รีวิว 2017 MG GS 1.5 เทอร์โบใหม่ เคาะเริ่มต้น 8.9 แสนบาท

3 เม.ย 2560
แชร์ 0
คะแนนของบรรณาธิการ
คะแนนของผู้ใช้
ผู้ใช้ 0 คนได้ให้คะแนน
ดูกราฟราคา

ข้อมูลทั่วไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอ MG GS ใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 33 โดย MG GS ใหม่นี้ มาพร้อมกับสมรรถนะที่เร้าใจและยังประหยัดน้ำมันที่ดีมากยิ่งขึ้น เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ด้วยราคาจำหน่ายที่เหมาะสม"

"นอกจากนี้ยังมีการปรับจูนระบบส่งกำลังและระบบช่วงล่างต่างๆ เพื่อรองรับกับเครื่องยนต์ใหม่ เอ็มจี พร้อมยกระดับเซกเมนท์รถอเนกประสงค์ (เอสยูวี) ให้สูงขึ้นด้วยบุคลิกการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานกับเทคโนโลยีการสื่อสาร อินคาเน็ต ที่ล้ำสมัยเช่นเดิม เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า MG GS เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเทอร์โบ จะเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมของ เอ็มจี ที่ลูกค้าต้องกล่าวถึงด้วยความความชื่นชอบ ความคุ้มค่า และความครบครันที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน"
MG GS รุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ 1.5T D และ 1.5T X ทำให้ขณะนี้ MG GS ในตลาดบ้านเรามีรุ่นย่อยเพิ่มเป็นทั้งหมด 4 รุ่น โดยมีรุ่น 2.0T D และ 2.0T X AWD วางไว้ในระดับราคาที่สูงกว่า

MG GS ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Brit Dynamic และ Diamond Flow Design ติดตั้งไฟหน้าแบบ HID Projector ปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติและที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า, ไฟตัดหมอกหน้าหลัง, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

ภายนอก

ภายนอ

ด้านหน้าของรุ่น 1.5T X ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ถูกติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน พร้อมระบบปรับ-สูงต่ำตามน้ำหนักการบรรทุก พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ขณะที่ Daytime Running Light แบบ LED ถูกแยกไปติดตั้งไว้บริเวณกันชนหน้าใกล้กับโคมไฟตัดหมอก

ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ฮาโลเจน

ดีไซน์ด้านข้างไม่ต่างจากรุ่น 2.0 ลิตร จะต่างก็เพียงล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์เป็นรูปตัว V แบบ 5 ก้าน พร้อมยาง Maxxis Bravo HP ขนาด 215/60 R17
 
ดีไซน์ด้านข้าง
ดีไซน์ด้านข้าง

ด้านท้ายของรุ่น X จะถูกติดตั้งไฟท้ายแบบ LED แต่หากเป็นรุ่น D จะเป็นแบบธรรมดา ติดตั้งสปอยเลอร์สีดำเหนือประตูท้าย พร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม กันชนตกแต่งด้วยสีดำพร้อมไฟตัดหมอกคู่หลัง สวิตช์เปิดประตูท้ายถูกซ่อนไว้ขอบล่างของประตูเหนือช่องติดแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมเซ็นเซอร์กะยะระด้านท้ายแบบ 4 จุด

ในรุ่น 1.5T X ยังมาพร้อมราวหลังคาและซันรูฟเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า โดยแผ่นบังแสงใต้กระจกซันรูฟจะเป็นแบบทึบ ขณะที่รุ่น D ทั้งเครื่องยนต์ 1.5 และ 2.0 ลิตร จะไม่มีซันรูฟมาให้

ภายใน

ภายใน

ภายในห้องโดยสารยังคงให้ความโปร่งโล่งตามสไตล์รถเอสยูวี ในรุ่น 1.5T D ถูกติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ สามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทางฝั่งผู้ขับ ขณะที่ฝั่งผู้โดยสารเป็นแบบปรับมือ
 
ภายในห้องโดยสาร
ภายในห้องโดยสาร
 
เบาะนั่งด้านหลังยังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ มีพนักพิงศีรษะแบบปรับระดับได้จำนวน 3 จุด ตัวพนักพิงสามารถปรับเอนได้ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายขณะเดินทาง พนักพิงตรงกลางสามารถดึงออกเป็นที่วางแขนพร้อมช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง รวมถึงมีช่องแอร์ด้านหลังติดตั้งมาให้ด้วย
 
เบาะนั่งด้านหลัง
เบาะนั่งด้านหลัง

อุปกรณ์อํานวยความสะดวก

แผงคอนโซลถูกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ Piano Black ให้ความเงางาม ติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (รุ่น 1.5T D มีขนาด 6.1 นิ้ว) รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth พร้อมช่อง AUX/USB มีระบบนำทางมาให้ในตัว รวมถึงระบบ InkaNet สำหรับเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับตัวรถ เพื่อการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆได้มากขึ้น
 
