บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดรถหรู เปิดตัวรถยนต์ The GLA คอมแพ็คเอสยูวีระดับพรีเมี่ยมโฉมใหม่ล่าสุด ที่มอบสัมผัสความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ในดีไซน์อันปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว แฝงด้วยสมรรถนะแบบสปอร์ต ดุดันมากกว่าที่เคย
Mercedes-Benz GLA โฉมใหม่ถือเป็นผู้นำของรถยนต์ในกลุ่ม Premium Compact Car ประเภท SUV ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์สไตล์คอมแพ็ค อันโฉบเฉี่ยว ทำให้รถยนต์กลุ่มCompact Carได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก นอกจากการเปิดตัว2รุ่นย่อย อย่าง GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic แล้วทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ปรับโฉมรถยนต์กลุ่มสมรรถนะ อย่าง Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC เพื่อเอาใจคนที่ชื่นชอบความเร็วและแรงแต่ยังคงดีไซน์สไตล์คอมแพ็คเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ภายนอก ยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์อันเร้าอารมณ์ในแบบฉบับรถยนต์คอมแพ็ค ที่ผสานกับความสปอร์ต อเนกประสงค์ และสมรรถนะอันดีเยี่ยม เหมาะทั้งการขับภายในเมืองและนอกเมืองได้เป็นอย่างดี โดยทั้ง GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับการยกตัวถังให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่แบบ ออฟโร้ดให้ดีขึ้น ด้วยตำแหน่งที่นั่งซึ่งยกสูงขึ้นและรูปลักษณ์ที่ดูสมบุกสมบันมากกว่าที่เคย,กันชนแบบใหม่,ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance มาทดแทนระบบไฟหน้าแบบBi-Xenon พร้อมด้วยอุณหภูมิแสงที่ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ ที่จะช่วยลดความเมื่อยล้าของสายตาผู้ขับขี่เมื่อต้องขับรถในเวลากลางคืน พร้อมระบบ Adaptive highbeam Assist ที่ช่วยปรับไฟสูงแบบอัตโนมัติ เพื่อลดการบดบัง ทัศนวิสัยของผู้ร่วมใช้ถนน ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบไฟหน้า,ไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด,ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบLED, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้า,ราวหลังคาอะลูมิเนียม,ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมี่ยม 2 ท่อ
รูปโฉม Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic
รูปโฉม Mercedes-Benz GLA 200 Urban
รูปลักษณ์ภายนอก Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC
ภายใน Mercedes-Benz GLA-Class 2017 ทั้ง 3 รุ่น หลัก ๆ แล้วแทบไม่เปลี่ยนจากเดิม ซึ่งบางจุดปรับรายละเอียดให้ดูทันสมัยขึ้น เช่น แถบประดับลายใหม่ พวงมาลัยสามก้านดีไซน์ต่างจากเดิมเล็กน้อยและดูเนี้ยบขึ้น ส่วนที่แย่ลงหน่อยเห็นจะเป็นฝาปิดช่องเก็บขวดน้ำตรงจุดที่รถปกติจะเป็นตำแหน่งคันเกียร์นั้นกลับไม่มีฝาปิด (ยกเว้น Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC เท่านั้นที่มีคันเกียร์) ซึ่งรุ่นเดิมมีและรุ่นปรับโฉมในต่างประเทศก็ยังมีหรือใครเอาไปซ่อนไว้ไหน นอกเหนือจากนี้ก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ภายในห้องโดยสาร Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC
สำหรับคุณสมบัติหรือออฟชั่นเสริมนั้น Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC จะมีอุปกรณ์มาตรฐานมากกว่าทั้ง 2 รุ่น เช่น ระบบอุ่นเบาะ (เพราะประกอบนอก), ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon Logic 7, ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT (มีทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Individual, Comfort, Sport, Sport+ และ Race), ระบบกันสะเทือน AMG Sport Suspension, ระบบเบรก AMG High-Performance, ล้ออัลลอย AMG ขนาด 20 นิ้ว, ชุดแต่งรอบคัน AMG Aerodynamics package และ AMG Night package รวมถึงชุดท่อระบายไอเสีย AMG Performance exhaust system ที่มีปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ (ฝั่งละ 2 ท่อ) ตกแต่งด้วยสีดำ เป็นต้น
Mercedes-Benz GLA มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร 156 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ในรุ่น GLA 200 Urban และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 211 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ทั้ง 2 ขนาดจับคู่กับ ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ7G-DCT และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแรง 2.0 ลิตร 381 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed ในรุ่น GLA 45 AMG
2.0 ลิตร 381 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร รุ่น GLA 45 AMG
ราคา Mercedes-Benz The GLA ดังนี้
GLA 200 Urban ราคา 2,090,000 บาท
GLA 250 AMG Dynamic ราคา 2,390,000 บาท
Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC ราคา 4,840,000 บาท
ดูเพิ่มเติม