ตั้งแต่รุ่นใหญ่อย่าง Toyota ลงมาลุยตลาดรถเล็กอีโค คาร์อย่างจริงจังด้วยการส่ง Toyota Yaris ATIV ในแบบซีดาน และ Toyota Yaris กับรูปแบบแฮทช์แบ็ค ก็ทำให้รุ่นแรกๆ ของยุครถเล็กทั้ง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage ตกอันดับรองลงไปอยู่ใต้จากสองรุ่นข้างต้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง Almera และ Attrage ก็ถือเป็นรถอีโค คาร์ยอดนิยมของตลาดเมืองไทยยอดขายไม่ใช่เล่นๆ วันนี้ Chobrod จึงจะนำทั้งสองรุ่นเล็กทั้ง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage มาเปรียบเทียบให้ดูกันว่าแต่ละรุ่นมีอะไรดีเด่น น่าสนใจบ้าง
เปรียบเทียบรถเล็กมวยรอง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage คันไหนน่าใช้กว่ากัน
1.เปิดราคา Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
รุ่นย่อยที่จะนำมาเทียบเปรียบกันในครั้งนี้ Chobrod ขอเลือกไปที่รุ่นย่อยตัวท็อปสุดของแต่ละค่าย ซึ่งทั้งสองคันมากับภายใต้นิยามใหม่ของรถในรูปแบบรถอีโค คาร์ขนาดเล็ก เน้นไปที่เรื่องการใช้งานในเมือง และความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบายแบบครบครัน ไปดูกันดีกว่าว่ารุ่นท็อปของทั้ง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage อยู่ที่ราคาเท่าไรกันบ้าง
ราคารุ่นท็อปของ Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
ภาพคันจริงสวยๆ ของ Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
ต้องบอกว่าส่วนของ Nissan Almera นั้นยังมีรุ่นตกแต่งพิเศษอีกที่ราคาโดดไปสูงสุดถึง 663,000 บาท สำหรับ ALMERA NISMO AERO ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษทั้งชุดแต่ง และเสริมสมรรถนะ ของช่วงล่างให้ขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้เพราะตัวเลขราคาจะห่างกันมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นสำหรับรุ่นท็อปของ Almera รุ่น Sportech ที่มากับพาร์ทแต่งเสริมหล่อกว่าเดิมเล็กน้อยก็ยังแพงกว่า Attrage ตัวท็อปอยู่เกือบสี่หมื่นบาท สำหรับตัวเลขที่มากกว่ากันขนาดนี้ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่หน่อยก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไรนัก แต่สำหรับกลุ่มรถในประเภทนี้ เลขสี่หมื่นถือว่าแพงกว่ากันพอสมควรเลยทีเดียวกับรถขนาดเล็กที่ผู้ซื้อจะเน้นไปในเรื่องของราคาตัวรถเป็นหลัก และถือว่า Attrage ทำราคาออกมาได้น่าสนใจพอสมควร ยกนี้คะแนนจึงเป็นของฝั่ง Attrage
2.ภายนอก Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
=> ซื้อขายรถ Nissan Almera มือสองเข้าดูที่ตลาดรถ chobrod.com
Almera พี่น้องของ Nissan March ซึ่งเป็นรุ่นแรกของตลาดอีโคคาร์ของเมืองไทย แต่ถูกเสริมเพิ่มท้ายให้กลายมาเป็นรูปแบบรถซีดาน 4 ประตูเพื่อเอาใจคนไทยอนุรักษ์นิยมในรถประเภทนี้อยู่เป็นสำคัญ เผยโฉมครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011 และไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปี 2014 ที่มีการปรับปรุงรายละเอียดดีไซน์ภายนอกใหม่ ทั้งเปลี่ยนชุดไฟหน้า และกันชนหน้า, ลวดลายล้ออัลลอย และเปลี่ยนกันชนท้ายใหม่ อัพความสดใหม่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดอีโคคาร์ของ Nissan เมืองไทยมากขึ้น