เมื่อรถยนต์นั้นจะต้องถูกเปลี่ยนเจ้าของต้องมีการโอน โดยเอกสารโอนรถ นั้นก็ควรจะเตรียมให้ครบ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา และนอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายด้วย
การโอนรถคืออะไร? แล้วต้องเตรียมเอกสารโอนรถอะไรบ้าง
ถ้าหากมีการ ซื้อ-ขาย รถยนต์ มือสองทุกครั้งเมื่อมีการปรับเปลี่ยนเจ้าของ จะต้องมีขั้นตอนการโอนเพื่อเปลี่ยน แสดงความเป็นเจ้าของจากคนเก่าเป็นคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถมือสอง หรือ จะเป็นมรดกตกทอด โดยมีข้อบังคับตามกฏหมายที่จะต้องยื่นเรื่อง และส่งเอกสารต่าง ๆ แก่กรมการขนส่งทางบก นอกจากนี้ ถ้าในกรณีที่ผู้ซื้อขาย ไม่สะดวกเดินไปทาง กรมการขนส่งทางบกพร้อมกัน ก็จะสามารถโอนลอยได้ เพียงแค่ผู้ขายนั้นทำเอกสารมอบอำนาจโอนลอย ให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยง ในกรณี่ผู้ซื้อไม่ได้ทำเรื่องโอน หรือ ต่อภาษี เพราะถ้าหากรถเกิดอุบัติเหตุหรือ มีเหตุปัญหาใด ๆ ทางกฏหมาย จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของรถนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีแทน
การเตรียมเอกสารในการโอนรถ ควรเตรียมให้ครบเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา
>> ‘ไฟรูปเครื่องโชว์’ สัญญาณเตือนที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
>> ต้องรู้!! แถบสีขอบฟุตบาท สีไหนจอดได้ สีไหนห้ามจอด
ใบคู่มือจดทะเบียนรถ
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ถ้ากรณีเป็นนิติบุคคลใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผุ้มีอำนาจลงนาม
สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
สำเนาใบมรณะบัตรเจ้าของรถ และคำสั่งศาลหรือพินัยกรรมพร้อมสำเนา (กรณีโอนรับมรดก)
แบบคำขอโอนและรับโอน ซึ่งกรอกรายการและลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว
นำรถยนต์เข้าตรวจสอบสภาพ ก่อนยื่นเอกสารที่ส่วนงานทะเบียน
หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอง กรณีผู้โอน และ/หรือผู้รับโอนมิได้มาดำเนินการด้วยตัวเอง
การซื้อขายรถมือสอง ต้องทำการโอนให้เรียบร้อย
ค่าอากรแสตมป์ประมาณ 500 – 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท
ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน 200 บาท (กรณีหากต้องการเปลี่ยน)
กรณีเล่มทะเบียนชำรุดเสียค่าเปลี่ยน 100 บาท
ค่าคำขอ 5 บาท
ขั้นตอนการโอนรถสามารถทำได้ที่กรมการขนส่งทางบก
ติดต่อกรมการขนส่งทางบกได้ที่เบอร์ 0-2271-8888
สรุป
การโอนรถนั้นอาจจะมีขั้นตอนที่เยอะ แต่ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะครับ ใครที่จะมีการซื้อรถมือสอง ก็ควรจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้องและสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นอาจจะเปิดปัญหาที่หลังได้นั่นเอง นอกจากนี้การเตรียมเอกสารโอนรถต่าง ๆ ควรเตรียมให้ครบถ้วน เพื่อจะไม่เสียเวลาที่หลัง ถ้าหากใครที่ไม่มั่นใจอาจจะสอบถามข้อมูลไปยังกรมการขนส่งทางบกได้ที่เบอร์ 0-2271-8888