หากกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ชอบ ในราคาที่ใช่ มาทางนี้เลย! ขอแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า 2023 ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เริ่มต้นหลักแสน รุ่นไหนจะได้ใจคุณ มาดูกันเลย !
รถไฟฟ้า (Electric vehicles) หรือที่เรียกกันว่า รถ EV ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย นอกจากจะไม่ต้องใช้น้ำมัน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถชาร์จไฟที่บ้านได้แล้ว ยังมอบความเงียบเวลาขับขี่และให้อัตราเร่งที่ดี สามารถออกตัวได้เร็ว เนื่องจากไม่มีจังหวะหน่วงของเครื่องยนต์ และไม่มีขั้นตอนในการทดเกียร์ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน หรือดูแลชิ้นส่วนภายในหลายชิ้นเหมือนรถที่ใช้น้ำมันอีกด้วย
และสำหรับใครที่กำลังสนใจรถยนต์ไฟฟ้า 2023 แต่ไม่รู้จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำ รถยนต์ไฟฟ้า 2023 ราคาถูก ไม่เกิน 2 ล้านบาท ไว้เป็นตัวเลือก สำหรับผู้ที่สนใจ รุ่นไหนจะได้ใจคุณ มาดูกันเลย !
เปิดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน อย่าง BYD Dolphin (บีวายดี ดอลฟิน) ที่นำเข้ามาทำการตลาดในไทยผ่าน REVER Automotive มีพื้นฐานเป็น e-Platform 3.0 เอกสิทธิ์เฉพาะ BYD มาพร้อมมอเตอร์แบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร มอบอัตราเร่งที่ดี มีความเงียบในเวลาขับขี่ โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่
ดีไซน์ภายนอก
รูปลักษณ์ภายนอกมีเส้นสายคมชัด ดูทันสมัย ได้รับการติดตั้งไฟหน้าแบบ LED, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์, ไฟท้ายแบบ LED, ไฟส่องสว่างในพื้นที่เก็บสัมภาระ, ระบบปรับไฟสูง-ตํ่าอัตโนมัติ High beam Assist, หลังคาแก้วแบบ Panoramic ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ภายในห้องโดยสารมีให้เลือกหลายการตกแต่ง (ตามสีภายนอก) ได้แก่ สีน้ำตาล-ดำ Brown-Black, สีชมพู-เทา Pink-Grey, สีดำ-เทา Black-Grey, สีน้ำเงิน-เทา Blue-Grey มาพร้อมออปชันต่าง ๆ สุดครบครัน อาทิ พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้่าน, หน้าจอแสดงผลด้านคนขับแบบดิจิตอล ขนาด 5 นิ้ว, ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย, เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบระบายอากาศ, พนักพิงเบาะหลังพับได้แบบ 60:40, หน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว ปรับหมุนแนวตั้ง- แนวนอนได้ด้วยไฟฟ้า, รองรับ Apple CarPlay, รองรับฟังก์ชัน Navigation และ Music Streaming และอื่น ๆ อีกหลายรายการ
ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบความปลอดภัย ก็ได้รับการติดตั้งแบบจัดเต็ม อาทิ ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบเตือนก่อนเปิดประตู, ระบบเตือนก่อนเปิดประตู, ระบบเตือนการชนด้านหลัง, ระบบเตือนการชนด้านหน้า ฯลฯ
ขุมพลัง รถยนต์ไฟฟ้า 2023
สีตัวถัง รุ่น Standard
สีตัวถัง รุ่น Extended
ในงบประมาณไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้ ORA Good cat (โอร่า กู๊ดแคท) รถยนต์ไฟฟ้าตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ขนาด 5 ที่นั่ง จาก Great Wall Motor ไปด้วย มาพร้อมการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกถึง 2 ขนาด และสามารถวิ่งได้ไกลสุด 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง โดยจะแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ดังนี้
ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกมาในสไตล์เรโทร มีความคลาสสิก เรียบง่าย มากับกระจังหน้าแบบคลาสสิก พร้อมระบบ Active Air Intake, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบไฟท้ายแบบ LED, หลังคาซันรูฟแบบ Panoramic เปิด - ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และอัลลอย ขนาด 18 นิ้ว โดยในรุ่น GT จะมีการตกแต่งให้สปอร์ตมากขึ้น อาทิ กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่, การเพิ่มช่องดักอากาศขนาดใหญ่, การติดตั้งสปอยเลอร์ที่ขอบหลังคา และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในตกแต่งแบบโมโนโทนสีดำ และทูโทน เช่น สีดำ-แดง, สีดำ/ สีเขียว-เทา/สีน้ำตาล-เบจ (ขึ้นอยู่กับสีภายนอก) แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนังกลับ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านหน้าใช้ระบบไฟฟ้าปรับได้ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง ส่วนพนักพิงเบาะพับได้แบบ 60:40 มาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะคนขับและระบบ Welcome seat, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบนำทาง, ระบบสั่งการด้วยเสียง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมกรองอากาศ PM2.5, หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว เป็นต้น
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัย มีการติดตั้งเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว, ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ, กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และอีกหลายรายการ
ขุมพลัง
สีตัวถัง รถยนต์ไฟฟ้า 2023
สำหรับงบไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถเก็บ MG4 Electric (เอ็มจี 4 อิเล็กทริก) รถยนต์แฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% ไว้เป็นตัวเลือกได้ ซึ่งรุ่นนี้จะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมนวัตกรรม Nebula Pure Electric Platform และระบบความปลอดภัย Advanced Synchronize Protection System สร้างความอุ่นใจในทุกการขับขี่ โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่
ดีไซน์ภายนอก
สปอร์ตปราดเปรียวด้วยงานดีไซน์แบบ Racing Spirit Identity สะท้อนเอกลักษณ์อันสวยงาม ได้รับการติดตั้ง ไฟหน้า LED Galaxy Technology Matrix พร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน LED, ไฟท้ายแบบ LED, ระบบควบคุมการ เปิด – ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ, สปอยเลอร์หลัง Twin Arrow Wing, หลังคาแบบ 2-Tone และล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว พร้อม Aero Wheel Cover
ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในแบบดูเรียบง่าย สะอาดตา ตามสไตล์มินิมอล ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch ให้สัมผัสนุ่ม คอนโซลกลางมีดีไซน์แบบ Floated Central Control Platform มากับเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์และผ้า, หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว, กระจกมองหลังตัดแสง, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, ระบบกรองอากาศ PM 2.5, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod และอีกหลายรายการ
ขณะเดียวกัน ก็มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เข้ามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์, ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car, ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ, ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan และตั้งค่าการเดินทางแบบ Team Travel, ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน, ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time เป็นต้น
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัยก็ไม่น้อยหน้า มาพร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย, สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง, ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB, ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA พร้อมระบบอื่น ๆ มาให้อีกมากมาย
ขุมพลัง รถยนต์ไฟฟ้า 2023
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่ ความจุ 51 กิโลวัตต์ – ชั่วโมง มีระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC Mode) 425 กิโลเมตร
สีตัวถัง รุ่น D
สีตัวถัง รุ่น X
ขอแนะนำ BYD Seal (บีวายดี ซีล) รถยนต์ซีดาน 4 ประตู ขนาดกลาง 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มากับ e-PLATFORM 3.0 แพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี CTB (CELL-TO-BODY) ที่จัดวางแบตเตอรี่และอุปกรณ์โดยคำนึงถึงความแข็งแรงและปลอดภัยเพื่อสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
ดีไซน์ภายนอก
ตัวถังลาดลงแบบคูเป้ ดูสปอร์ตและทันสมัย ใช้ระบบไฟส่องสว่างเป็นไฟหน้าแบบ LED, ฟังก์ชันหน่วงเวลาการปิดไฟหน้า Follow Me Home, ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมกระจกหลังแบบซ่อนระบบรับสัญญาณวิทยุ, ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า, กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมแบบมีระบบทำความร้อนไล่ฝ้า, หลังคากระจกพาโนรามิกเคลือบซิลเวอร์เพลท ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ภายในห้องโดยสารเป็นแบบ Smart Cockpit ได้รับการติดตั้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน, หน้าจอ LCD เรือนไมล์ผู้ขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว, เบาะนั่งแบบหุ้มหนังสังเคราะห์/หนังแท้, เบาะนั่งคู่หน้าแบบระบายอากาศพร้อมระบบอุ่นเบาะนั่ง, ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ, ระบบกรองอากาศแบบ Negative Ion, ระบบปรับอากาศแบบ 2 โซน พร้อมระบบทำความร้อน, หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาด 15.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, เครื่องเสียง DYNAUDIO ลำโพง 12 จุด, ระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย และอีกมากมายที่พร้อมอำนวยความสะดวกและมอบความบันเทิงให้ระหว่างการเดินทาง
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัย จะมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ฝั่งคนขับและผู้โดยสาร/ด้านข้างคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า/ระหว่างคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า/ข้างเบาะนั่งแถวหลัง/ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้า 2 ตำแหน่ง, เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหลัง 4 ตำแหน่ง, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDW), ระบบป้องกันรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDP), ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA), ระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย (RCW), ระบบช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA) เป็นต้น
ขุมพลัง รถยนต์ไฟฟ้า 2023
สีตัวถัง
ปิดท้ายด้วยรถยนต์จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Tesla Model 3 (เทสล่า โมเดล 3) ที่จะมีรถยนต์ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้เลือกอยู่ 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย รุ่น Standard Range และ รุ่น Long Range ในราคาเริ่มต้นที่ 1.599 ล้านบาท
ดีไซน์ภายนอก
ตัวบอดี้ภายนอกลาดลงแบบคูเป้ ดูเรียบหรูโมเดิร์น ได้รับการติดตั้งไฟหน้าทรงแคบแนวนอน ชุดกันชนหน้าโค้งและเรียบ ไฟท้ายทรง C-Shaped และล้ออัลลอยลาย Aero ขนาด 18 นิ้ว สีเทาดำ ในรุ่น Standard Range ส่วนรุ่น Long Range จะใช้ล้อลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว สีเงิน
ดีไซน์ภายใน
ภายในตกแต่งแบบมินิมอล มีรายละเอียดน้อย โดยมีการคาดเส้นไฟ Ambient Light ล้อมห้องโดยสารให้ความรู้สึกทันสมัยน่าใช้ ขณะที่ฟีเจอร์อื่น ๆ จะมีการติดตั้งเบาะนั่งที่มีระบบอุ่น, จอมัลติฟังก์ชันขนาด 15.4 นิ้ว, ลำโพง 17 ตัว, จอขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, หลังคากระจกแบบเต็มบานช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีภายในห้องโดยสาร และอีกหลายรายการ
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัยจะมีการติดตั้งฟีเจอร์พื้นฐานอย่างระบบช่วยขับขี่ Autopilot แบบ Standard มาช่วยสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้ในระหว่างการเดินทาง ซึ่งมากับระบบเปลี่ยนช่องจราจรอัตโนมัติ, ระบบจอดรถอัตโนมัติ, Summon แบบอัจฉริยะ, ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และอื่น ๆ
ขุมพลัง รถยนต์ไฟฟ้า 2023
สีตัวถัง
หากสนใจ รถไฟฟ้ามือสอง สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Chobrod.com
แหล่งซื้อขาย รถยนต์มือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