เวลาซื้อรถมือสองนอกจากเช็กสภาพความพร้อมเรื่องการเงินและเรื่องเอกสารแล้ว อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญมาก ๆ เลยนั่นคือการเช็กสภาพของตัวรถยนต์ ซึ่งขึ้นชื่อว่ารถมือสองสิ่งที่หลายคนอาจต้องแอบกังวลใจก็คงเป็นเรื่องของรถย้อมแมว ซึ่งแน่นอนว่ารถมือสองสภาพย่อมแตกต่างจากรถใหม่อยู่แล้ว ไม่ได้มีสภาพที่ใหม่ได้ในทุกจุด แต่รู้ไหมว่าเพราะความเก่าของตัวรถนี่แหละ ที่จะทำให้เราดูออกว่ารถมือสองที่กำลังจะตัดสินใจซื้อนั้นผ่านการย้อมแมวมาหรือเปล่า วิธีดูจะเป็นยังไงเรามาดูกันดีกว่ากับวิธีเช็กรถมือสองก่อนซื้อด้วยการเช็กตัวถังรถยนต์ เช็ครถมือสองก่อนซื้อ
1. ดูภาพรวมภายนอก
เริ่มจากภาพรวมโครงสร้างรถ เป็นการมองดูแบบประเมินด้วยสายตาคร่าว ๆ โดยให้นำรถที่คุณต้องการตรวจสอบไปจอดเอาไว้ในที่โล่งโจ้ง มีแสงแดดส่องถึง เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของตัวรถได้อย่างชัดเจน และให้มีพื้นที่ที่สามารถเดินวนตรวจสอบรถได้รอบคัน จากนั้นให้ตรวจเช็กสภาพรถ ตัวถังรถยนต์ด้วยวิธีตามนี้
นำรถไปจอดกลางที่โล่งแจ้ง เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของตัวรถได้ชัดเจน
- ช่วงด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถ ให้ถอยห่างออกจากตัวรถกะระยะประมาณ 7-10 ก้าว โดยยืนให้ขนานกับตัวรถ
- จากนั้นให้สำรวจด้วยการกวาดสายตาไปรอบ ๆ สังเกตดูตัวรถว่าโครงสร้างตั้งฉากไหม มีส่วนไหนที่บิดเบี้ยวไม่เท่ากันหรือเปล่า
ตรวจสอบโครงสร้างของรถว่าตั้งฉากหรือไม่
- ช่วงด้านข้างของตัวรถซ้าย-ขวา ให้ยืนถอยกะระยะห่างพอให้มองเห็นโครงสร้างรถได้รอบคัน จากนั้นตรวจสอบเช่นเดิม คือดูว่ามีส่วนไหนที่บิดเบี้ยว หรือคดงอหรือไม่
- ตรวจสภาพสีรถว่ามีร่องรอยหลุดร่อน มีคราบสนิมหรือถลอกจุดใดหรือเปล่า
เคาะตัวถังรถเพื่อตรวจสอบว่ารถผ่านการทำสีมาหรือไม่
- หากจะดูว่ารถเคยผ่านการทำสีหรือไม่ ให้ลองใช้มือเคาะเบา ๆ เพื่อฟังเสียง ถ้าไม่เคยทำเสียงจะโปร่ง ๆ แต่ถ้าเคยผ่านการพ่นมาเสียงจะทึบ ๆ และสังเกตความสม่ำเสมอของสีด้วยว่ามีส่วนไหนที่ใหม่เกินจริง ลักษณะเป็นคลื่น หรือสีผิดเพี้ยนแตกต่างจากจุดอื่น หากตรวจพบว่าชิ้นไหนผิดเพี้ยน หรือใหม่เกินความเป็นจริง นั่นอาจเป็นเพราะมีการทำสีชิ้นนั้นมา
ดูเพิ่มเติม
>> 5 จุดที่ชอบลืมเช็ก! เมื่อซื้อรถมือสอง
>> 5 ข้อพิจารณาซื้อรถมือสอง “เน้นความคุ้ม ซื้อไป ไม่เหนื่อย”
2. ดูด้านหน้ากระโปรงรถ
ในส่วนของตัวถังรถด้านหน้า เป็นส่วนที่สำคัญที่จะบอกสภาพที่แท้จริงของรถได้ครบทุกลักษณะการใช้งาน หากพิจารณาและตรวจสอบอย่างละเอียด
เปิดฝากระโปรงรถและเช็คเลขตัวถังรถยนต์ว่าตรงกับเลขในสมุดทะเบียนรถหรือเปล่า
- ก่อนอื่นตรวจสอบดูเลขตัวถังรถยนต์เเละเลขเครื่องว่าเลขตรงกับกับเลขในสมุดทะเบียนรถหรือเปล่า รถแต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งระบุเลขตัวถังต่างกัน หากหาไม่พบว่าเลขตัวถังรถยนต์ดูตรงไหน ให้ตรวจในสมุดคู่มือของรถ
