ว่าด้วยเหตุผลที่เครื่องรถสูตร 1 (F1) ใช้วางบนรถทั่วไปไม่ได้

ประสบการณ์ใช้รถ | 5 เม.ย 2561
แชร์ 0

เสียงเครื่องอันเกี้ยวกราด ความเร็วที่รุนแรง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที เหนือ Super car คันใดๆ บนพื้นโลกใบนี้ของรถแข่งสูตร 1 หรือ Formula 1 จนทำให้คิดว่าถ้าหัวใจเครื่องยนต์ความแรงขนาดนี้มาอยู่บนรถรถยนต์ทั่วไปแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุผลทั้ง 5 ข้อนี้ที่ทำให้เครื่องยนต์บนรถแข่งสูตร F1 ไม่สามารถนำมาใช้วางรถยนต์ทั่วไปได้ มีอะไรบ้าง Chobrod ขออาสาพาไปชมกัน

ว่าด้วยเหตุผลที่เครื่องรถสูตร 1 (F1) ใช้วางบนรถทั่วไปไม่ได้

ว่าด้วยเหตุผลที่เครื่องรถสูตร 1 (F1) ใช้วางบนรถทั่วไปไม่ได้

จุดเริ่มต้นพื้นฐานของรถยนต์ที่มีขายอยู่ทั่วไป มีไม่น้อยที่เทคโนโลยีด้านต่างๆ ในรถแข่ง F1 ถูกดึงนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความแรงของเครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัยที่ถูกคิดค้นมาเพื่อสำหรับรถแข่งเหล่านี้ จากนั้นผู้ผลิตก็นำมาต่อยอดประยุกต์ใช้กับรถยนต์ทั่วไป ซึ่งต้องมีการปรับให้เข้ากับรถยนต์ที่ผลิตมาเพื่อแค่สำหรับวิ่งใช้งานทั่วไป อานุภาพของเครื่องยนต์อันทรงพลังขับเคลื่อน 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาไม่ถึง 2 วินาที เร่ง 0-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที บริโภคเชื้อเพลิงมหาศาลอย่างกับทำหก 75 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร พร้อมระบบเบรค และความปลอดภัยในด้านต่างๆ ภายในรถที่ซ่อนอยู่มากมายคือสรรพคุณเบื้องต้นของรถแข่ง F1 ที่จะหา Production Car คันไหนเทียบเคียงมิได้ หรือแม้กระทั่งจะขอหยิบยืมหัวใจในการขับเคลื่อนที่แรงจนน่าใจหาย ใช้เครื่องยนต์ของรถสูตร 1 มาวางกับรถของคุณก็ไม่สามารถมาอยู่ใต้ฝากระโปรงของรถคุณได้ เป็นเพราะอะไรไปดูกัน  

1.สตาร์ติดที่อุณหภูมิเฉพาะเท่านั้น

เครื่องยนต์ของรถสูตร 1 ถูกออกแบบมาภายใต้การทำงานที่แม่นยำเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและการที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์แบบนี้ให้ติดได้ เครื่องยนต์จะต้องอุ่นก่อนเท่านั้นถึงจะสตาร์ทติด แทบจะไม่มีส่วนไหนเครื่องยนต์ F1 ทำงานได้ที่อุณหภูมิปกติหรือตอนเครื่องเย็น ไม่ว่าจะน้ำ และน้ำมันที่ใช้ในระบบหล่อเย็น และหล่อลื่นของเครื่องยนต์ก็ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้นถึงจะเริ่มทำงานได้ (ที่ 80 องศาเซลเซียส) สตาร์ทติดได้ ดังนั้นถ้าเครื่องยนต์เฉพาะทางแบบนี้มาอยู่ใต้ฝากระโปรงของรถคุณ เชื่อเลยว่ากว่าจะได้ขับแต่ละครั้งคงต้องเตรียมเวลาเผื่อเดินทางหรือบางทีอาจทำให้คุณไม่อยากขับออกไปไหนเลยก็ได้

ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ F1 ถือเป็นดั่งวิศวกรรมขั้นสูงด้านเครื่องยนต์

ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ F1 ถือเป็นดั่งวิศวกรรมขั้นสูงด้านเครื่องยนต์  

