Honda Jazz ในตลาดรถรถมือสอง น่าซื้อหรือไม่ มาดูสเปคและข้อดี-ข้อเสียก่อนตัดสินใจ

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 4 ก.ย 2562
แชร์ 8

Honda Jazz รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตูรุ่นที่คนไทยนิยมซื้อ มาดูกันว่ารุ่นใดน่าเล่น และเหมาะกับคุณหรือไม่ โดยยกมาให้ดูทุกโฉมที่มีขายในไทยจนถึงปัจจุบัน Honda Jazz 2019 มาดูข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง

Honda Jazz เป็นรถยนต์ Hatchback 5 ประตู มีตัวถังระดับ B - Segment รุ่นหนึ่งที่ขายดีในประเทศไทยมาก ตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก จนมาถึงปัจจุบัน Honda Jazz 2019 ก็ยังทำยอดขายแรงดีไม่มีแผ่ว เพราะไม่ว่าจะเป็นโฉมใด ก็ยังรักษาจุดเด่นในเรื่องของราคาถูก ขับขี่ง่าย คล่องตัว ขนาดกะทัดรัด และประหยัดน้ำมันพอ ๆ ทำให้ตลาดรถ Honda Jazz 2019 ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แต่ในเมื่อเป็นรถมือสองแล้ว ก็ย่อมมีข้อเสียออกมาให้เห็นกันบ้างตามการใช้งานจริง ไปดูกันว่าแต่ละรุ่นมีข้อเสียอะไร และน่าใช้หรือไม่ ไปชมแล้วตัดสินใจกันเอาเองเลยครับ

>> 5 เหตุผลที่ รถมือสอง Toyota Corolla Altis น่าซื้อ พร้อมอัปเดตราคาล่าสุด
>> เจาะสเปคทุกรุ่นย่อย รถมือสอง Toyota Yaris 2019 พร้อมราคาล่าสุดสุดประหยัด

สำรวจ Honda Jazz มือสองน่าซื้อ ราคาถูก
สำรวจ Honda Jazz มือสองน่าซื้อ ราคาถูก

Honda Jazz รถมือสอง ปี 2003

Honda Jazz เจเนอเรชั่นแรกรหัสตัวถัง GD เริ่มเปิดตัวขายในไทยเมื่อปลายปี 2003 ซึ่งก็ขายดีทันทีที่ทำตลาด ด้วยรูปทรงทันสมัย ใช้งานง่าย ขนาดกะทัดรัด ภายในไม่เล็ก พับเบาะได้หลากหลาย แต่ข้อเสียก็มี นั่นคือสมรรถนะจะไม่แรงมาก จากเครื่องเบนซิน 4 สูบ i-dsi ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 88 แรงม้า ที่เน้นออกตัวได้ดี ประหยัดน้ำมัน แต่ใช้เร่งแซงใครคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก จึงมีเสียงบ่นว่าขับนอกเมืองแล้วอืดไปนิด โดยใน ตลาดรถรถมือสอง มีราคาถูกสุดกว่าใคร เริ่มต้นประมาณ 150,000 บาทก็ได้แล้ว

Honda Jazz รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2003
Honda Jazz รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2003

Honda Jazz รถมือสอง ปี 2004

Honda Jazz ในปีต่อมาก็เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ใส่ดิสเบรกล้อหลังในรุ่นท็อป พร้อมเพิ่มเครื่อง VTEC ที่มีกำลังเพิ่มเป็น 110 แรงม้า ให้ความกระฉับกระเฉง ใช้บรรทุกของหรือโดยสารคนไปเร่งแซงใครก็ง่ายขึ้น ข้อเสียคือ ต้องเค้นคันเร่งไปในรอบสูงขึ้น ถึงจะได้กำลังมาให้ใช้ ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองสูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์ i-dsi แต่ไม่ว่าอย่างไร หลายคนก็ยังรับได้กับค่าน้ำมันที่คุ้มความแรง โดยโฉมนี้จะได้สีชมพูใหม่มาให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งในตลาดรถรถมือสอง มีราคาน่ารัก เริ่มต้นประมาณ 160,000 บาท คาบเกี่ยวกันแล้วแต่สภาพเลยครับ

Honda Jazz ในตลาดรถรถมือสองปี 2004 มีสีชมพูให้เลือก
Honda Jazz ในตลาดรถรถมือสองปี 2004 มีสีชมพูให้เลือก

Honda Jazz รถมือสอง ปี 2006

Honda Jazz ปรับโฉมเล็กน้อย เพื่อต่อกรกับคู่แข่งที่ขณะนั้นเพิ่งเปิดตัว Yaris มาสู้กัน แตกต่างด้วยกันชนใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น มีสปอยเลอร์หลังพร้อมใส่ไฟท้าย LED ใหม่ ที่ภายในมีมาตรวัดเรืองแสง กระจกข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า มีไฟอ่านแผนที่ ฯลฯ โดยทางฮอนด้าได้จัดการเพิ่มสีตัวถังใหม่คือสีเหลือง ซึ่งมีจำกัดเพียง 1,500 คันเท่านั้น ทำให้ Honda Jazz รถมือสองรุ่นนี้เป็นที่ต้องการ จนมีราคาเริ่มต้นที่ 200,000 บาทเลยทีเดียว

Honda Jazz ไมเนอร์เชนจ์ปี 2006 เปลี่ยนกันชนใหม่
Honda Jazz ไมเนอร์เชนจ์ปี 2006 เปลี่ยนกันชนใหม่