- จากนั้นทำการเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบดูสติกเกอร์ที่ติดอยู่ที่ฝาถังรถ ถ้ากระโปรงรถถูกเปลี่ยน สติกเกอร์จะหายไป
- ตรวจสอบเลขตัวถังเเละเลขเครื่องว่าเลขตรงกับกับเลขในสมุดทะเบียนรถหรือเปล่า บริเวณคานรถดูรอยอาร์คและร่องรอยการถูกขันน็อต
บริเวณคานรถดูรอยอาร์คและร่องรอยการถูกขันน็อต
- บริเวณคานรถ ให้ตรวจสอบรอยอาร์ค เป็นรอยที่มาจากการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงานถ้าชนมารอยนี้จะหายไป ซึ่งเกิดจากการเพิ่มความหนาของสีด้วยการโป๊วและพ่นสี และถ้าคานมีลักษณะลาดเอียง ให้สันนิษฐานไว้เลยว่ามีการดัดแปลงซ่อมแซมแน่นอน
- ดูหัวน็อต ถ้ามีการเปลี่ยนฝากระโปรงมาสีที่แต้มมาจากศูนย์จะหายไป และมีร่องรอยการถูกประแจขัน
- เช็กตรงโครงสร้างรอบฝากระโปรงรถ ตามปกติจะเป็นลักษณะที่มีรอบพับสวยงาม แต่ถ้าหากมีการเปลี่ยนหรือซ่อมแซม จะไม่พบร่องรอยความเป็นระเบียบ ถูกแทนที่ด้วยร่องรอยการพ่นสีทับ
ตรงแก้มซ้าย-ขวาจะมีรอยอาร์ค ถ้าหายอาจเกิดจากการถูกดัดหรือพ่นสีทับ
- ตรวจสอบที่แก้มซ้าย-ขวา ปกติจะมีรอยนูนที่มาจากโรงงาน แต่ถ้ามีการซ่อมแซมหรือทำการดัดแปลงมา รอยนั้นจะหายไป อาจเกิดจากการถูกดัดหรือพ่นสีทับ
- ตรงแก้มรถ สังเกตที่หัวน็อต ซึ่งปกติจะไม่มีการถอดออกอยู่แล้วหากไม่มีเหตุจำเป็น สังเกตได้จากร่องรอยการดัด และสีของหัวน็อตเช่นเดิม
ลักษณะของซุ้มล้อตรงจุดนี้จะมีการขึ้นรูปของเหล็กที่เป็นระเบียบ
- ตรงซุ้มล้อเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถดูออกได้ชัดเจนจะเป็นลักษณะที่ดูเป็นรอยยับถ้ามีการดัดแปลงมา ปกติตรงจุดนี้จะมีการขึ้นรูปของเหล็กที่เป็นระเบียบ ลองเทียบดูทั้งสองฝั่งเพื่อหาความแตกต่าง
- บริเวณด้านล่างอาจจะมองด้วยตาเปล่ายาก แต่สามารถมองเข้าไปได้ ตรงช่วงกันชนหากมีประวัติการเฉี่ยวชน จะเจอร่องรอยบุ๋มอยู่ภายใน
- บริเวณคานด้านล่าง ตรงรูระบายจะเห็นแผ่นเหล็ก จุดนี้จะเป็นจุดที่โดนชนก่อนจุดอื่น จึงจะเห็นรอยได้ชัดหากผ่านการเฉี่ยวชนมา
3. ดูด้านข้างตัวรถซ้าย-ขวา
- ขยับเข้ามาใกล้ช่วงตัวรถ เพื่อสังเกตรอยต่อดูระยะห่างช่องไฟ ระหว่างประตูหน้าและประตูหลัง ว่ามีระยะที่พอดีเท่ากันหรือไม่ หรือแคบไปหรือเปล่า
- ดูรอยพับที่ขอบประตู ถ้าเป็นรถที่ไม่เคยผ่านการเฉี่ยวชนหรือซ่อมแซม ตรงรอยพับจะเป็นระเบียบและสวยงามคงเดิม แต่ถ้าไม่ใช่ จะพบรอยยึกยือเห็นร่องรอยการดัดแปลง
ดึงขอบยางเพื่อดูรอยอาร์ค ซึ่งเป็นรอยที่ตื้น ที่มีการดัดแปลงซ่อมแซมรอยนี้จะหายไป
- ตรวจสอบตัวถังโดยรอบของประตู อาจจะขออนุญาติเจ้าของรถดึงขอบยางเพื่อดูภายใน ซึ่งปกติบริเวณนั้นจะมีรอยอาร์คของตัวรถ ซึ่งเป็นรอยที่มาจากโรงงาน หากมีการซ่อมแซมมาก่อน รอยนี้จะหายไป เพราะเป็นรอยที่ตื้น หากมีการโป๊วสีให้หนาขึ้นรอยนี้ก็จะถูกแทนที่ด้วยสีแทน เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วก็ให้นำยางใส่กลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
