมั่นใจมากยิ่งขึ้น เพราะยางจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์อีกด้วย