ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถให้ไฟแนนซ์ อาจไม่จบ ระวังโดนยึดทรัพย์!

ประสบการณ์ใช้รถ | 13 ธ.ค 2560
แชร์ 25

ภาพจากผู้ใช้สื่อสังคมโซเชียล กำลังถูกเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี และเจ้าหน้าที่จากไฟแนนซ์กำลังยึดทรัพย์สิน ต่างๆ ทั้งแอร์ เครื่องเสียง เครื่องซักผ้า จากโจทย์ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อรถผู้ถูกฟ้องร้องจากไฟแนนซ์กรณีที่ผ่อนรถไม่ไหว แล้วนำรถคืนแก่ไฟแนนซ์

ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถให้ไฟแนนซ์อาจไม่จบ ระวังโดนยึดทรัพย์!

ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถให้ไฟแนนซ์อาจไม่จบ ระวังโดนยึดทรัพย์!

 

แต่เนื่องจากรถคันที่ผ่อนไม่ไหว และคืนรถไปกับไฟแนนซ์คันนี้มีมูลค่าทรัพย์สินที่ขายได้ ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนตามที่ไฟแนนซ์เรียกร้อง ทางไฟแนนซ์จึงทำการฟ้องร้องกับทางโจทย์เพื่อทำการยึดทรัพย์อื่นๆ มาขายทอดตลาดให้ครบถึงจุดคุ้มทุนตามคำพิพากษาของศาล

 

ถ้าคุณผ่อนรถไม่ไหว สามารถคืนรถกับไฟแนนซ์ได้โดยไม่ต้องรอให้ไฟแนนซ์มายึดรถ เพราะถ้าปล่อยให้มายึดคุณอาจต้องเสียค่าทวงถามเพิ่มขึ้นอีกจากการฟ้องร้อง หลังจากนำรถไปคืนกับทางไฟแนนซ์แล้ว ไฟแนนซ์จะมีทนายมาคุยกับคุณเรื่องค่าส่วนต่างที่คุณต้องชำระ ซึ่งเป็นค่าเสียหายที่ทำให้ไฟแนซ์ต้องเสียผลประโยชน์ต่างๆ เช่น ค่าติดตามทวงถาม ค่าขาดราคา ค่าบอกกล่าวโอนสิทธิเรียกร้อง ค่าติดตามยึดรถ ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ และค่าขาดประโยชน์

 

>> รถหายแต่ยังติดไฟแนนซ์ ต้องผ่อนต่อไหม !?

 

โดยคำแนะนำคือคุณควรโต้แย้งไว้ก่อนว่าค่าใช้จ่ายที่ไฟแนนซ์ฟ้องร้องนั้นสูงเกินจริง เพื่อให้ทางไฟแนนซ์นำสืบข้อมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เป็นไปตามความเป็นจริง ป้องกันการคิดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นสูงเกินไปของไฟแนนซ์ ถ้าหากพบว่าตัวเลขส่วนต่างที่ทางไฟแนนซ์ฟ้องเรียกกับคุณสูงเกินจริง ศาลจะมีอำนาจลดค่าใช้จ่ายนั้นๆ ให้ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งทั้งหมดเป็นแนวทางสู้คดีสำหรับใช้ในการต่อรองกับไฟแนนซ์เพื่อให้คุณมียอดชำระที่ถูกที่สุด

 

ผ่อนรถไม่ไหว คืนรถ อาจไม่พอต้องโดนยึดทรัพย์พอพอถึงจุดคุ้มทุน

ผ่อนรถไม่ไหว คืนรถ อาจไม่พอต้องโดนยึดทรัพย์พอพอถึงจุดคุ้มทุน

 

มีตัวอย่างคำพิพากษาฎีกา คำพิพากษาฎีกาที่ 1140/2553 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและติดตามยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนมา นำมาออกประมูลขายทอดตลาด เมื่อนำมาหักกับราคาเช่าซื้อที่ค้างชำระแล้วยังขาดอยู่อีก โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดราคาและค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ผิดนัด ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดราคา 160,000 บาท ส่วนค่าขาดประโยชน์และดอกเบี้ยนั้นถือเป็นการคิดค่าเสียหายส่วนหนึ่ง เมื่อได้กำหนดค่าเสียหายให้เป็นจำนวนพอสมควรแล้วจึงไม่กำหนดให้อีก พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ 160,000 บาท คำขออื่นให้ยก

 

จะเห็นได้ว่าคำพิพากษาของศาล เมื่อศาลเห็นว่าโจทย์ได้รับค่าขาดราคาเป็นจำนวน 160,000 บาทแล้ว ซึ่งมากตามสมควรแล้ว ค่าขาดประโยชน์และดอกเบี้ยศาลจึงยกให้เป็นเพียงแค่ค่าเสียหายส่วนหนึ่งเท่านั้น โจทย์ไม่ต้องชำระ ชำระเพียงแค่ค่าขาดประโยชน์ 160,000 บาท

 

ทรัพย์สินต่างๆ ทั้ง เครื่องซักผ้า แอร์ เครื่องเสียงต้องถูกยึด เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนตามไฟแนนซ์ฟ้องร้อง

ทรัพย์สินต่างๆ ทั้ง เครื่องซักผ้า แอร์ เครื่องเสียงต้องถูกยึด เพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนตามไฟแนนซ์ฟ้องร้อง

 

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของปัญหาที่อยู่ผู้ใช้รถเมืองไทย กรณีที่ผ่อนชำระค่างวดไม่ไหว ผ่อนรถไม่ไหว คืนรถให้ไฟแนนซ์นอกจากจะโดนฟ้องร้องแล้ว ยังมีเรื่องแย่ๆ ตามมาทั้งติด Blacklist ติดเครดิตบูโร แล้วถ้าต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับข่าวที่เรานำเสนอ ถูกยึดทรัพย์สินอื่นๆ ที่เป็นของคุณต่อหน้าต่อตาอีก ลองคิดดูว่าจะยิ่งทำให้คุณและคนในครอบครัวหดหู่ใจมากแค่ไหน ยังไงก่อนจะตัดสินใจเป็นหนี้กับไฟแนนซ์ คิดหน้าคิดหลังให้ดี เลือกผ่อนชำระค่างวดตามที่ตัวเองไหว และอย่าฝืนซื้อรถที่ราคาแพงเกินความจำเป็น

 

ดูเพิ่มเติม

>> ผ่อนรถไม่ไหว ทำยังไงดี ? พร้อมวิธีการแก้ปัญหา

>> “ติดแบล็คลิสต์” ซื้อรถได้ไหม แล้วทำยังไงถึงจะไม่ติดแบล็คลิสต์