แนะนำ 5 รถ Toyota น่าซื้อ 2023 แบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้รถชาวไทยมาอย่างยาวนาน จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง ใช่รุ่นที่คุณเล็งไว้หรือไม่ มาดูกันเลย !
เมื่อพูดถึงแบรนด์รถยนต์ที่เป็นขวัญใจคนไทย ต้องยกให้ รถยนต์ toyota ที่มีผู้ใช้อย่างแพร่หลายในประเทศ ด้วยข้อดีที่มีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ค่อยพบปัญหาจุกจิกกวนใจ ทั้งยังหาอะไหล่ง่าย ซ่อมง่ายได้ตามอู่และศูนย์บริการทั่วไป เมื่อต้องขายทอดตลาดใน ตลาดรถยนต์มือสอง ก็ยังมีราคาไม่ตกมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ รถยนต์โตโยต้า กลายเป็นแบรนด์รถยนต์อันดับต้น ๆ ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้รถชาวไทยมาอย่างยาวนาน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ toyota 2023 มาทางนี้เลย ที่นี่ได้จัดอันดับ 5 รถ toyota น่าซื้อ 2023 มาไว้ให้แล้ว จะมีรุ่นไหนน่าซื้อบ้าง มาดู!
เริ่มต้นกันด้วย Toyota Yaris (โตโยต้า ยาริส) รถยนต์แฮตช์แบ็ก 5 ประตู 5 ที่นั่ง สามารถเลือกได้ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย โดยมีราคาโตโยต้าเริ่มต้นที่ 5.66 แสนบาท ประกอบด้วย
ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกมีความทันสมัย มาพร้อมกระจังหน้าสีดำเงา ตกแต่งด้วยแถบโครเมียม ดูสวยงาม, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ และ LED Light Guiding, ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding, สปอยเลอร์หลังคาและกระจกด้านหลัง, กระจกมองข้างสีดำเงา พร้อมไฟเลี้ยว, กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน, กันชนหลังดีไซน์สปอร์ต พร้อมการตกแต่งด้วยลายคาร์บอนไฟเบอร์ และล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน 15 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในมีให้เลือกทั้งสีทูโทนแดง - ดำ, สีทูโทนน้ำตาล - ดำ และสีดำ คอนโซลตกแต่งด้วยสีเงินเข้มเมทัลลิก เบาะนั่งหุ้มหนังและหนังสังเคราะห์ ทรงสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังนุ่มแบบพิเศษ ได้รับการติดตั้งที่วางของและกล่องเก็บของตามจุดต่าง ๆ รอบคัน, จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ระบบ Apple CarPlay และ Android Auto, มาตรวัดแบบเรืองแสง, ระบบ Smart Entry และ Push Start, ลำโพง 4-6 ตำแหน่ง, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ และอีกหลายรายการ
ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบความปลอดภัยนั้น มากับถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าฝั่งคนขับ, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA, กล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor), ระบบเซ็นทรัลล็อก พร้อมระบบ Speed Auto Lock, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่พร้อมจะสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้ในระหว่างการเดินทาง
เครื่องยนต์
ด้านขุมพลัง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. ส่งกำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ แบบอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock
สีตัวถัง มีให้เลือกทั้งแบบทูโทน และโมโนโทน ได้แก่
มาต่อกันที่ Toyota Corolla Altis รถยนต์ซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งรุ่นที่ใช้ขุมพลังไฮบริด และรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ธรรมดา มีราคาโตโยต้าเริ่มต้นที่ 8.94 แสนบาท
ดีไซน์ภายนอก
ตัวบอดี้ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีดำเงา และโครเมียม, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Light Guiding ทรงสวย, ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำ, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home, ไฟท้าย Full LED, กันชนหน้า-หลัง สีเดียวกับตัวรถ มากับสเกิร์ตด้านข้าง และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในเป็นสีดำ แผงคอนโซลหน้าใช้้เป็นบุนุ่ม ตกแต่งด้วยตะเข็บ และสีเงินเมทัลลิก เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้ และหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง พร้อมตกแต่งด้วยสีเงินเมทัลลิก โดยติดตั้งออปชันต่าง ๆ มาอย่างครบครัน เช่น จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบ Smart Entry และ Push Start, โหมดการขับขี่ EV Mode / Power / Normal /ECO Mode, วิทยุ AM/FM หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย พร้อม T-Connect, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง เป็นต้น
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัย มีการติดตั้งกล้องมองภาพขณะถอยหลัง, สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA, ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าด้านคนขับ และอีกหลายรายการ
เครื่องยนต์ มีทั้งหมด 3 ทางเลือก ประกอบด้วย
สีตัวถัง Corolla Altis toyota 2023 มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับผู้นำ Toyota Camry รถยนต์ซีดาน D-Segment 4 ประตู ขนาด 5 ที่นั่ง สุดพรีเมียมทั้งดีไซน์ภายนอกและการตกแต่งภายใน มาพร้อม 4 รุ่นย่อยให้เลือก ในราคาเริ่มต้น 1.475 ล้านบาท ประกอบด้วย
ดีไซน์ภายนอก
ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่เข้าได้กับทุกยุคสมัย ได้รับการติดตั้งกระจังหน้าโครเมียม มากับไฟหน้า LED และไฟ LED Day Time Running Lights, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-me-home, ไฟท้าย Full LED, กระจกบังลมหน้า AC HSEA, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว รวมถึงหลังคามูนรูฟ รับแสงจากภายนอกช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีภายในห้องโดยสาร