Honda Jazz รถมือสอง ปี 2008

Honda Jazz ได้ทำการโมเดลเชนจ์เป็นเจเนอเรชั่น 2 มีรหัสตัวถังว่า GE เปิดตัวที่ไทยเมื่อปี 2008 มีจุดเด่นที่ขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้ง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ S, V และ SV ราคาป้ายแดงเริ่มต้นที่ 550,000 บาท ถ้าหากซื้อรุ่นท็อป SV ก็จะได้ออปชั่นจัดเต็ม ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ข้อดีคือ เครื่องยนต์ยังมีอะไหล่ใช้ร่วมกับ Honda Jazz 2019 ได้อยู่ ทำให้สะดวกเวลาซ่อมหนัก ส่วนข้อเสียคือ ราคามือสองยังแข็งแรง ไม่ตกง่าย ๆ หากอยากได้โฉมนี้ ก็ต้องเก็บเงินมากสักหน่อย เพราะในตลาดรถรถมือสองของโฉมนี้ เริ่มต้นที่ 300,000-400,000 บาท

Honda Jazz โฉม GE โมเดลเชนจ์ในปี 2008
Honda Jazz โฉม GE โมเดลเชนจ์ในปี 2008

Honda Jazz GE แบบไมเนอร์เชนจ์ปี 2012
Honda Jazz GE แบบไมเนอร์เชนจ์ปี 2012

Honda Jazz รถมือสอง ปี 2013

Honda Jazz เจเนอเรชั่นที่ 3 นี้ใช้รหัสตัวถัง GK เปิดตัวเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2013 เปลี่ยนดีไซน์ให้ดูสปอร์ต ปราดเปรียว ด้วยไฟหน้าแนวนอนยาว ออกแบบมิติตัวถังใหญ่กว่ารุ่นก่อน โดยมีขนาดความยาวอยู่ที่ 3,955 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,525 มิลลิเมตร ตัวถังวางอยู่บนฐานล้อ 2,530 มิลลิเมตร แต่มีน้ำหนักเบาเหลือเพียง 1,080 กิโลกรัม ด้านสมรรถนะยังใช้บล็อก L15A เหมือนเดิม กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ให้กำลังสูงสุดลดลงกว่ารุ่นที่แล้ว 3 แรงม้า อยู่ที่ 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ปัจจุบัน จุดเด่นก็คือมีรูปทรงทันสมัยสดใหม่ ในรุ่นท็อป SV+ ได้ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) พร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag  และม่านถุงลมด้านข้าง ข้อเสียคือ รุ่นใหม่ใกล้เปิดตัวแล้ว มาพร้อมเครื่องยนต์ไซส์เล็กลงและติดเทอร์โบ หากใครชอบโฉมนี้ในตลาดรถรถมือสอง ก็ซื้อได้ในราคาเริ่มต้นที่ 400,000-500,000 บาทโดยประมาณ

Honda Jazz เจเนอรเรชั่น 3 รหัส GK เปิดตัวปลายปี 2013
Honda Jazz เจเนอรเรชั่น 3 รหัส GK เปิดตัวปลายปี 2013

Honda Jazz ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ในปี 2018
Honda Jazz ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ในปี 2018

ตลาดรถ Honda Jazz 2019 รุ่นล่าสุดในปีนี้ ต้องยอมรับว่ามีจุดด้อยตรงที่ ภายนอกไม่มีแตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก แต่มีการเปลี่ยนดีไซน์ของกระจังหน้าเล็กน้อย และด้านหลังพร้อมชุดแต่งใหม่รอบให้ดูปราดเปรียว เพรียวลมกว่าเดิม พร้อมเปลี่ยนล้อแม็กซ์อัลลอยให้ดูสปอร์ตขึ้น ส่วนเครื่องยนต์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยขนาด 1.5 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC โดยมี 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S, V, V+, RS, RS+ เหมือนเดิม ส่วนราคาของ Honda Jazz 2019 ในแบบป้ายแดง มีดังนี้

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย S M/T 555,000 บาท

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย S A/T 594,000 บาท

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย V A/T 654,000 บาท

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย V+ A/T 694,000 บาท

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย RS A/T 739,000 บาท

  • Honda Jazz 2019 รุ่นย่อย RS+ A/T 754,000 บาท

*** *** ​ดูเพิ่มเติมราคา ฮอนด้าแจ๊ส2020 มือสอง ที่มีขายในประเทศไทย

Honda Jazz 2019 รุ่น RS+
Honda Jazz 2019 รุ่น RS+

Honda Jazz จัดว่าน่าซื้อเลยทีเดียว แม้เครื่องไม่แรงมาก แต่ก็เหมาะกับการใช้งานในเมือง ขับไปเรียน ไปทำงานออฟฟิศ ทั้งประหยัดน้ำมัน แถมดีไซน์ใหม่เหนือกาลเวลา ไม่ตกยุค ในตลาดรถรถมือสองที่ผ่านมาตลอด 18 ปี เป็นสิ่งที่การันตีและยืนยันได้ว่า Honda Jazz เป็นยานยนต์ที่ยอดนิยมและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกซื้อโฉมใดจากเว็บ Chobrod ก็ควรไปลองขับจริงประกอบด้วย จะได้คำตอบที่ดีให้คนที่กำลังจะซื้อรถ แล้วบทความหน้าจะมีรุ่นอะไรมาแนะนำกันอีก โปรดติดตามตอนต่อไปครับ สวัสดี

Mr.Argus