Ford Ranger 3.2 Wildtrak 4X4 กระบะพรีเมี่ยมน่าใช้ไม่ต่างรถซีดาน

ข้อมูลทั่วไป

และไม่ใช่แค่ปรับเพียงเล็กน้อยประเภทแบบติดสติกเกอร์คาดด้านข้างหรือใช้ชุดแต่งเพิ่มเท่านั้น แต่มีการปรับเปลี่ยนที่มากกว่า ทั้งหน้าตาและออฟชั่นที่อัดเข้ามาเต็มคัน วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า  Ford Ranger Wildtrak รุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจ

ยามจอดหรือตอนวิ่งก็สวย ดุ โหด

Ford อยู่ได้เพราะ Ranger แท้ๆ

กระบะของ Ford แทบจะเป็นอัศวินม้าขาวของค่ายให้ยังสามารถยังอยู่ยงทนอยู่ต่อได้ในตลาดการแข่งขันรถยนต์ในเมืองไทยได้ เพราะดูจากยอดขายรวมของ Ford รถในประเทศปีนี้จะเห็นว่า 90 % มาจากรถกระบะ Ranger และอีก 5 % ก็ได้จาก SUV-PPV อย่างรุ่น Everest  ซึ่งก็เป็นรถที่มาจากพื้นฐานของกระบะ Ranger เช่นกัน รถซีดาน แฮทช์แบ็ค รถ SUV ของทางค่ายแต่ละรุ่นยอดขายไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไร

เนื่องด้วยผลกระทบของปัญหาจากรถเก๋งในค่ายเองอย่าง Ford Fiesta รุนแรงขนาดที่ผู้ใช้รถรุ่นดังกล่าวต้องมารวมตัวให้ทางค่ายรับผิดชอบ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้า “เสี่ยง” ที่จะลองระบบเกียร์เจ้าปัญหา ถ้าเกิดซื้อมาแล้วพังเหมือนคันอื่นๆ ก็ยากที่จะหาใครมารับผิดชอบ ขนาดศูนย์ใหญ่เองยังบ่ายเบี่ยงที่จะรับซื้อรถกลับ

Ranger คือยอดขายหลักรถในประเทศของ Ford

แต่เมื่อกระบะของค่าย ไม่เกิดปัญหาที่ต้องให้ผู้ใช้งานมาเรียกร้องให้รับผิดชอบ และตัวรถก็เป็นที่ยอมรับในการใช้งานจากผู้ใช้อย่างแพร่หลาย ยอดขายที่ยังสามารถยึดครองในตำแหน่งอันดับรองจากเจ้าตลาดอย่าง D-Max และ Revo ขายดีเป็นอันดับที่ 3 จึงอาจจะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่ากระบะจาก Ford ยังคงเป็นที่ไว้วางใจจากผู้ซื้อในตลาดอยู่ และ 1 ในรุ่นของ Ranger ที่น่าสนใจ ถูกวางไว้ในตำแหน่งรุ่นท็อปสุดของรุ่นนั้นคือ Ford Ranger Wildtrak

ภายนอก

ภายนอกใหญ่โต ปรับหน้าตาใหม่ มองไปคล้ายๆ Everest

คงจะมีแค่ส่วนของไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ที่โคมไฟจะมีลักษณะคล้ายกับของ Everest แต่มันก็ทำให้กระบะรุ่นนี้กลายเป็นว่าดูเหมือนกับรถ PPV คู่บุญของค่ายไปโดยปริยายแต่ Ford ก็ยังพยายามที่จะให้มีความแตกต่างขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ที่แทบจะลากขาวลงไปเกือบสุดด้านล่าง แน่นอนเมื่อเป็นรุ่นท็อปสุดเรื่องออฟชั่นก็ต้องจัดหาจัดเต็มเข้ามาให้สุดในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นไฟส่องสว่างรอบคัน ชุดแต่งส่วนสปอร์ตบาร์-ราวหลังคา ราวเสริมกระบะ ล้ออัลลอย 18 นิ้วลายใหม่แบบ 6 ก้านคู่แฉกปัดเงามาเป็นสี Gun Metalic รัดด้วยยาง Bridgestone Dueler H/T 684 II ขนาด 265/60 R18

แค่จอดเฉยๆก็ดูหน้าเกรงขาม

>> ดูเพิ่มเติม: ISUZU D-Max Hi-Lander 2017 รุ่นพิเศษใหม่ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 890,000 บาท

