เผยสเปคเต็มๆ Toyota C-HR 2018 รุ่นไหนน่าซื้อที่สุด

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 2 ธ.ค 2560
แชร์ 2

หลังจากมีการเผยโฉมตัวเต็มๆ อย่างเป็นทางการให้คนไทยได้ยลโฉมตัวจริงกับ Toyota C-HR Crossover SUV รุ่นใหม่ไปแล้วในงาน Motor Expo 2017 ยนตกรรมแห่งอนาคตภายใต้แนวคิด ‘EVER BETTER CAR’ กับดีไซน์การออกแบบอันสุดโต่ง ล้ำหน้ากว่าใคร ผนวกกับเทคโนโลยีมากมายที่เหนือชั้นยิ่งกว่า

ดีไซน์สุดล้ำ ที่ทำให้ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเป็นรถจาก Toyota ฉีกความเชยเดิมๆ ที่เคยมีมา

ดีไซน์สุดล้ำ ที่ทำให้ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเป็นรถจาก Toyota ฉีกความเชยเดิมๆ ที่เคยมีมา

ดีไซน์สุดล้ำ ที่ทำให้ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเป็นรถจาก Toyota ฉีกความเชยเดิมๆ ที่เคยมีมา
 

และตอนนี้ทาง Toyota ประเทศไทยก็ได้เปิดให้คุณได้จับจองยนตกรรมแห่งอนาคตคันนี้ได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เว็บไซต์ www.toyotaactivity.com โดยตัวรถจะพร้อมส่งมอบให้กับผู้ที่สั่งจองได้ภายในเดือนมีนาคม 2018 และความพิเศษสำหรับผู้จองสิทธิ์เป็นเจ้าของรุ่นนี้ จะได้รับฟรีสำหรับ ‘CUSTOM NAME PLATE’ เลือกดีไซน์ชื่อได้ตามสไตล์ที่เป็นตัวคุณอีกด้วย
 

โดย Toyota C-HR มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นดังต่อไปนี้

รุ่น 1.8 Entry (เครื่องยนต์เบนซิน) ราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท

รุ่น 1.8 MID (เครื่องยนต์เบนซิน) ราคา 1,050,000 บาท (+,- ไม่เกิน 20,000 บาท)

รุ่น 1.8 Hybrid MID (เครื่องยนต์แบบไฮบริด) ราคา 1,050,000 บาท (+,- ไม่เกิน 20,000 บาท)

รุ่น 1.8 Hybrid High (เครื่องยนต์แบบไฮบริด) ราคาไม่เกิน 1,200,000 บาท
 

ข้อมูลของอุปกรณ์ในรุ่นย่อยต่างของ C-HR

ข้อมูลของอุปกรณ์ในรุ่นย่อยต่างของ C-HR
 

มาดูที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 Entry กันก่อนที่ราคาว่ามาไม่เกินล้านบาทกับตัวโลว์สุด ถูกสุด แทบจะไม่มีออพชั่นความพิเศษอะไรมาให้เลย นอกเสียจากดีไซน์ตัวถังสวยๆ ของความเป็น C-HR ไฟหน้า Bi-Halogen ไฟท้าย LED เบาะผ้าสีดำธรรมดา เครื่องเล่น DVD แบบหน้าจอสัมผัส ถุงลมนิรภัย 7 ใบ ซึ่งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ถ้าจ่ายแพงขึ้นมาหน่อยเกินล้านบาทในรุ่น 1.8 MID สิ่งที่จะได้เพิ่มมาคือ ระบบ Push Start และ Start Entry เท่านั้น นอกนั้นแทบไม่ต่างอะไรเลยกับรุ่น 1.8 Entry
 

ภายในดีไซน์ล้ำๆ ของ Toyota C-HR

ภายในดีไซน์ล้ำๆ ของ Toyota C-HR
 

ซึ่งราคาของรุ่นนี้สำหรับ 1.8 MID ทาง Toyota เผยว่าอยู่ที่ 1,050,000 บาท บวกลบไม่เกิน 20,000 บาทหมายความว่าราคาของรุ่นนี้จะอยู่ที่ 1,030,000 บาทหรือ 1,070,000 บาท เช่นเดียวกับรุ่น 1.8 Hybrid MID แต่นอกจากระบบไฮบริดที่รุ่นนี้มีให้แล้วยังมีระบบ ‘Telematics’ การเชื่อมต่อการทำงานต่างๆ ของรถผ่าน App มากมายไม่ว่าจะเป็น

