ทริคบริหารเงินก่อนซื้อรถได้ง่าย ๆ ไม่กลัวช็อตแม้เป็นมนุษย์เงินเดือน

คงมีหลายคนที่ยอมทุ่มทุนซื้อความสะดวกสบายให้ตนเอง โดยเฉพาะการซื้อรถยนต์ส่วนตัว เพราะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความสะดวกสบายและความรวดเร็วได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางครั้งการซื้อรถยนต์ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของรายได้ หากไม่วางแผนให้ดีอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ โดยเฉพาะทริคบริหารเงิน ให้พร้อมและคล่องตัว เพื่อที่จะได้มีเงินเก็บและมีรถใช้ไปพร้อม ๆ กัน แบบไม่ต้องกังวลว่าหากไม่มีเงินจ่ายค่างวดแล้วจะโดนยึดอีกต่อไป

ทริคบริหารเงินสำหรับคนที่คิดจะซื้อรถ

1. วิเคราะห์ค่าใช้จ่าย
แน่นอนว่าหากจะซื้อรถแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือรายได้ของตนเองต่อเดือน ว่าโดยเฉลี่ยแล้วมีรายรับเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนมีเงินเหลือใช้ประมาณเท่าใด เพราะจะทำให้รู้ว่ามีเงินเหลือสำหรับการผ่อนรถมากแค่ไหน และหากนำไปผ่อนรถจะเหลือเงินเก็บหรือไม่ ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าหากซื้อรถแล้วจะต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นตามมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และเงินสำรองส่วนอื่นๆอีกด้วย
โดยเมื่อรู้แล้วว่าเงินที่เหลือในแต่ละเดือนสามารถนำมาผ่อนรถได้โดยไม่ได้ติดขัดอะไร ก็ให้ศึกษาว่าในวงเงินที่จะผ่อนรถในแต่ละเดือนนั้น จะสามารถซื้อรถรุ่นใดได้บ้างไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม เพราะเงินคือตัวแปรสำคัญในการกำหนดรุ่นรถยนต์ที่จะซื้อ หากซื้อรุ่นที่ราคาแพงเกินกำลังอาจจะทำให้มีปัญหาตามมาได้นั่นเอง

2. ดาวน์น้อยดีจริงหรือ?
การดาวน์น้อยและผ่อนนานอาจจะทำให้รายจ่ายในแต่ละเดือนไม่ได้สูงมากนัก ไม่กระทบกับเงินในแต่ละเดือนอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดาวน์น้อยๆ แต่ผ่อนนานๆ อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะยิ่งดาวน์น้อยมากเท่าไหร่ดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น และยิ่งผ่อนนานมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็มากตามไปด้วย ดังนั้น ก่อนการซื้อรถหากเก็บเงินเอาไว้สำหรับค่าดาวน์รถจึงถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะช่วยให้ดอกเบี้ยลดน้อยลงได้

การเตรียมตัวก่อนซื้อรถยนต์

3. บริหารค่างวดรถ
โดยทั่วไปแล้ว ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ของไฟแนนซ์นั้น จะพิจารณาจากค่างวดในแต่ละเดือนที่จะต้องชำระ โดยจะต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด จึงจะได้รับอนุมัติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ควรจะแบ่งเงินในลักษณะนี้ แต่ให้สังเกตจากเงินที่เหลือใช้ต่อเดือนหลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว เมื่อนำค่างวดรถมาคำนวณจะต้องไม่เกิน 2 ใน 3 ของเงินที่เหลือในแต่ละเดือน ซึ่งการคิดด้วยวิธีดังกล่าวนี้ จะช่วยให้มีเงินเหลือใช้และมีเงินเผื่อในยามกรณีฉุกเฉินอีกด้วย

4. เลือกรถจากการใช้งาน
หลังจากที่เข้าใจแนวทางการจัดการเรื่องเงินในเบื้องต้นแล้ว จะต้องมาคำนึงถึงประเภทของรถยนต์ที่จะซื้ออีกด้วย เพราะหากคิดและตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อ จะทำให้ประหยัดเงินได้ค่อนข้างมาก โดยให้เลือกตามการใช้งานของตนเอง อย่างเช่น หากทำงานในออฟฟิตและอาศัยอยู่ตัวเมือง ให้เลือกซื้อรถยนต์ขนาดเล็กไปจนถึงปานกลาง ไม่ว่าจะเป็น อีโคคาร์ Hatchback หรือการเลือกรถยนต์ขนาดซับคอมแพค เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้งานในสังคมเมืองมากกว่า ที่สำคัญราคาไม่สูงเท่ารถขนาดใหญ่อย่างประเภท SUV หรือรถกระบะ นอกจากนี้ยังใช้พลังที่ค่อนข้างน้อย สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆได้มากขึ้น จนทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น 

5. จัดสรรเงินให้พร้อมก่อนซื้อ
หลังจากประเมินรายได้ ค่าใช้จ่าย และรุ่นรถที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว ต่อมาให้เริ่มต้นที่การจัดสรรเงิน เพราะการซื้อรถก็คือการเป็นหนี้อีกทางหนึ่ง จึงต้องมีวินัยค่อนข้างสูง หากขาดวินัยจะส่งผลให้การเงินเกิดปัญหาตามมา จนอาจจะนำไปสู่การกู้ในอนาคตได้ โดยหลักๆแล้วการจัดสรรเงินนั้น ให้เริ่มต้นเก็บเงินค่าผ่อนรถโดยเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกันเสียก่อน โดยเก็บแยกจากเงินส่วนอื่นๆ เพื่อที่จะประเมินตนเองไปในตัวว่าหากนำเงินไปจ่ายค่างวดรถแล้ว จะมีปัญหาด้านการเงินหรือไม่ และมีวินัยในการเก็บเงินมากน้อยเพียงใด หากทำได้ก็ถือว่าสามารถผ่อนรถได้โดยไม่ติดขัดปัญหาอะไร หากรู้จักการจัดสรรเงินให้ดี

การเลือกซื้อรถตามการใช้งานของตนเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย

เรียกได้ว่า ทริคบริหารเงินก่อนซื้อรถถือเป็นหลักการที่สำคัญเป็นลำดับแรกก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ เพราะหากการบริหารเงินบกพร่อง หรือใช้จ่ายเกินตัว ย่อมทำให้เกิดหนี้สินตามมามากมาย จนทำให้หมุนเงินไม่ทัน และชักหน้าไม่ถึงหลังได้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม

>> เช็กให้ชัวร์ ข้อดีข้อเสียการซื้อรถมือสองมีอะไรบ้าง?

>> จัดอันดับสุดยอด Top 5 รถประหยัดน้ำมัน ปี 62 การันตีด้วยสถิติสูงสุด

ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ช่องทางตลาดรถ Unseencar.com