เล็ง! 5 จุดเด่น Mitsubishi Xpander 2018 ที่หลายคนรอคอย

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 8 พ.ค 2561
แชร์ 24

เริ่มออกอาละวาด ขึ้นเรือส่งออกจากอินโดฯ ไปขายตามประเทศที่เปิดตัวแล้วสำหรับ MPV ดีไซน์เฉียบคล้ายมาจากยุคอนาคตอย่าง Mitsubishi Xpander หลังจากเผยโฉมครั้งแรกที่อินโดนีเซีย ตลาดหลักที่รถแนวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงเป็นฐานการผลิตหลักของรุ่นนี้ด้วย ส่วนในไทยคาดว่าอีกไม่นาน MPV ทางเลือกจาก Mitsubishi Xpander รุ่นนี้จะถูกเผยโฉมซึ่งน่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถ 7 ที่นั่งได้ไม่น้อย



เล็ง
! 5 จุดเด่น Mitsubishi Xpander 2018 ที่หลายคนรอคอย

 

โดยทาง Mitsubishi ตั้งเป้าการส่งออกไว้ที่ 30,000 คันภายในปี 2019 ยอดจองเมื่อช่วงเวลาเปิดตัวครั้งแรกปี 2017 ที่อินโดนีเซียเพียงสัปดาห์เดียวก็ปาเข้าไปกว่า 6,000 คันภายในช่วงวันเปิดตัว และกว่า 66,000 คันนับมาถึงปัจจุบัน นั่นคือตัวเลขที่ไม่ธรรมดา และพาให้พี่ไทยต้องเลื่อนการเปิดตัวไปอีกจากที่วางไว้ว่ารุ่นนี้จะมาช่วงต้นปี 2018 เมื่อเสียงตอบรับดีเกินคาดขนาดนี้ทำให้น่าสนใจว่า Mitsubishi Xpander 2018 คันนี้มีอะไรดี Chobrod ขออาสาพาไป 5 จุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้ ยอดนิยมได้ทันทีที่เปิดตัว

1.Xpander ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนทั่วโลก

บางข่าวเขียนถึงรุ่นนี้เป็น Xpander หรือ Expander ก็ตามแต่ ที่ถูกต้องที่สุดคงต้องตามภาพบริเวณป้ายทะเบียนบอกชื่อรุ่นที่เขียนว่า Xpander อันแสดงถึงความตระหนักต้องการของ Mitsubishi ให้รถรุ่นนี้ต่อยอดเป็นที่นิยมไปทั่วโลก จากจุดเริ่มต้นในประเทศกลุ่มอาเซียน โดยนาย Osamu Masuko ซีอีโอของ Mitsubishi Motor บอกว่า Xpander คันนี้บริษัทวางแผนที่จะทำให้กลายเป็นรถระดับโลกให้ได้ ไม่เพียงแค่นิยมอยู่ในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีความต้องการรถ MPV 7 ที่นั่งในอัตราสูงเท่านั้น แต่ดีไซน์ของรถรุ่นนี้ยังสามารถเข้าถึงความนิยมของคนทั่วโลกได้ไม่ยาก และมุ่งหวังจะเอาชนะตลาดยุโรปได้ในเวลาไม่นาน



Mitsubishi มั่นใจว่า Xpander คันนี้ต้องโดนใจคนทั่วโลก

2.Xpander เป็น MPV ดีไซน์เด่น กระแทกใจ

ดีไซน์ของ Xpander อาจจะคุ้นตาเมื่อเทียบกับรถต้นแบบที่ทาง Mitsubishi เคยเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้อย่างรุ่น XM Crossover MPV ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น และคาดหวังถึงความเป็นได้ในรถรูปแบบขายจริงว่าจะออกมาเหมือนคันต้นแบบนี้มากน้อยแค่ไหน และทาง Mitsubishi ก็ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใดเมื่อการมาของดีไซน์ใน Xpander ทำได้อย่างไร้ที่ติ เครื่องหมายการค้าของดีไซน์ภายใต้ชื่อ Dynamic Shield Design เช่นเดียวกับรุ่น Pajero Sport ที่ขายอยู่ในไทย แต่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อความสวยของ Pajero Sport ยังเป็นที่ยอมรับของคนไทยจนทำให้เป็นรถ PPV ขายดีอันดับต้นๆ ในไทยได้ แล้วทำไมกับดีไซน์ที่ชัดขึ้นอย่าง Xpander คันนี้จะไม่กระแทกใจผู้ใช้ทั้งไทยและเทศ


