คอมเม้นต์จากชาวเนตของ NEW ! TOYOTA C-HR 2019

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 12 ก.พ 2562
แชร์ 4

รถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างความฮือฮาตั้งแต่ปี 2018 จากค่าย TOYOTA ที่กำลังเปิดตัวกันในปีนี้ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ Sub SUV พลังงาน Hybrid พอจะเดากันออกใช่ไหมครับ? ใช่ครับนั่นก็คือ TOYOTA C-HR MY 2019 นั่นถึงจะเพิ่มและเปลี่ยนอะไรมากมายแต่ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชาวไทยต่างให้ความสนใจกันมาก และวันนี้เราก็นำ Comment จากชาวเนตมาฝากอีกด้วยนะครับ

TOYOTA C-HR MY 2019

แรงไม่หยุดจริง ๆ สำหรับรถยนต์ SUB-SUV จากค่ายสามห่วง นั่นก็คือ TOYOTA C-HR  ที่ปล่อยตัวปรับปรุงโฉมประจำปี 2019 นี้ออกมา เพราะเมื่อปี 2018 นั้นสามารถทำยอดในตลาดรถประเทศไทยทะลุเป้าไปได้ถึง 15,000 กว่าคัน เป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยทางค่าย TOYOTA และในครั้งนี้ TOYOTA C-HR MY 2019 ได้ทำการเสริมความหล่อ ปรับนุ่นเปลี่ยนนี้เอาใจแฟน ๆ ค่ายสามห่วงนะครับ ด้วยล้อแม็กลายใหม่ที่เพิ่มความสปอร์ทเข้า สีใหม่สำหรับรุ่นปกติ และรุ่น Hybrid ในส่วนของภายในจัดการหุ้มเบาะด้วยหนังสังเคราะห์ทุกรุ่น ภายในสีทูโทน น้ำตาล - ดำ (ยกเว้นรุ่นเริ่มต้น) ถึงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ยังไงก็เลือกใช้ขุมพลังเดิมอยู่ด้วยเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FBE 4 สูบ 1.8 ลิตร ประกบคู่กับเกียร์ อัตโนมัติ CVT 7 Speed พร้อม Sequential Shift และต่อด้วยเครื่องยนต์ตัวท็อปรหัส 2ZR-FXE 4 สูบ 1.8 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฮบริดพลังงานสูง สุดประหยัดน้ำมัน จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ที่ผสานการทำงานเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เพิ่มความนุ่มนวลและประหยัดเชื้อเพลิงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2ZR-FXE 4 สูบ 1.8 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฮบริดพลังงานสูง สุดประหยัดน้ำมัน

เครื่องยนต์รหัส 2ZR-FBE 4 สูบ 1.8 ลิตร

ดูเพิ่มเติม
>> Five Fact : 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนจะซื้อ Honda CR-V 1.6 Turbo 2019
>> 10 ข่าวเด่นประจำสัปดาห์วันที่ 4 ก.พ. 2019 - 10 ก.พ. 2019

เรามาลองดูกันดีกว่านะครับว่าความคิดเห็นของชาวเนตเป็นอย่างไร

ขอยก Comment จาก เวปไซต์ Pantip.com นะครับ

ความคิดเห็นที่ 1

- ผมก็ลังเลระหว่าง2รุ่นนี้ ไปลองขับเบนซิน ส่วนhv ไปลองนั่งเจอตอนเครื่องติดขึ้นมาทั้งเสียงเครื่องเสียงแอร์ดังกว่ารุ่นเบนซินที่เงียบกว่า สุดท้ายเลือก1.8mid ถึงส่วนใหญ่จะใช้ใน กทม แต่ผมวิ่งต่อเดือนไม่เกินพันโล และใช้รถนาน10ปี ไม่มีเวลาและพะวงการดูแลรถที่มี2ระบบ แถมเบนซินเติมe85ได้ด้วยครับ

ความเห็นที่ 2

-ถ้าไม่สนใจพวกไฟหน้าหลังที่สวยกว่าและความประหยัดเพิ่มขึ้น ก็ใช้เบนซินยาวๆเลยครับ แรงกว่าเยอะ อะไหล่เดียวกับอัลติส Safety Sense มีเฉพาะตัว Top HV HI ครับ

ความเห็นที่ 3

- แบตไม่ถึงแสนแล้วครับ ที่น่ากลัวกว่าแบตคือพวกอินเวอร์เตอร์ พวกคอมแอร์ อุปกรณ์พวก Hybrid มากกว่า แต่ถ้าของมือสองเยอะผมว่าจะถูกลง อย่าลืมว่าC-HR Hybrid ที่ญี่ปุ่นเพียบ