  • FIND MY CAR :: เช็คตำแหน่งรถคุณผ่านแอพพลิเคชั่น Find My Car หรือ Apple Watch

  • STOLEN VEHICLE TRACKING :: ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรม และศูนย์บริการที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง

  • MY TOYOTA WI-FI :: กระจายสัญญาณ Wi-Fi เชื่อมต่อความบันเทิงออนไลน์ ได้พร้อมกัน สูงสุด 9 อุปกรณ์

  • SOS :: ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหารชั้นนำ เพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง

  • OPS (OPERATOR SERVICE) :: ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหารชั้นนำ เพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง

  • PARKING ALERT :: ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือเคลื่อนที่

  • NAVIGATOR :: ระบบนำทางพร้อมแสดง ข้อมูลจราจร ให้คุณถึงจุดหมาย ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
     

‘Telematics’ มีออพชั่นให้ใช้งานมากมาย รวมไปถึงสามารถช่วยป้องกันรถหายได้ด้วยผ่านแอพ

‘Telematics’ มีออพชั่นให้ใช้งานมากมาย รวมไปถึงสามารถช่วยป้องกันรถหายได้ด้วยผ่านแอพ

 

ระบบเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์สำหรับการใช้รถของคนเมืองในยุคปัจจุบันทั้งสิ้นกับราคาที่ไม่หนีกับรุ่น 1.8 MID มากนักและยังได้ระบบ ‘Telematics’ นี้มาพร้อมทั้งเบาะหนัง รวมไปถึงไฟหน้า Projector แบบ Bi-LED แถมยังไม่รวมถึงความประหยัดที่จะได้จากการใช้งานระบบขับเคลื่อนไฮบริดจากรุ่น 1.8 Hybrid MID นี้อีกด้วย

 

ส่วนถ้าใครต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่และความปลอดภัยยิ่งกว่าที่จะมีมาให้แต่รุ่นท็อปสุด 1.8 Hybrid High เท่านั้นด้วยระบบความปลอดภัย ‘Toyota Safety Sence’ ที่นำการทำงานของ Laser และ Radar เข้ามาช่วยในการแจ้งเตือนผู้ขับขี่เพื่อลดโอกาสและความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางการขับขี่ ระบบควบคุมความเร็วและลดความเร็วอัตโนมัติ และระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
 

ซื้อรุ่นไหนดี?

ดูสเปคกับสิ่งที่แต่ละรุ่นย่อยของ C-HR ที่ให้มาในแต่ละรุ่นแล้ว คงต้องรอราคาของรุ่นเริ่มต้นก่อนว่าจะเปิดมาที่ตัวเลขอะไร เท่าไร เพราะเมื่อมองแต่สิ่งที่ รุ่น 1.8 Entry ให้มานั้นมันช่างน้อยนิดเสียจริงๆ จนเหมือน ‘ลูกเมียน้อย’ ที่ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคอะไรมาให้เลย แต่สำหรับใครที่ไม่ซีเรียสในเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากนัก ต้องการเพียงตัวถังสวยๆ ดีไซน์เท่ๆ ทั้งภายในและภายนอกพร้อมนวัตกรรมโครงสร้างตัวถังมาตรฐานใหม่ของรถโตโยต้า TNGA (Toyota New Global Architecture) เท่านั้นก็เพียงพอ อีกทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้ก็เป็นที่แพร่หลายรหัสเดียวกับ Altis 1.8L วางใจได้เรื่องอะไหล่มีรองรับแน่นอน
 

รุ่น 1.8 Entry จะเป็นเบาะผ้าธรรมดามาให้

รุ่น 1.8 Entry จะเป็นเบาะผ้าธรรมดามาให้
 

รุ่นราคาเริ่มต้นนี้เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ถ้าเปิดมาที่ 9 แสนกลางๆ แต่น่าจะยากเพราะนั่นหมายความว่าราคาจะต่างกับรุ่นกลางเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 MID แต่ออพชั่นมีมาให้เหนือกว่าเพียง Push Start และ Start Entry ซึ่งมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไร สุดท้ายราคาน่าจะไปจบอยู่ที่เกือบล้านประมาณ 990,000 บาทใกล้เคียงกับ MG GS แต่ได้เครื่องยนต์ 1.8L พร้อมความมั่นใจจากโลโก้สามห่วงของ Toyota