แม้ภายนอกจะยังไม่ได้อัพเดทด้านหน้าเป็น V-Motion ตามสมัยดีไซน์ของรถจาก Nissan แต่ความโดดเด่นของกระจังหน้าโครเมี่ยมที่ถูกออกแบบมาเพื่อความเข้ากันกับไฟหน้าถือว่าทำได้ดีให้ความรู้สึกหรูหราดูแพงไม่น้อย ไม่ทิ้งลายของรุ่นพี่ในค่ายทั้ง Nissan Sylphy หรือ Nissa Teana จรดมาที่ด้านข้างกับมือเปิดประตูโครเมี่ยมที่สะท้อนถือความหรูหราดูแพงได้เป็นอย่างดี แม้ลวดลายเส้นสายด้านข้างจะดูเรียบไปสักหน่อยแต่ก็ถูกชดเชยด้วยมือเปิดประตูโครเมี่ยมนี่แหละ ต่อเนื่องมาที่ด้านหลังกับไฟท้ายที่ดูเหมือน Nissan พยายามออกแบบให้ดูกลืนกับไฟหน้า ไม่ฉีกกันมากเกินไป และโดดเด่นยิ่งขึ้นกับสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่พร้อมไฟเบรค
Nissan Almera
>> เจาะข้อดี ดูข้อเสีย Nissan Almera 2018
Mitsubishi Attrage
ถือว่าเปิดตัวตามหลัง Almera และเช่นกันว่าเป็นแฝดกับ Mitsubishi Mirage ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ 2013 และรุ่นปรับโฉมเมื่อปี 2017 พร้อมกับการอัพเดทเพิ่มออฟชั่นอุปกรณ์มีออกมาอยู่ตลอด ถ้าด้านหน้าที่กระจังหกเหลี่ยมโครเมี่ยม พร้อมเส้นตัดตรงกลางโครเมี่ยมอีกสามเส้นยังไม่เพียงพอถึงความหรูหราน่าขับ ไฟ LED ที่ด้านล่างรอบไฟตัดหมอกน่าจะช่วยเพิ่มความแพงของ Attrage ได้มากยิ่งขึ้น ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจนที่ตัวกรอบอาจยังไม่ค่อยดูเนียนตากับตัวกระจังหน้ามากนัก แต่อาจทดแทนด้วยดีไซน์ของกันชนหน้าที่ช่องลมกับส่วนของไฟตัดหมอกทำออกมาได้อย่างลงตัวเข้ากัน ด้านข้างของ Attrage เน้นไปที่ความเรียบง่ายมีเพียงเส้นตัดกลางตัวรถเพียงเส้นเดียว ความพิเศษที่ได้มาจากการไมเนอร์เชนจ์คือไฟท้ายดีไซน์ใหม่ และกันชนหลังดีไซน์ใหม่เข้ามาช่วยอัพเดทความเฟรชให้กับรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี
Mitsubishi Attrage
เทียบมิติตัวรถของ Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
เมื่อมองในเรื่องของดีไซน์แล้วนั้นต้องบอกว่าใครชอบแบบไหนก็เลือกได้เลย ถือว่าทั้งสองรุ่นไม่ได้ทำออกมาได้แย่อะไรมากมายนัก แต่จะให้บอกว่าสวยสุดๆ หยาดย้อยก็คงจะดูเหมือนโกหกกันเกินไป ทั้งสองรุ่นเหมือนว่าถูกออกแบบให้อยู่ภายใต้เงื่อนของคำว่าเป็นรถ “อีโค คาร์” จนไม่กล้าที่จะขายความโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งออกมา ทำให้ดีไซน์ออกมาอยู่ในแบบกลางๆ ไม่โฉบเฉี่ยว ไม่หวือหวา อะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นจะให้หรูหราดูแพงก็เหมือนจะทำได้ยากด้วยเงื่อนไขของต้นทุนที่จำกัดจำเขียดของความเป็นรุ่นรถที่ทำมาเพื่อขายสำหรับคนมองหารถคันแรก ราคาไม่แพงมาก เพราะฉะนั้นผลลัพธ์จึงได้ออกมาแบบกลางๆ วัยรุ่นพอขับได้ คนมีอายุหน่อยก็ไม่รู้สึกเขิลอายเวลาลงจากรถ คำตอบของคะแนนยกนี้ในเรื่องของภายนอกทั้งสองรุ่นทั้ง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage จึงให้เสมอกัน
>> รีวิว Mitsubishi Attrage 2017 ราคาเริ่ม 472,000 บาท
3. ภายใน Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
Nissan Almera