ความเห็นที่ 4

- ค่าแบตไม่ถึงแสนครับ ราวๆ 6 หมื่น และแนวโน้มถูกลงเรื่อยๆ ถ้าตามแบบ Prius ที่แรกๆแสนกว่ส ตอนนี้รสว6หมื่นเหมือนกัน ประกันแบต10ปี ตามที่อ่านข้อมูลผู้ใช้ไฮบริดรุ่นก่อนๆ แบตจะเริ่มแสดงอาการ และได้เปลี่ยนช่วง 7-8 ปี เคลมฟรีและใช้ต่อยาวๆ ส่วนพวกคอมแอร์หรืออุปกรณ์ไฮบริด บางคนใช้ Prius ล็อตหลังๆมาก็บอกว่าใช้เป็นแสนโลก็ยังไม่เสีย ส่วนตัวคิดว่า HV คุ้มดี ประหยัดน้ำมันดี

ความเห็นที่ 5

- ด้วยภาวะฝุ่นตอนนี้ เลือก HV ช่วยสภาพแวดล้อมได้อีกหน่อย สำหรับคนที่ใช้ในกรุงเทพฯ ที่สำคัญมี safety sense (HV Hi) ช่วยได้เยอะ ส่วนต่างค่ารถและค่าซ่อมหลัง 10 ปี เทียบกับความปลอดภัย เป็นผมเลือกความปลอดภัยครับ เมื่อเร็วๆนี้ เพิ่งได้ใช้ประโยชน์จาก safety sense มาสดๆ แค่ครั้งเดียวก็คุ้มค่ากว่าแล้ว เมื่อเทียบกับต้องไปนอนโรงพยาบาล หรือนอนวัด แล้วครับ

รับประกัน ระบบ Hybrid ถึง 5 ปีหรือ 150,000 กม. และแบตเตอรี่ Hybird 10 ปี ไม่จำกันระยะทาง

สรุป

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเห็นจาก Pantip.com นะครับ จะเห็นได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นต่างให้ความสนใจใน Toyota C-HR นะครับ แต่อาจจะมีข้อถกเถียงกันบ้างว่า เครื่องยนต์ 1.8 ธรรมดาหรือ Hybrid ดีกว่ากัน ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะยังไม่เคยสัมผัสกับรถยนต์ Hybrid หรืออาจจะไม่ได้ใช้งานมาก่อนเลยจะมีความกลัวเรื่องของการเสื่อมของระบบ Hybrid ทั้งมอเตอร์ แตะ แบตเตอรี่ ที่มีค่าตัวค่าซ่อมค่อนข้างแพง แต่ทั้งนี้ทาง TOYOTA มีการรับประกัน ระบบ Hybrid ถึง 5 ปีหรือ 150,000 กม. และแบตเตอรี่ Hybird 10 ปี ไม่จำกันระยะทาง จึงไม่ต้องเป็นห่วงกับระบบ Hybrid ของ TOYOTA C-HR นะครับ ถ้าหากห่วงเรื่องการซ่อมบำรุงแล้ว เมื่อถึงเวลา 5-10 ปี ข้างหน้ายังมีอะไหล่มือ 2 จากฝั่งญี่ปุ่นให้เบิกใช้กันแน่นอนครับ ตามความคิดเห็นที่ 3 นะครับ

มั่นใจได้ด้วยระบบความปลอดภัย TRC VSC ABS 

ความเห็นของผู้เขียนบทความนี้

การเดินทางของเทคโนโลยี Hybrid นั้นถือว่ายาวนานมาพอสมควรนะครับ โดย TOYOTA C-HR พัฒนามาจนถึง GEN 4 แล้ว ความน่าเชื่อถือและอะไหล่ซ่อม ในอนาคตถือว่ามีรองรับอย่างแน่นอน ด้วยการการันตรีของยอดขายให้ปี 2018 ทำให้ TOYOTA C-HR MY 2019 เป็นรถยนต์ SUB-SUV ที่น่าใช้อีกคันนึงเลย สำหรับรูปรักนะครับถือว่าออกแบบมาได้สวยงามล้ำยุคไม่แพ้เจ้าอื่นอีกด้วย อาจจะมีข้อตินิดหน่อยอยู่ที่ เบาะหลัง กับกระจกข้าง มันอาจจะดูเยื้องกันไปหน่อยนั่นเอง แต่โดยรวมแล้วถือว่าใช้ได้ดี และมีอนาคต

Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามตลาดรถไปพร้อมกันเลยนะครับ