 


 



ภายนอกดีไซน์ล้ำผสมความเป็นรถ MPV และครอสโอเวอร์

หนึ่งจุดเด่นของ Mitsubishi Xpander 2018 อีกหนึ่งจุดคือ ส่วนของด้านหน้าที่ประดับไปด้วยไฟ LED วางไว้สูงชัดเทียบเท่าฝากระโปรง ไล่คงมาที่ด้านล่างก็ยังมีไฟส่องสว่างขนาดใหญ่ สุดท้ายที่ล่างสุดเป็นไฟตัดหมอก อีกหนึ่งรูปแบบดีไซน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถ Mitsubishi (ให้ความรู้สึกเหมือนกับ Nissan JUKE ที่ไฟหน้าสองระดับแบบนี้เช่นกัน) และจากลักษณะแก้มข้างด้านหน้าของ Xpander ทำให้รู้สึกถึงความเป็นเป็นรถ Crossover SUV ยิ่งติดตั้งมาด้วยล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วรัดด้วยยาง 205/55 จนทำให้รถมีระดับความสูงจากพื้นมากขึ้น ยิ่งทำให้ Xpander คล้ายกับคันต้นแบบอย่าง XM Crossover MPV มากเข้าไปอีก

3. MPV First-Class

First-Class คือที่หนึ่งในเรื่องความกว้างเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน Xpander ที่มาในรูปแบบรถ MPV เมื่อภายนอกใหญ่โตพาในนึกถึงภายในว่าจะโออ่าแค่ไหน แน่นอน! Xpander คันนี้มีดีเด่นในเรื่องความกว้าง มากกว่าคู่แข่งต่างค่ายหลายๆ รุ่นที่กำลังขายอยู่ตอนนี้ในไทย มาลองดูรายละเอียดมิติของแต่ละรุ่นในคลาสกลุ่มรถ MPV กันดีกว่าว่าแต่ละรุ่น ยาว-กว้าง-สูง เท่าไรกันบ้าง

  • Mitsubishi Expander : ยาว 4,475 mm. กว้าง 1,750 mm. สูง 1,700 mm.
  • Toyota Sienta : ยาว 4,295 mm. กว้าง 1,695 mm. สูง 1,695 mm.
  • Honda BR-V : ยาว 4,456 mm. กว้าง 1,735 mm. สูง 1,666 mm.
  • Suzuki Ertiga : ยาว 4,325 mm. กว้าง 1,695 mm. สูง 1,685 mm.



ภายในกว้างสุดในคลาสรถประเภทเดียวกัน

จะเห็นว่า Xpander ยาวกว่า กว้างกว่า สูงกว่า! คู่แข่งทุกรุ่นในคลาสเดียวกัน แน่นอนว่าเรื่องภายในความกว้างสบายเมื่อยามโดยสารเต็มพิกัด 7 คน Xpander จะให้ความรู้สึกที่ดีกว่าแก่ทุกคนภายในรถ ใช่เพียงแค่เรื่องดีไซน์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวเร้าใจเท่านั้น แต่ Xpander สร้างความประทับใจด้วยภายในที่กว้างขวาง เป็นรถที่ห้องโดยสารกว้างที่สุดในรถประเภทเดียวกัน อรรถประโยชน์จากความหลากหลายในรูปแบบการใช้งาน ทั้งเรื่องพื้นที่ Legroom วางขาของเบาะนั่งแถว 3 เบาะพิงหลังแถว 3 ปรับได้แบบ 50/50 แถวที่ 2 ปรับได้แบบ 60/40 น่าจะตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานของ MPV ได้ทุกข้อแบบครบครัน จะโดยสารก็นั่งสบายทุกที่นั่งหรือจะใช้บรรทุกของใหญ่ๆ Xpander คันนี้ก็ไม่หวั่น

 



ลูกเล่นเลือกได้ในการปรับเบาะ ขนคนขนของไม่มีปัญหา

4. มากับ 4 รุ่นย่อยให้เลือก

สำหรับเวอร์ชั่นขายในไทยคงต้องรอลุ้นกันว่าทางค่ายทรีไดมอนด์จะตัดอ๊อพชั่นหรือเพิ่มลดรุ่นย่อยมากน้อยแค่ไหนในตอนนี้สำหรับเวอร์ชั่นขายอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์นั้น Xpander มีมาให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่นย่อยดังต่อไปนี้