อาจจะรู้สึกแปลกที่เมื่อมองจากภายนอกแล้วเปิดประตูเข้ามาที่ภายในรถ เพราะการออกแบบของ Nissan Almera ให้ความรู้สึกล้ำสมัยแตกต่างกับความรู้สึกที่ได้จากภายนอก สิ่งที่รู้สึกขัดตาหนึ่งอย่างคือที่เปิดประตูวงกลมแบบเดียวกับของ Nissan March รวมไปถึงดีไซน์ของคอนโซลซึ่งทำให้รู้สึกเป็นรถเด็กๆ ไปเสียหน่อย แต่ชดเชยด้วยการนำวัสดุสีเปียโนแบล็คเข้ามาบริเวณคอนโซลกลางขนาดใหญ่ และสีเงินเข้ามาเสริม ยังพอทำให้รู้สึกเป็นรถผู้ใหญ่ขึ้นมาได้บ้าง อุปกรณ์ต่างๆ ถูกจัดวางมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกใกล้มือ พร้อมใช้งานได้อย่างครบครันทั้งระบบปรับอากาศปรับอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง วิทยุ DVD MP3 / จอภาพ Touch Screen ขนาด 6.1 นิ้ว / ระบบนำทางพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB, AUX IN และ Bluetooth สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง สั่งการทำงานต่างๆ บนรถได้ง่ายขึ้นด้วยแผงควบคุมที่พวงมาลัย ส่วนมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงพร้อมการแสดงผลแบบดิจิตอล ส่วนเรื่องของพื้นที่สัมภาระด้านหลังอยู่ที่ 490 ลิตร
ภายใน Nissan Almera
>> รถ Nissan Almera คุ้มไหม ทำไมถึงขายดี ?
Mitsubishi Attrage
ความเรียบง่ายจากภายนอกยังคงถูกส่งต่อเนื่องเข้ามาสู่ภายใน การการออกแบบที่เน้นเรื่องการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก แต่ยังคงแฝงให้ด้วยความสปอร์ตที่มากับเบาะนั่งสีดำเดินด้วยด้ายสีแดง มาตรวัด Combination Meter ที่ถูกตกแต่งแบบ Silver Decoration พร้อมจอแสดงข้อมูลแบบดิจิตอล ระบบปรับอากาศปรับอัตโนมัติมีมาให้ และอุปกรณ์ด้านความบันเทิงก็มีมาให้ไม่น้อยหน้าทั้ง วิทยุ DVD MP3 / จอภาพ Touch Screen ขนาด 6.5 นิ้ว มี USB, AUX IN และ Bluetooth สําหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงและอีกหนึ่งจุดเด่นคือ Apple CarPlay ส่วนเรื่องของพื้นที่สัมภาระอาจจะน้อยกว่า Almera ไปสักนิดอยู่ที่ 450 ลิตร
ภายใน Mitsubishi Attrage
สรุปในเรื่องของภายในถือว่ากินกันไม่ค่อยลง ฝ่ายหนึ่งมีทีเด็ดที่เรื่องของพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่มากกว่าจากระยะฐานล้อ นั่งสบายไม่อึดอัดทุกตำแหน่ง เบาะนั่งหลังพื้นที่วางขากว้างสบาย ส่วนอีกฝ่ายก็มากับออพชั่นเทคโนโลยีจัดเต็ม ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาอยู่บนรถนานๆ เวลารถติดก็สามารถสุนทรีย์ได้มากยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay ที่ต้องบอกว่ารถยุคนี้รุ่นไหนๆ ก็ควรมี สรุปว่ายกนี้ให้เสมอกัน ใครใคร่โดยสารหลายคนบ่อยๆ หวังนั่งสบายกันได้ทุกคนเลือก Almera แต่ถ้าใครไม่ซีเรียส เน้นใช้รถแค่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ ไม่บ่อยนักที่จะมีเพื่อนๆ เข้ามาอัดแน่นกันอยู่เต็มรถ แต่อุปกรณ์ความบันเทิงต้องครบครันไว้ก่อนให้เลือก Attrage
4.เครื่องยนต์ Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
Nissan Almera มากัยเครื่องยนต์สามสูบจิ๋วแต่แจ๋วที่ถูกใช้มาตั้งแต่ Nissan March รุ่นแรกเริ่มประเดิมลุยตลาดรถประเภทนี้กับเครื่องยนต์ขนาด 1.2L รหัส HR12DE DOHC 12V CVTC ให้กำลังม้าสูงสุดอยู่ที่ 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมฟังก์ชั่นดับเครื่องยนต์เมื่อเดินเบาเพื่อประหยัดน้ำมัน Idling Stop ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ส่วนทางด้านของ Attrage ก็มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3 สูบเช่นเดียวกับ Almera รหัส 3A92 DOHC MIVEC พร้อมกำลังม้าสูงสุดอยู่ที่ 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS-III CVT ซึ่งเมื่อเทียบสเปคเครื่องยนต์ของทั้งสองรุ่นที่แรงม้าต่างกันเพียงตัวเดียว หลายๆ คนอาจยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างสักเท่าไร แต่ถ้าลองไปดูที่เรื่องน้ำหนักของทั้งสองรุ่นอาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างดังต่อไปนี้
