นอกเหนือจากการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตปราดเปรียวแล้ว จุดที่เป็นไฮไลต์ของ ESPORT คือ การปรับช่วงล่างใหม่ทั้งหมดเพิ่มความหนึบ รองรับการขับแบบสปอร์ตได้ดียิ่งขึ้น ตัวสปริงมีขนาดไม่เท่ากันทั้งเส้น เพื่อให้มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็ก คอยล์สปริงด้านหลังเปลี่ยนใหม่ มีความแข็งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่ม Cross Bar ที่ตัวถังบริเวณด้านหลังของเบาะหลัง เพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง 30 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดการบิดตัวเมื่อใช้ความเร็วสูงการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ ส่วนเครื่องยนต์คงเดิมนั่นเอง
นอกเหนือจากการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตปราดเปรียวแล้ว จุดที่เป็นไฮไลต์ของ Toyota Altis ESPORT คือ การปรับช่วงล่างใหม่ทั้งหมดเพิ่มความหนึบ รองรับการขับแบบสปอร์ตได้ดียิ่งขึ้น ตัวสปริงมีขนาดไม่เท่ากันทั้งเส้น เพื่อให้มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็ก คอยล์สปริงด้านหลังเปลี่ยนใหม่ มีความแข็งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่ม Cross Bar ที่ตัวถังบริเวณด้านหลังของเบาะหลัง เพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง 30 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดการบิดตัวเมื่อใช้ความเร็วสูงการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตทั้งรูปลักษณ์และสมรรถนะ ส่วนเครื่องยนต์คงเดิมนั่นเอง
ทดลองขับ Toyota Altis ESPORT
ภายนอกใช้ชุดโคมไฟหน้า LED Projector พร้อมระบบปรับระดับอัตโนมัติ และไฟ LED สำหรับระบบ Daytime Running Lights เปลี่ยนกระจังหน้าสี Gun Metallic (เฉพาะรุ่นนี้) เพิ่มความปราดเปรียวด้วยสเกิร์ตที่กันชนหน้า ด้านข้างเพิ่มสเกิร์ตแบบชิ้นเดียวรับกับล้อแม็กลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 3 ขนาด 215/45 R17
ด้านหลังเพิ่มสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 เพิ่มสเกิร์ตที่กันชนท้าย พร้อม Diffuser ลายเคฟล่าร์ และปลายท่อไอเสียโครเมียมแบบสปอร์ต ปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ ESPORT ที่ฝากระโปรงหลัง และเพิ่มครีบจัดระเบียบอากาศใต้ท้องรถ
ทางด้านห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเพิ่มความสปอร์ตเข้มขรึม เปลี่ยนเบาะคู่หน้าแบบสปอร์ตพร้อมพวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย และ Paddle Shift สำหรับควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
เส้นทางในการขับขี่ครั้งนี้เป็นใเส้นทางเชียงใหม่-สะเมิง ท้าทายด้วยเส้นทางคดเคี้ยวขึ้น-ลงเขากว่า 100 กิโลเมตร เป็นทางแคบ 2 เลนสวน ไหล่ทางไม่กว้างนัก สภาพผิวถนนไม่เรียบสนิท มีทั้งโค้งแคบและกว้าง ให้ได้ทดสอบรถกันพอสมควร สัมผัสแรกก็คือ ช่วงล่างที่รู้สึกว่าแน่นกว่ารุ่น 1.8 ที่ได้ลองมาก่อนหน้านี้ การยึดเกาะถนนถือว่าทำได้ดี เมื่อเข้าโค้งพบว่าช่วงล่างที่หนึบกว่าสแตนดาร์ดเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความคมในการขับ ตัวรถมีอาการเอียงหรือยวบไม่มากนัก รวมทั้งพวงมาลัยเพาเวอร์มีการผ่อนแรงที่พอเหมาะ จึงขับเข้าโค้งด้วยความมั่นใจ
นอกจากนี้การคงอยู่ในตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยหน่วงความเร็วของรถโดยที่รอบเครื่องยนต์ไม่สูงจนเกินไป และถ้าเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำโดยไม่สัมพันธ์กับความเร็ว ระบบก็จะไม่เปลี่ยนเกียร์ให้เพื่อป้องกันเกียร์เสียหาย โดยจะมีสัญญาณเสียงเตือน ครั้งนี้มีรถบางคันลองจับอัตราสิ้นเปลืองเล่นๆ ได้ 7.5 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะใช้รอบสูงตลอดเวลาและมีการเร่งแซงบ่อย
สำหรับรถมือสองโตโยต้า อัลติส ทางเรามีให้เลือกชมทุกรุ่น ทุกโฉมปี เป็นรถมือสองคุณภาพดีจากเต๊นท์รถที่น่าเชื่อถือที่นี่
http://www.unseencar.com/toyota/altis/