  • GLX  
  • GLX Premium
  • GLS
  • GLS Sport (ตัวท็อปสุด)

ทุกรุ่นย่อยจะใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน เป็นเครื่องยนต์ MIVEC ขนาด 1.5L ปล่อยแรงม้าได้สูงสุดอยู่ที่ 104 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดที่ 141 Nm ในรุ่น GLX และ GLS จะมาพร้อมกับระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 5 Speed ส่วนในรุ่น GLX Premium และ GLS Sport จะเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 Speed



เครื่องยนต์ 1.5L พร้อมม้าในคอก 104 ตัว กับแรงบิดสูงสุดที่ 141 Nm

5. ภายในมันลงตัว

ไม่บ่อยนักที่จะเห็นรถผสมการใช้สีระหว่างสีเบส-ครีม กับสีดำแต่ Xpander กล้า! ที่จะนำทั้งสองสีเข้ามาผสมด้วยกันกับวัสดุที่ตกแต่งภายในได้อย่างลงตัว สีครีมบวกับลายไม้ที่ดูหรูหรา ผู้ใหญ่อาจจะชอบที่ความสะอาดตา แต่ก็ยังเอาใจวัยรุ่นด้วยวัสุดดีดำ และความเงางามจากสีเปียโนแบล็ค แม้ทั้งหมดจะดูขัดแย้ง แต่ Xpander ออกแบบจัดวางไว้ไม่รู้สึกขัดตาเลยแม้แต่น้อย ความประนีประนอมเพื่อให้ทุกคนที่ได้นั่งบนรถคันนี้รู้สึกดีถูกตอบด้วยยอดขายอันถล่มถลาย และเชื่อว่าผู้ซื้อตัดสินใจซื้อจากการออกแบบภายในของ Xpander ด้วยไม่น้อย ถ้าถามว่ารถคันนี้ที่ภายในเหมาะที่สุดจะเป็นรถสำหรับครอบครัวแล้วหรือยัง ตอบได้ไม่ยากว่า แน่นอนที่สุด!



ผสมผสานการใช้สีครีม-เบส และสีดำไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

 

ทั้งหมดคือข้อดีเด่นที่ทำให้ Mitsubishi Xpander 2018 คือหนึ่งรุ่นที่มาแรงในตลาดรถอาเซียน แนวครอบครัวแบบ MPV 7 ที่นั่งไปไหนไปกัน ที่มากับรูปทรงรถยอดนิยมของยุคนี้อย่างความเป็นรถครอสโอเวอร์ การันตีด้วยยอดขายมหาศาล และกับเมืองไทยคงต้องรออีกสักหน่อย คาดว่าจะมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ โดยราคาของ MPV จากค่ายอื่นๆ ที่จำหน่ายอยู่ในไทยตอนนี้ มีดังต่อไปนี้

  • Toyota SIENTA ราคาอยู่ระหว่าง 750,000-865,000 บาท
  • Honda Mobilio ราคาอยู่ระหว่าง 659,000-763,000 บาท
  • Suzuki Ertiga ราคาอยู่ระหว่าง 655,000-715,000 บาท

มองที่เรื่องดีไซน์บอกได้เลยว่าสวยกว่า SIENTA แม้กับ Mobilio อาจจะสูสี แต่ Xpander ได้เปรียบที่ความสดใหม่ ซึ่งถ้าทำราคาออกมาดี การจะตีเจ้าตลาดขึ้นเป็นที่ 1 ของคลาสคงทำได้ไม่ยาก ดีไม่ดีอาจจะดึงลูกค้าที่กำลังเล็งรถครอสโอเวอร์อยู่ให้หันมาซื้อรถ MPV อย่าง Xpander คันนี้ด้วยก็เป็นได้

แล้วอย่าลืม! บอกกับเรา Chobrod หน่อยว่าคุณชอบอะไรใน Mitsubishi Xpander 2018 คันนี้ และเพราะอะไร ถ้ามาเมืองไทยจริงๆ อยากให้อยู่ที่ราคาเท่าไร บอกกับเราใต้คอมเม้นท์ด้านล่างนี้ได้เลย