- เปิดประตูรถ ตรวจสอบบานพับถ้าเป็นรถที่มีประวัติการเฉี่ยวชนหรือซ่อมแซม บานพับประตูจะยุบเข้าไปและพบร่องรอยการดัดและการทำสี และน็อตมีการถูกถอดออกหรือเปลี่ยนเป็นแบบอื่นที่ไม่ได้มาจากโรงงาน
ตรงกลอนประตูถ้ามีการดัดแปลงจะเจอร่องรอยการเว้าเป็นหลุม
- ถ้ารถเคยมีประวัติการเฉี่ยวชน กลอนประตูจะถูกอัดเข้ามา และถ้ามีการดัดก็จะเจอร่องรอยการเว้า เป็นหลุม ลองเทียบดูทั้งสองฝั่งถ้ามีความแตกต่างกันด้านที่มีลักษณ์การเว้าคือด้านที่ถูกดัดแปลงมา
- ตรงขอบประตูด้านล่าง ให้ลองใช้เล็บจิก พื้นผิวจะนิ่ม แต่ถ้าถูกเปลี่ยนมาวัสดุจะแข็งขึ้น
4. ดูด้านหลังตัวรถ
มาดูจุดสุดท้ายของการเช็กตัวถังรถนั่นคือด้านหลังของตัวรถ โดยมีส่วนที่ตรวจสอบบางจุดเท่านั้น เริ่มจากเปิดฝากระโปรงรถก่อนแล้วตรวจสอบจุดสำคัญดังนี้
- ตรวจสอบรอยอาร์คตรงขอบฝาว่ายังคงอยู่เช่นเดิมมั้ยดูร่องรอยการเชื่อมถ้าสภาพสวยงาม ไม่มีรอยพับ แสดงว่าเป็นรถที่ไม่มีการเฉี่ยวชนหรือดัดแปลงซ่อมแซมมาก่อน
- ถ้าเคยซ่อมจะมีรอยพับที่เป็นสภาพยึกยัก เกิดร่องรอยการดัด
- เปิดดูหลุมวางยางอะไหล่เพื่อตรวจสอบตัวถัง จะมีลักษณะเป็นลอน ถ้าถูกชนมาตำแหน่งของลอนจะเปลี่ยนไป เมื่อมีการซ่อมแซมสภาพจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิ
ตรวจสอบรถรอบคันอาจใช้เวลาสักหน่อยแต่ความรอบคอบจะช่วยให้ได้รถมือสองที่สภาพดี
อาจจะดูมีหลายส่วนที่ต้องตรวจสอบ แต่ทั้งหมดสามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ถึงแม้ใช้เวลาสักหน่อยแต่ความรอบคอบจะช่วยให้ได้รถมือสองที่สภาพดีเหมือนใหม่ไม่ถูกหลอก และอย่างที่บอกไว้ว่ารถมือสองสภาพย่อมแตกต่างไม่เหมือนรถใหม่อยู่แล้ว ใช่ว่าทุกจุดจะต้องเรียบร้อยสมบูรณ์ ก็ต้องมีบ้างทีอาจเกิดร่องรอยการซ่อมแซม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นความจริงใจในการเปิดเผยข้อมูลของผู้ซื้อนั่นแหละ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
รถจะผ่านการซ่อมแซมมาแบบไหน ก็ควรแจ้งให้ผู้ที่จะซื้อรับทราบอย่างละเอียด ไม่ควรปกปิดด้วยการกลบเกลื่อนด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะนอกจากจะแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์แล้ว อาจจะทำให้เกิดปัญหาภายในตามมาได้ด้วย ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ขายรถมือสองล่ะก็ ก็ควรที่จะเปิดเผยข้อมูลและประวัติของรถให้แก่ผู้ซื้ออย่างตรงไปตรงมา เพื่อการสร้างเครดิตที่ดีแก่ตัวคุณเอง
ดูเพิ่มเติม
>> 9 ขั้นตอนการซื้อรถมือสอง ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
>> ซื้อรถมือสอง ต้องถามอะไรบ้าง? พบกับ 7 คำถามที่พบบ่อยเมื่อจะซื้อรถมือสอง
เข้าดู รถยนต์มือสอง ได้ที่นี่