แผงคอนโซล
แผงคอนโซล

ระบบ InkaNet จะอาศัยการทำงานของอินเตอร์เน็ตบนเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่ง MG GS ที่มีระบบดังกล่าวจะมาพร้อมแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์จากทรูมูฟ เอชทุกคัน ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะต่างๆ ของตัวรถได้ เช่น ปิดประตูสนิทหรือไม่, ระดับแบตเตอรี่รถ, ระดับน้ำมัน, แสดงพฤติกรรมการขับขี่ พร้อมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน, สั่งล็อค-ปลดล็อคประตูผ่านแอพพลิเคชั่น, แจ้งเตือนรถเคลื่อนที่หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถกำหนดขอบเขตแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแจ้งเตือนหากรถมีการวิ่งเกินขอบเขตที่กำหนดไว้ ซึ่งฟังก์ชั่น InkaNet ของ MG GS มีด้วยกันทั้งหมดถึง 12 ฟังก์ชั่นเลยทีเดียว
 

 
ในฝั่งผู้ขับขี่ถูกติดตั้งพวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift (เฉพาะรุ่น 1.5T X) ขณะที่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มีลักษณะเป็นก้านติดตั้งไว้หลังพวงมาลัย มาตรวัดความเร็วเป็นแบบเรืองแสงสีขาว แต่หากปรับคันเกียร์มาที่โหมดสปอร์ต (S) หน้าปัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดง

ใกล้กับคันเกียร์เป็นสวิตช์ควบคุมเบรกมือไฟฟ้า พร้อมปุ่มระบบช่วยเหยียบเบรกค้างขณะรถติด (Auto Vehicle Hold) และปุ่มปิดการทำงานระบบควบคุมการทรงตัวมาให้
 
สวิตช์ควบคุมเบรกมือไฟฟ้า
สวิตช์ควบคุมเบรกมือไฟฟ้า
 
ใต้หน้าจอเครื่องเสียงเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ รวมถึงปุ่มช็อตคัตสำหรับระบบเครื่องเสียง ใกล้กันเป็นสวิตช์ไฟฉุกเฉิน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อค

ก้านควบคุมไฟเลี้ยวของ MG GS จะอยู่ฝั่งซ้ายเช่นเดียวกับรถยุโรป ฝั่งขวาเป็นก้านควบคุมที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ (รุ่น 1.5T X) ติดตั้งกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ และกุญแจอัจฉริยะ Keyless Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์มาให้ (รุ่น 1.5T X)
 
ก้านควบคุมไฟเลี้ยวของ MG GS
ก้านควบคุมไฟเลี้ยวของ MG GS
 
หากกล่าวโดยสรุปในด้านอ็อพชั่นของตัวรถ ถ้าเป็นรุ่นท็อปสุดของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (1.5T X) พบว่าไม่ด้อยไปกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเลย จะต่างกันก็เพียงเบาะไฟฟ้าฝั่งผู้โดยสารแบบ 6 ทิศทาง (ซึ่งรุ่น 2.0T D ก็ไม่มีให้เช่นกัน) และระบบตรวจสอบความดันลมยาง TPMS เท่านั้นเอง

การทำงาน

เครื่องยนต์

MG GS ใหม่ดังกล่าวติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 4 สูบ ไดเร็คอินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Twin Clutch Sportronic แบบ 7 สปีด รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E85 ได้

ด้านระบบความปลอดภัยอัดแน่นตามมาตรฐานรถยุโรป ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System), ระบบควบคุมการเบรกในโค้ง CBC (Curve Brake Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System), เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติทั้ง 5 ที่นั่ง เป็นต้น
 
MG GS ใหม่

รีวิวทั่วไป

MG GS 1.5 เทอร์โบใหม่ ด้านสมรรถนะเน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ตีนต้นดี ส่วนช่วงกลางถึงปลายเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบทำได้ดีกว่า ด้านความเร็วการตอบสนองของคันเร่งและเกียร์ยังไม่รวดเร็วอย่างใจคิด แต่ถือว่ารับได้ถ้าไม่ได้รีบร้อน ช่วงล่างถูกเซ็ทมาพอดีๆ ไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ให้ความมั่นใจที่ความเร็วสูงพอควร ชูจุดเด่นที่อ็อพชั่นแน่นเต็มคันชนิดที่คู่แข่งได้แต่มองตาปริบๆ กับราคาจำหน่ายไม่ถึง 1 ล้านบาท ใช้งานคนเดียวก็ได้ ใช้งานทั้งครอบครัวก็ดี ถือเป็นอีกหนึ่งเอสยูวีที่น่าสนใจในตลาดขณะนี้

ราคาจำหน่าย MG GS 1.5 ลิตรเทอร์โบ มีดังนี้

MG GS 1.5T D ราคา 890,000 บาท
MG GS 1.5T X ราคา 990,000 บาท
Sanook

แบ่งปันความคิดเห็นของคุณกับเรา

คะแนนของคุณ

ความคิดเห็น

0/1000