ดีไซน์ภายใน
ภายในได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแบบ Smooth Leather และวัสดุสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่และกระจกมองข้าง และ Seat Ventilator เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองปรับเอนไฟฟ้า มาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่, จอระบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay + Android Auto + T-Connect, ระบบ Smart Entry และ Push Start, ระบบปรับอากาศ อัตโนมัติ 3 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย, ขวา, หลัง), โหมดการขับขี่ECO, Normal และ Sport Mode, ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe, ที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย และอีกมากมาย
ระบบความปลอดภัย
ในส่วนของเทคโนโลยีความปลอดภัย ได้รับการติดตั้งมาอย่างครบครัน อาทิ ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าฝั่งคนขับ/ด้านข้างเบาะหลัง, ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) + เตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert), กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA ฯลฯ
เครื่องยนต์ แบ่งเป็น 2 ทางเลือก ประกอบด้วย
สีตัวถัง มีทั้งหมด 6 สี ประกอบด้วย
รถยนต์อเนกประสงค์ที่มียอดขายเป็นอันดับต้น ๆ ในไทย Toyota Fortuner Legender PPV พื้นฐานกระบะ รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร แบ่งได้ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1.618 ล้านบาท
ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มีความคมเข้ม ดุดัน เส้นสายคมชัด สะดุดตาด้วยกระจังหน้าสีดำที่ผสานเข้ากับไฟหน้า LED Dual Projector ได้อย่างลงตัว มากับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบ Follow-me-home, ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ, ชุดเซนเชอร์เปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Activated และล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว
ดีไซน์ภายใน
ภายในโทนดำ คอนโซลหน้าบุหนังสังเคราะห์สีดำสลับขาว ตกแต่งด้วยแถบสีเงิน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งแถว 2 พับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่วางสัมภาระ เปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ ครบครันด้วยออปชันและระบบความบันเทิงต่าง ๆ เช่น จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, จอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว, Bluetooth / Apple CarPlay และ Android Auto / T-Connect / USB, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบ Kick-activated และระบบป้องกันการหนีบ, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย เป็นต้น
ระบบความปลอดภัย
สำหรับระบบความปลอดภัย ได้มอบให้แบบจัดเต็มเช่นกัน อาทิ ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าด้านคนขับ, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, กล้องมองรอบคัน พร้อมมุมมองแบบ 3D View, ระบบแจ้งเตือนลมยาง และอีกหลายรายการ
เครื่องยนต์
สีตัวถัง Toyota 2023 Fortuner Legender
ปิดท้ายด้วยรถกระบะขวัญใจคนไทย อย่าง Toyota Hilux Revo Roco ที่จะมีให้เลือกทั้งกระบะกระบะตอนครึ่ง แค็บ 2 ประตู และกระบะ 4 ประตู ตัวถังสองตอน รวม 4 รุ่นย่อย ในราคาเริ่มต้น 9.81 แสนบาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหารถกระบะไว้ใช้งานส่วนตัว หรือใช้งานในเชิงพาณิชย์ เช่น ขนส่งสินค้า รับ-ส่งผู้โดยสาร เป็นต้น
ราคาโตโยต้า รีโว่ Rocco
ดีไซน์ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกมีความแข็งแกร่ง ได้รับการติดตั้งกระจังหน้าสีดำขนาดใหญ่ ไฟหน้า Bi-Beam LED, ไฟท้ายแบบ LED Light Guiding, กันชนหน้า พร้อมชุดแต่งกันชนหน้า, กันชนหลังสีเทาเมทัลลิก, ชุดตกแต่งซุ้มล้อสีเทาเข้ม ตกแต่งด้วยสีเทาเมทัลลิก, ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me home, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ, ชุดแต่งมือเปิดฝาท้ายกระบะ ชุดแต่งพิเศษ เช่น สปอร์ตบาร์พร้อมไฟส่องสว่าง LED และพื้นปูกระบะ อุปกรณ์ผ่อนแรงเปิด-ปิดฝาท้ายกระบะ สติ๊กเกอร์ด้านข้างกระบะรุ่น Rocco
ดีไซน์ภายใน
ภายในโทนดำ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังและหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะหลังแยกพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บของ มาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่แบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว, Bluetooth / Apple CarPlay และ Android Auto / T-Connect / USB, ฝาท้ายเปิด-ปิดธรรมดา พร้อมอุปกรณ์ช่วยผ่อนแรง และอื่น ๆ
ระบบความปลอดภัย
Toyota 2023 Hilux Revo Rocco มีการติดตั้งถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าด้านคนขับ, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบ Dynamic Radar Cruise Control, กล้องมองรอบคัน, ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลย พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA และอีกหลายรายการ
เครื่องยนต์
สีตัวถัง
หากสนใจ โตโยต้ามือสอง สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Chobrod.com
แหล่งซื้อขายรถยนต์มือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