เครื่องยนต์ Nissan Almera 1.2L
เครื่องยนต์ Mitsubishi Attrage ขนาด 1.2L
จะพบว่าน้ำหนักตัวรถของ Almera หนักกว่า Attrage กว่าร้อยโลซึ่งเป็นภาระที่เครื่องยนต์ต้องแบกรับ ความอืดของตัวรถที่ต้องเจอรวมไปถึงอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่มากกว่า ดังนั้นในยกนี้เรื่องของเครื่องยนต์ที่แม้แรงม้าของทั้งสองรุ่นแทบจะไม่ต่าง แต่ Almera มีข้อเสียเปรียบด้วยขนาดรถที่ใหญ่กว่าหนักกว่าจึงทำให้ Attrage ได้คะแนนในยกนี้ไป
5. ระบบความปลอดภัยของ Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
และต่อไปคือระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ(กว่า)ของ Mitsubishi Attrage ไปดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
FCM-LS ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง คือจุดเด่นด้านความปลอดภัยจาก Attrage
แม้จะมากับราคาที่สูงกว่าของ Almera แต่ในเรื่องความปลอดภัยนั้นกลับไม่ค่อยแสดงให้เห็นถึงอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยเพิ่มความปลอดภัยให้บิ่งกว่าเสียเท่าไรนัก ต่างกับ Attrage ที่จัดให้จัดเต็มกับอุปกรณ์เทียบเท่ารถที่มีราคาสูงกว่า หรือรถประเภทอื่นๆ ตามออฟชั่นอุปกรณ์ที่น่าสนใจในเรื่องความปลอดภัยชัดเจนง่ายๆ ว่าคะแนนของยกนี้เป็นของ Mitsubishi Attrage
6. สรุปรุ่นไหนดี ระหว่าง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage
เทียบ 5 เรื่องปรากฎว่าไม่มีข้อไหนที่ Nissan Almera ได้คะแนนโดดเด่นเหนือกว่า Attrage ในแต่ละเรื่องเลย ผิดกลับ Attrage ที่ทำได้ดีทั้งในเรื่องของราคา เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัย สรุปง่ายๆ แบบไม่ต้องเข้าข้างอย่างเป็นกลาง ไม่ได้อิงในเรื่องของดีไซน์ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน กับงบประมาณที่ใกล้เคียงพอสำหรับเลือกซื้อรถคันแรกของใครหลายๆ คนหรือสำหรับคนที่กำลังมองหารถเล็กๆ น่าใช้ขับในเมืองประหยัดน้ำมันละก็ Mitsubishi Attrage เป็นรุ่นที่น่าซื้อมากกว่า
คำแนะนำของเรา Chobrod อาจยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคุณ ปัจจัยความชอบในแต่ละรุ่นมีมากมายหลากหลายแตกต่างกัน เลือกรุ่นที่คุณชอบที่สุดดีกว่า ข้อสรุปเป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งที่อาจช่วยคุณตัดสินใจเลือกรถระหว่างสองรุ่นนี้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และอย่าลืมบอกกับเราหน่อยว่าระหว่าง Nissan Almera และ Mitsubishi Attrage คันไหนคืออีโค คาร์น่าใช้ น่าซื้อที่สุดสำหรับคุณ และเพราะอะไร ใต้ Comment ด้านล่างนี้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> เปรียบเทียบ Compact ยกสูง Toyota C-HR กับ Honda HR-V ควรจะเลือกคันไหน ?
>> เปรียบเทียบ Honda CR-V กับ Mazda CX-5 คันไหนน่าซื้อกว่า ?