ภายใน

ภายในเปลี่ยนใหม่ยกทั้งชุด

บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้เปลี่ยนแค่กระจังหน้าหรือไฟหน้าแบบที่รถไมเนอร์เชนจ์ทั่วไปทำ แต่การปรับครั้งนี้ทางค่ายได้เปลี่ยนยกชุดแดชบอร์ดให้เป็นแบบเดียวที่อยู่ในรถ Everrest และยังหุ้มหนังมีรอยด้ายให้เห็นรอยตะเข็บเพิ่มความแพง ความหรูหรา ที่ผู้ซื้อจะได้รับก็แทบจะไม่ต่างกับรถซีดานหรูเลยก็ว่าได้ ซึ่งภายในของ Wildtrak จะเน้นการปรับแต่งไปในโทนสีดำ ตั้งแต่เบาะยันเพดานด้านบน ซึ่งผู้เขียนคิดว่าดีในระยะยาว ปัญหาความสกปรกคราบต่างๆ บนเพดานสีเบจจะหายไป ดูไม่เลอะง่าย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสับ เบาะปรับได้ด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับ ลำโพง 6 ตัว จอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้วน่าใช้กว่ารุ่นเดิมเยอะแม้จะมีอาการหน่วงหน่อยๆ เมื่อใช้งานแต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่พอรับได้ ช่องชาร์จไฟแบบ 230V อีก 1 ช่องความแรงเหมือนไฟบ้าน นี่ยังไม่รวมช่องชาร์จไฟที่ด้านหลังอีก 1 ช่องและช่องวางแก้วอีกหลายตำแหน่ง

ภายในหรูหรา เน้นโทนสีดำ เบาะสีทูโทน

อุปกรณ์อํานวยความสะดวก

ออฟชั่นอัดมาเต็มคัน

อัดมาเต็มคันทั้งเรื่องความปลอดภัยและความสะดวกสบาย กุญแจ Immobilizer, Cruise Control กล้องมองหลัง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขาและระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ ระบบควบคุมความเร็วเพื่อรักษาระยะห่าง ถุงลมนิรภัยจัดมาให้ทั้งคู่หน้าและม่านถุงลมด้านข้าง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แผนที่นำทาง Navigation System และอื่นๆ อีกมากไม่มีทางอายกระบะค่ายอื่นแน่นอน

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา

ออฟชั่นความปลอดภัยและอื่นๆ จะถูกแสดงผ่านหน้าปัดแบบใหม่

การทำงาน

เครื่องยนต์ Wildtrak 3.2 กระบะเครื่องดีเซลที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเมืองไทย

กลับมาที่ตัวรถในรุ่น Ford Ranger 3.2 Wildtrak 4X4 6AT รุ่นนี้ที่ทางค่ายตั้งใจจะวางรุ่นนี้แทบจะเป็นตัวท็อปกระบะพรีเมี่ยมของรุ่น มากับเครื่องยนต์ขนาด 3.2L ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบแบบแปรผัน ม้า 200 ตัวให้แรงบิดที่ 470 นิวตัน-เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในตลาดรถกระบะเมืองไทยตอนนี้  เหล่าค่ายเจ้าตลาดต่างไปแข่งกันในเรื่องขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กลงไปแล้ว แต่ Wildtrak ยังคงเครื่องยนต์ตัวนี้ไว้เอาใจคนที่ชอบรถเครื่องยนต์ใหญ่ เหมาะกับตัวรถขนาดใหญ่ๆ มันก็คู่ควรกันดี เครื่องถูกจับคู่กับเกียร์อัติโนมัติ 6 speed ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามประเภทและลักษณะท้องถนน 2H - 4H - 4L

เครื่องยนต์ 3.2L 200 แรงม้า โหดและแรง

การขับขี่แม้จะคันใหญ่แต่ขับง่ายกว่าที่คาด

หลายคนที่เห็นขนาดของเจ้า Wildtrak คันนี้อาจจะกังวลในเรื่องการขับขี่ในเมือง ที่รถพลุกพล่าน ซอยเล็กซอยแคบ แต่ความจริงแล้วเมื่อได้ลองขับจริงจะเห็นว่า รถคันนี้มีการขับขี่ควบคุมไม่ได้ยากอย่างที่คิด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกช่วยในการขับขี่หลายอย่าง เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ ระบบช่วยออกตัวจากทางลาดชัน ต่างช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ได้มากจอดใส่เกียร์ N รอบเดินเบา Wildtrak สามารถทำได้ดีเยี่ยมในเรื่องของการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกเทียบเท่าได้กับรถเก๋งซีดานระดับหรู เพราะรุ่นนี้จาก

