ย้อนกลับไปอดีต ตั้งแต่ปี 1972 บีเอมดับเบิลยู รุ่นต่างๆ จะใช้เลขต่อท้าย 3 ตัว
ย้อนกลับไปอดีต ตั้งแต่ปี 1972 บีเอมดับเบิลยู รุ่นต่างๆ จะใช้เลขต่อท้าย 3 ตัว
รหัสท้ายรถ ตัวเลขแรกบ่งบอกถึง ซีรี่ของรถ ตัวอย่างเช่น 325 (ซีรี่3) 525 (ซีรี่5)
ตัวเลขอีก 2 ตัวถัดมา หมายถึง ความจุกระบอกสูบใช้หน่วยเป็นลิตร ยกเว้นในรถบางรุ่น เช่น ยุค 80 ในรุ่น 325 อี (อี 30) กับ 525 อี (อี 28) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.7 ลิตร (แต่ทั้งคู่ได้รับการปรับแต่งมาโดยเน้นเรื่องความประหยัดและลดมลพิษมากกว่าพละกำลัง), ปี 1996 รุ่น 318 ไอ (อี 36) เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.9 ลิตร แทนที่เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (แต่ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น 319 ไอ), ปี 2008 รุ่น 125 ไอ, 128 ไอ (อี 82), 328 ไอ (อี 90) และ 528 ไอ (อี 60) ใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร (ไม่ใช่ 2.5 ลิตร หรือ 2.8 ลิตร เหมือนรหัสท้ายรถ)
ส่วนรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ อย่างรุ่น 335 ไอ (อี 90) และ 535 ไอ (อี 60) ตัวเลขสองตัวหลังจะทำหน้าที่บอกถึงพละกำลังว่าเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 3.5 ลิตร (เครื่องยนต์ที่ประจำการขนาด 3.0 ลิตร) หรือในยุคปัจจุบัน รุ่น 328 ไอ (เอฟ 30) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เป็นต้น สำหรับความหมายของตัวอักษรต่อท้ายตัวเลขนั้นก็มีความหมายแตกต่างกัน และบางครั้งเป็นตัวอักษรเดียวกัน แต่เป็น “ตัวพิมพ์เล็ก” กับ “ตัวพิมพ์ใหญ่” ซึ่งจะมีความหมายแตกต่างกัน
ดูรถบีเอมดับเบิลยูมือสองราคาถูกคลิกที่นี่!
Copyright © 2016 chobrod.com. สงวนลิขสิทธิ์