>> Mercedes-AMG เผยชุดระบบขับเคลื่อนไฮบริดระดับรถแข่ง F1 บรรจุใน Project One

2.ความเย็น

หากคุณเป็นขาซิ่งเงินถึงแล้วคิดจะวางเครื่องยนต์แบบ Lewis Hamilton เครื่องยนต์ขนาด 1.6L V6 เพื่อขับใช้งานในชีวิตประจำวัน รถของคุณอาจต้องมีการปรับแต่งรูปแบบวิศวกรรมใหม่หมดเพื่อรองรับให้กับระบบหล่อเย็น และหม้อน้ำขนาดใหญ่ หม้อน้ำขนาดทั่วไปที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของรถเพื่อรับแรงลมปะทะขณะวิ่งเพื่อช่วยระบายความร้อนอาจไม่เพียงพอกับการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ทรงพลัง F1 ที่มีความร้อนสูงมากเพื่อผลิตฝูงม้า และความแรงออกมา เครื่องยนต์ F1 จำเป็นต้องใช้หม้อน้ำขนาดใหญ่ เพื่อรับอากาศความเย็นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  

หม้อน้ำขนาดใหญ่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ทรงพลัง

หม้อน้ำขนาดใหญ่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ทรงพลัง

เหตุผลตามภาพที่หม้อน้ำในรถ F1 ถูกตั้งไว้ในระดับที่มีองศาเอียงเพื่อรับลม ที่บริเวณด้านข้างของคนขับด้วยเหตุเพราะขนาดหม้อน้ำที่ใหญ่จนไม่สามารถตั้งฉากแบบรถยนต์ทั่วไปได้ การวางหม้อน้ำในลักษณะนี้จะช่วยให้รถ F1 ยังสามารถใช้หม้อน้ำขนาดใหญ่ภายในบอดี้รถถังที่ต้องออกแบบตามหลักอากาศพลศาตร์ พร้อมกับการเคลื่อนที่ของอากาศที่สามารถช่วยระบายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

3.เติมน้ำมันทีมีหนาว

แม้เครื่องยนต์ของรถ F1 จำเป็นต้องทำงานภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการทำงานเท่านั้น เครื่องยนต์ต้องอุ่นถึงจะทำงานได้ แต่ถ้าเครื่องยนต์เหล่านี้มาอยู่กับรถยนต์ทั่วไป การเติมน้ำมันแต่ละครั้งก็อาจทำให้คุณหนาวได้ขึ้นมาทันที เพราะมันกินน้ำมันโหดมาก! แม้กติกาของ FIA สำหรับรถ F1 จะบังคับให้การเติมน้ำมันในแต่ละครั้งที่ออกวิ่งห้ามเติมเกิน 100 ลิตรไว้ในถังต่อการขับขี่ 1 ชั่วโมง แสดงว่าเวลาครึ่งชั่วโมงในการแข่งกับน้ำมัน 50 ลิตรก็เกลี้ยงแล้วที่ระดับความเร็วแบบในการแข่งขัน เมื่อมาเทียบสำหรับการใช้รถทั่วไปคงไม่เหมาะสมทุกอณูประการ นี่ยังไม่รวมถึงกรณีรถติดๆ นะ

เพื่อสร้างกำลังได้มากก็ต้องใช้เชื้อเพลิงมากด้วยเช่นกัน

เพื่อสร้างกำลังได้มากก็ต้องใช้เชื้อเพลิงมากด้วยเช่นกัน

อีกทั้งในเรื่องเชื้องเพลิงในรถ F1 ก็แตกต่างกับกับเชื้อเพลิงที่มีให้เติมอยู่ตามปั้มน้ำมันทั่วไป ต้องเป็นเชื้อเพลิงที่ผ่านขั้นตอนทางวิศวกรรมเคมีเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่นในการแข่งขันแต่ละครั้งทีมช่างจะทดสอบการทำงานของน้ำมันเครื่องกว่า 15 ชนิดเพื่อการทำงานของเครื่องยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อหาค่าความสึกหรอในการทำงานของเครื่องยนต์ จากนั้นข้อมูลจะถูกส่งไปยังผู้ผลิตเชื้อเพลิงเพื่อกำหนดระดับของสารทำความสะอาด สารลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ให้ทำงานร่วมกับตัวเชื้อเพลิงได้ดีที่สุด ดังนั้นถ้าใครที่คิดจะวางเครื่อง F1 กับรถของตัวเอง ก็อาจต้องจ้างวิศวรเคมีส่วนตัวให้กับรถของคุณด้วยเพื่อทำการทดสอบ และจัดหาน้ำมันให้กับรถของคุณ

