รีวิว Mazda2 Sedan 2018

ความปลอดภัย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีของรถยนต์ ความหรูหราที่อยากได้มากกว่ารถยนต์คันอื่นใน Segment เดียวกัน Mazda2 Sedan จะตอบโจทย์ข้อนี้ของคุณทันที เพราะว่าระบบช่วยเหลือการขับขี่ของ i-ACTIVSENSE มีมาให้ครบครันชนิดที่รถยนต์รุ่นอื่นใน Segment เดียวกันให้ไม่ได้ เริ่มกันตั้งแต่ระบบตรวจสอบรถยนต์ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM: Advanced Blind Spot Monitoring) จะส่งสัญญาณเตือนที่กระจกมองข้างระบบพบว่ามีรถยนต์แซงขึ้นมาในจุดอับสายตาทั้งสายและขวา, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA: Rear Cross Traffic Alert) ระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบหากกำลังออกจากซองจอดรถและมีรถยนต์แล่นมาในทางหลักทั้งซ้ายและขวา, ระบบช่วยหยุดรถขณะอยู่ในทางลาดชัน (HLA: Hill Launch Assist) ขณะที่รถจอดหยุดนิ่งในทางลาดชัน เมื่อคุณยกเท้าออกจากแป้นเบรคสลับไปที่คันเร่ง ช่วงเวลานี้รถยนต์ Mazda2 Sedan จะไม่ไหลลงตามทางลาดเอียงระบบจะยังหยุดรถให้ก่อนที่คุณจะเหยียบคันเร่งอีกครั้ง, สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรกรถในภาวะฉุกเฉิน (ESS: Emergency Signal System) เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้รถคันหลัง ส่วนระบบความปลอดภัยด้านอื่นๆก็มีมาให้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นในยุคปัจจุบัน เช่น ระบบเบรกABSทั้ง4ล้อ, ระบบช่วยควบคุมรถขณะเลี้ยว (DSC: Dynamic Stability Control), จอสกรีนแบบ Head-Up display ที่ให้คุณไม่ต้องละสายตาจากถนน และกล้องมองหลังแสดงภาพด้านหลังของรถขณะถอยจอด 

 ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ซ้าย) และระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอย (ขวา)

ระบบเซนเซอร์ถอยหลัง4จุด

ขุมกำลังสำคัญของ Mazda2 Sedan แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1500ซีซีที่มาพร้อมกับเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราเร่งด้วยแรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร หัวฉีดแบบโซลีนอยด์ด้วยอัตราส่วนการอัด 14.8:1 และยังผ่านมาตรฐานข้อบังคับการควบคุมมลพิษระดับ EURO5 ของยุโรปด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 100กรัม/กิโลเมตร และประหยัดน้ำมันมากขึ้น 26.3 กิโลเมตร/ลิตร

เครื่องยนต์ชนิดที่2คือ เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1300ซีซี ให้อัตราแรงบิดสูง 123นิวตัน-เมตร 93แรงม้า ประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร และผ่านมาตรฐานข้อบังคับการควบคุมมลพิษระดับ EURO5 เช่นกัน พร้อมกันนี้ยังมีสวิตช์ให้เลือกโหมด Drive Selection เลือกโหมด Sport เพื่อสร้างอัตราการเร่งที่สูงขึ้น เพื่อใช้ในการเร่งแซงหรือขับให้สนุกราวกับเกียร์ธรรมดา

ภายนอกที่ยังคงใช้คอนเซ็ปท์จาก KODO Design ซึ่งเป็นคอนเซ็ปท์ที่ใช้ในรถยนต์รุ่นใหญ่ๆของ Mazda ด้วย ทำให้ได้ลายเส้นที่ดูสปอร์ต ดูปราดเปรียว ทรงพลังเฉกเช่นเดียวกับรถรุ่นใหญ่ ไฟหน้าแบบLED Projector พร้อมกับ Daytime Running ที่ทำให้ผู้อื่นสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นในตอนกลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวที่พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมกับเสาอากาศวิทยุที่ไม่ต้องเกะกะเพราะฝังอยู่ที่แผ่นกระจกหลังทั้งหมด

ภายนอกของ Mazda2 Sedanที่ให้อารมณ์สปอร์ต

ล้ออัลลอยแบบสปอร์ตขนาด 16นิ้ว

ภายในยังคงใช้โทนสีดำเพื่อให้ดูเรียบหรูราวกับรถยนต์ Luxury มีการออกแบบหน้าจอเครื่องเสียงขนาด 7 นิ้วที่บริเวณกลางคอนโซลหน้า โดยแยกออกจากปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่เรียกว่า Center Commander เพื่อให้สามารถควบคุมเครื่องเสียงโดยไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะที่หน้าจอ ให้อารมณ์ราวกับนั่งอยู่ในรถยนต์หรู Mercedes Benz หรือ BMW เลยทีเดียว สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่มสตาร์ทซึ่งทำงานร่วมกับกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Keyless Entry หน้าจอ Active Driving Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Head-Up Display และยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วย Sport Paddle Shift

ภายในเป็นโทนสีดำสร้างความหรูหรา

พวงมาลัยดีไซน์แบบ3ก้านพ้อมปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย

ระบบอำนวยความสะดวก ก็จัดมาให้ครบจนแทบไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว ทั้งหน้าจอ7นิ้วที่ควบคุมได้ง่ายที่ด้วย Center Commander และยังมีระบบจดจำเสียง (Voice Recognition) พร้อมกับระบบมัลติมีเดียวิทยุ FM/AM การเชื่อมต่อเข้าสู่สื่อต่างๆทั้ง CD, USB, AUX ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ผู้ขับขี่เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างสบายๆในรถยนต์ Mazda2 Sedan

จอแสดงผล7นิ้วแยกอิสระกับปุ่มควบคุมทำให้ดูหรูหรามากขึ้น

ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่เรียกว่า Center Commander ทำให้ไม่ต้องเอื้อมมือไปถึงหน้าจอ