ข้อมูลที่ได้มาจะมีการแดมป์บุจุดเก็บเสียงไว้มากกว่ากระบะทั่วไปหลายจุด

Wildtrak จะลุยป่าลุยโคลนก็ไม่หวั่น

เมื่อใช้ความเร็วมากขึ้นกับถนนโล่งๆ ตอนต้นที่เหยียบตอบสนองดีค่อนข้างใช้ได้ ปลายก็ไปได้ตลอด ช่วงล่างตอบสนองเกาะถนนได้ดีครับ แม้รถจะดูคันใหญ่แต่ไม่เทอะทะอย่างที่คิด เสียแต่เพียงช่วงล่างอาจมีความกระด้างไปสักหน่อยเท่านั้น ส่วนเรื่องเบรคก็อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ครับ ตามกำลังเหยียบซะมากกว่า ไม่ได้เป็นประเภทแบบเหยียบปั๊บหยุดปุ๊บ เมื่อนำไปทดสอบการขับรูปแบบออฟโรด Wildtrak เมื่อเข้าระบบการขับขับเคลื่อน 4 ล้อและรวมกับกำลังมหาศาลของเครื่องยนต์ 3.2L ดีเซล ก็ทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด เมื่อเจอถนนหนทางทุรกันดาร ออฟโรดมากแค่ไหนก็ตาม

โดยรวมในการขับใช้งานในเมืองทำได้ง่ายกว่าที่คิดครับ รถดูใหญ่แต่ใช้งานง่ายไม่เทอะทะ เมื่อใช้ความเร็วช่วงล่างเกาะถนนดี เอาอยู่!! ถ้าวันพักผ่อนจะพารถไปบุกป่าเข้าดงคันนี้แม้คุณซื้อมาไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเติมผมว่าก็ลุยได้สบายๆ เชื่อใจได้ 

รีวิวทั่วไป

สรุป

ถ้าต้องการกระบะหรูแบบครบๆ Wildtrak เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ถ้าข้อกำหนดในการซื้อรถสักคันอาจจะเป็นปัญหา อยากได้รถหรูแบบเก๋งซีดาน C-Segment, D-Segment แต่ว่าไม่อยากได้รถ SUV ต้องใช้งานแบบรถกระบะด้วย ถ้าจะเงื่อนไขเยอะขนาดนี้เลือก Wildtrak ครับรับรองจบ รถคันนี้จะตอบโจทย์ให้คุณได้ทุกข้อ ช่วงล่างหนึบ ทัศนวิสัยในการขับขี่ดี ภายในกว้างขวางอย่ากับรถเก๋งซีดาน รวมไปถึงเรื่องบุเก็บเสียงและงานประกอบภายในที่ทำได้เรียบร้อย Wildtrak อยู่ในชั้นกระบะพรีเมี่ยมได้เลย ออฟชั่นแน่นๆ จัดหนักจัดเต็มไม่แพ้ค่ายไหน เรื่องความแรงเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 3.2L น่าจะเพียงพอสำหรับคนที่อยากได้รถแรงๆ พุ่งๆ ถ้าขับในเมืองก็จะกินน้ำมันมากหน่อยแต่ก็คงไม่ต่างจากรถเก๋งเท่าไรนัก เป็นสิ่งที่คุณต้องยอมรับถ้าต้องการรถแบบครบวงจร รองรับทุกจังหวะการใช้งานรถของชีวิตคุณ จะลุยป่า ลุยเขา คันนี้ก็พร้อมลุย จะเข้าเมืองก็ไปได้ สวยงามไม่แพ้ใคร

ราคาของ Ford Ranger Wildtrak

 Ford Ranger Double Cab 2.2L VG Turbo Hi-Rider 6MT ราคา 945,000

 Ford Ranger Double Cab 2.2L VG Turbo Hi-Rider 6AT ราคา 985,000

 Ford Ranger Double Cab 2.2L VG Turbo 4X4 6MT ราคา 1,090,000

 Ford Ranger Double Cab 3.2L VG Turbo 4X4 6AT ราคา 1,189,000

ราคาของ Wildtrak ในรุ่นต่างๆ ถ้าใครเน้นใช้งานในเมืองเครื่องไม่ต้องใหญ่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นแพงสุดครับตัวเลือกรุ่นเครื่องยนต์ 2.2L ดีเซล ก็เป็นอีกทางเลือกที่ประหยัดกว่าแต่ก็แน่นอน ออฟชั่นต่างๆ ก็จะลดหลั่งลงไปตามราคา แต่ถ้าอยากได้สมถรรณะแบบที่รีวิวมาทั้งหมด ก็ต้องเลือกตัวรุ่นท็อปสุดของคลาสไปเลยดีกว่า จบกว่า ครบกว่า ได้ทุกความเป็นกระบะ พรีเมี่ยมใน Ford Ranger Wildtrak ครับ