4.ชิ้นส่วนต่างๆ อายุการใช้งานสั้น

เครื่องยนต์ระดับรถ F1 ต้องรับภาระการทำงานที่หนักอึ้งอยู่ตลอด ค่าความเครียดมากมาย แรงกด แรงบิดมหาศาลในทุกระยะการทำงานเพื่อสร้างสถิติใหม่ในทุกครั้งที่ไฟแดงทั้ง 5 ดับลง เครื่องยนต์ F1 สามารถเร่งรอบได้ถึง 20,000 rpm เท่ากับการทำงานของลูกสูบที่เคลื่อนที่ขึ้น-ลงกว่า 300 ครั้งต่อวินาที แรงดันภายในกระบอกสูบเพิ่มได้ถึง 1500 psi ในทุกๆ วินาที จากนั้นแรงดันจะกระจายไปทั่วทุกองค์ประกอบของเครื่องยนต์จากการจุดระเบิดระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิง จึงไม่น่าแปลกใจกับอายุขับของชิ้นส่วนภายในเหล่านี้ที่สามารถทำให้รถวิ่งได้เพียง 1,000 กิโลเมตรเท่านั้น ลองนึกดูว่าถ้าเครื่องแบบนี้มาอยู่ในรถของคุณที่ปีหนึ่งต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด 6 -10 รอบ คุณจะไหวไหม?  

รถแข่ง F1 แข่งได้สนามเดียวก็อาจเปลี่ยนเครื่องใหม่ทั้งบล็อก

รถแข่ง F1 แข่งได้สนามเดียวก็อาจเปลี่ยนเครื่องใหม่ทั้งบล็อก

5.ราคาไม่ใช่ถูกๆ

มูลค่าของเครื่องยนต์ในรถยนต์ และระบบขับเคลื่อนของรถ F1 เพื่อซื้อความไฮเทค เทคโนโลียีสุดล้ำเหนือรถยนต์ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7.7 ล้านเหรียญ คงไม่ต้องตีเป็นตัวเลขเงินไทยเพียงแค่รู้ไว้ก็พอว่าเป็นมูลค่ามหาศาล ไม่เหมาะสมที่จะผลิตออกมาขายให้กับรถยนต์วิ่งตามถนนทั่วไป แล้วลองคิดดูกว่าถ้าชิ้นส่วนชิ้นใต หรือบางระบบมีปัญหาขึ้นมา ค่าซ่อมแต่ละครั้งก็เหมือนคุณต้องซื้อรถทั่วไปได้เลย

นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของตำแหน่งการวางเครื่อง และระบบกันสะเทือน ช่วงล่าง ยางใหม่อีกเพื่อให้รถรองรับกับเครื่องยนต์ F1  วิ่งใช้งานปกติได้ ก็พอจะสรุปได้คร่าวๆ แล้วว่าเครื่องยนต์ในรถแข่งสูตรหนึ่งนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะถูกนำมาวางในรถยนต์ทั่วไป ไม่มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้นที่ระบบขับเคลื่อนจากจุดสูงสุดของวิศวกรรมยานยนต์อย่างเครื่องยนต์ F1 จะทำงานได้เมื่อมาอยู่ใต้ฝากระโปรงรถทั่วไป แต่ถ้าถูกนำมาผลิตจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีในรถแข่งเหล่านั้น ก็มีอยู่ในหลายอย่างโดยเฉพาะรถ Super Car ต่างนำไอเดียของรถ F1 มากมายสร้างเป็นรถหรูที่สร้างความแรงได้จนใจสั่น

ดูเพิ่มเติม

>> เผยโฉม “รถแข่งอายุ 104 ปี” ราคาราวๆ 236 ล้านบาท!

>> แปลงลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นสนามแข่งรถ RC คิดว่าแต่งเจ๋งก็มาประลอง!!

แท็ก super car