ภายใน
เมื่อดูภายในห้องโดยสาร จะสังเกตได้จุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดคือแผงคอนโซลดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้ยกมาจากโคโลราโดเช่นกัน ช่องแอร์ถูกออกแบบให้เป็นทรงตั้ง พร้อมช่องเสียบที่วางแก้ว เมื่อเราวางแก้วน้ำเข้าไป ความเย็นจากช่องแอร์ก็จะช่วยรักษาความเย็นของเครื่องดื่มได้ด้วย
ส่วนคอนโซลกลางถูกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ MyLink ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทางในรุ่นท็อปสุด รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ รวมถึงยังสามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ แต่ปัจจุบันทาง Google เองยังไม่เปิดให้ใช้ระบบ Android Auto อย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่คาดว่าเร็วๆนี้คงจะได้สัมผัสกัน ส่วนสาวกไอโฟนไม่ต้องรอช้า เสียบสาย USB ก็สามารถเชื่อมต่อได้เลย
ส่วนพวงมาลัยยังคงเป็นแบบ 3 ก้านดีไซน์เดิม ปุ่มควบคุมด้านซ้ายใช้สำหรับระบบเครื่องเสียง มีปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มสั่งงานด้วยเสียง SIRI มาให้ ขณะที่ด้านขวาของพวงมาลัยเป็นปุ่มระบบ Cruise Control และมีปุ่มควบคุมระบบเตือนการชนด้านหน้า
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติมีแผงสวิตช์ดีไซน์ใหม่ ใช้งานง่ายขึ้น เราสามารถเลือกความแรงพัดลมแอร์ได้หลายระดับ ขณะที่ด้านหลังมีช่องแอร์เพดานแยกแต่ละที่นั่งมาให้เสร็จสรรพ ครอบคลุมถึงเบาะนั่งแถวที่ 3 พร้อมปุ่มควบคุมพัดลมแอร์สำหรับตอนหลังโดยเฉพาะ จึงเราไม่ต้องกังวลเรื่องความเย็นจะไปถึงเบาะแถวที่ 3 หรือไม่ เพราะลมแอร์เป่าถึงกันหมดทั้งคัน เพียงแต่แอร์ติดเพดานประเภทนี้ เมื่อเปิดแอร์ใหม่ๆ อาจต้องรอให้ความร้อนถูกระบายออกไปจนหมดก่อน หลังจากที่ขึ้นรถที่จอดตากแดดเอาไว้นานๆ ถึงจะเย็นชุ่มฉ่ำไม่ต่างจากด้านหน้า
มาตรวัดความเร็วก็ถูกออกแบบใหม่เช่นกัน ซึ่งอ่านง่ายสบายตากว่ารุ่นเดิม พร้อมกับหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่มาให้ แต่ติดตรงที่ตำแหน่งเกียร์ ที่ออกแบบอยู่ขอบล่างของหน้าจอ มีขนาดค่อนข้างเล็ก และอาจถูกบดบังโดยพวงมาลัยได้
เบาะนั่งได้หุ้มด้วยหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์สีน้ำตาล Very Dark Atmosphere สามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทางเฉพาะฝั่งคนขับ ขณะที่เบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับสูง-ต่ำได้ทั้งคู่