 

รุ่นกลางน่าซื้อแบบ Hybrid

ถ้าราคาเริ่มต้นเปิดมาที่ 990,000 บาท พอข้ามมาที่รุ่นกลางทั้งสองแบบทั้งไฮบริด 1.8 Hybrid MID และแบบเครื่องยนต์เบนซินปกติ 1.8 MID ที่ราคาใกล้เคียงกัน 1,030,000 บาทหรือ 1,070,000 บาท อยากให้มองไปที่รุ่น 1.8 Hybrid MID เพราะคุณจะได้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ และความประหยัดน้ำมันที่มากกว่าจากเครื่องยนต์ไฮบริดเจเนอเรชั่นใหม่ของ Toyota ประหยัดน้ำมันสูงถึง 24.4 กิโลเมตรต่อลิตรพร้อมรับประกันแบตเตอรีไฮบริด 10 ปีและระบบไฮบริด 5 ปี  
 

เครื่องยนต์ไฮบริดที่พัฒนามาใหม่ที่ Toyota การันตีไว้ว่าประหยัดถึง 24 กิโลเมตรต่อลิตร

เครื่องยนต์ไฮบริดที่พัฒนามาใหม่ที่ Toyota การันตีไว้ว่าประหยัดถึง 24 กิโลเมตรต่อลิตร
 

อย่าไปกลัวเทคโนโลยีไฮบริดเลยครับ เมืองนอกเขาหันไปใช้รถไฟฟ้ากันหมดแล้วแต่บ้านเราเพิ่งจะเริ่มมีรถไฮบริดมากรุ่นขึ้น ไม่โทษผู้บริโภคแต่ต้องบ่นภาครัฐฯ ที่ไม่ให้การสนับสนุกมากนัก ประชาชนจึงยังไม่ค่อยกล้าที่จะเสี่ยงกับอะไรใหม่ๆ แบบนี้สักเท่าไร และนี่กำลังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอีกครั้ง แถมรุ่นไฮบริดนี้ยังสามารถเลือกสีรถแบบทูโทนหลังคาสีดำเงาได้ด้วย
 

สีแบบทูโทนหลังคาสีดำเงามีมาให้เฉพาะรุ่น Hybrid เท่านั้น

สีแบบทูโทนหลังคาสีดำเงามีมาให้เฉพาะรุ่น Hybrid เท่านั้น

 

ส่วนในตัวท็อป ออพชั่นครบกับราคาที่มาไม่เกิน 1,200,000 บาท แล้วได้ ‘Toyota Safety Sence’ นี้มาด้วย ถือว่าไม่แพงไปกับรถที่มีเทคโนโลยีรอบด้านทั้งการขับเคลื่อนแบบไฮบริดและตัวช่วยในการขับขี่ที่ปลอดภัยกว่า
 

เลือกตามความชอบและงบประมาณที่ตั้งไว้เป็นหลัก ถ้า Toyota C-HR รุ่นนี้ คุณวางไว้แล้วว่าจะเป็นรถคันใหม่ของคุณ ความสดใหม่ที่ไม่เคยมีโฉมก่อนหน้ามาก่อนในตลาดเมืองไทยและทั่วโลกและยังเป็นรถขายดีอันดับต้นๆ ของ Toyota ทั่วโลก น่าจะพอบอกอะไรบางอย่างกับคุณได้ว่ารุ่นนี้ Toyota C-HR 2018 คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณหรือเปล่า

 

ดูเพิ่มเติม

>> Toyota C-HR R-Tuned 2018 เวอร์ชั่นพิเศษสำหรับลงสนามแข่ง เตรียมเผยโฉมที่งาน SEMA Show 2017
>> เผยโฉมแล้ว! Toyota C-HR 2018 ตัวขายจริงในไทยกับ 4 รุ่นย่อย 2 รุ่น Hybrid