ตามไปดู เทคโนโลยีที่น่าจะเป็นจริงได้ในปี2019, 2020

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 1 มี.ค 2562
แชร์ 7

เทคโนโลยีมากมายที่มีการประกาศออกมาว่าจะใช้ในอนาคตไม่เกินสิบปี วันนี้เรามาดูกันว่าถ้าอนาคตอันใกล้2019-2020ล่ะอะไรน่าจะเป็นจริงได้ก่อน ซึ่งแน่นอนมันต้องดูไม่โอเวอร์แน่ๆ

ถ้าย้อนกลับไปในช่วง Y2K คำๆนี้หลายๆที่เป็นคนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก มันคือช่วงที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ ค.ศ. ขึ้นต้นด้วย 19XX กำลังจะกลายเป็น 20XX ซึ่งคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายไม่ได้วางแผนว่ามันจะเปลี่ยนเลขหน้าของปีค.ศ.ที่จาก 19 กลายเป็น 20 ทำให้มีการกลัวกันว่าเมื่อเวลาเดินไปถึงปี 2000 จริงๆ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกชิ้นที่คนทั้งโลกใช้กันอยู่จะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่ และเราก็ผ่านพ้นมันมาได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรนัก วันนี้เรามาไกลกว่านั้นแล้วมาถึงยุค2019 ยุคที่หลายอุตสาหกรรมกำลังมารวมกัน

ตามไปดู เทคโนโลยีที่น่าจะเป็นจริงได้ในปี2019, 2020

ตามไปดู เทคโนโลยีที่น่าจะเป็นจริงได้ในปี2019, 2020
 

มูลค่าแบรนด์อันดับหนึ่งตั้งแต่อดีตไม่ใช่อุตสาหกรรมรถยนต์

สมัยปี 2000 สมัยที่แม้แต่สื่อสังคม Online ยังไม่มีคนรู้จัก แบรนด์ที่เรียกได้ว่ามีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในโลก เป็นแบรนด์ที่ขายเครื่องดื่มขวดเล็กๆที่ชื่อว่า Coca-Cola หรือโค้กที่คนไทยรู้จักกันดี แต่จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ แบรนด์ที่มีมูลค่าสุงที่สุดไม่ใช่เครื่องดื่มอีกต่อไป แต่กลายเป็น Apple บริษัทไอทีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเจ้าของสมาร์ทโฟนยอดฮิตที่ได้ชื่อว่า iPhone ที่มีสตีฟ จอบส์ เป็นบุคคลสำคัญในการนำพาโลกใบนี้เข้าสู่โลกดิจิตอลและอินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริง และมีมูลค่าของแบรนด์ในปี 2018ประมาณ 6.7ล้านล้านบาท แซงหน้าแชมป์เก่าในปี 2000อย่าง Coca-Colaไปถึง3เท่า

Coca-Cola ที่สร้างแบรนด์มาอย่างยาวนานและเคยเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกช่วงปี2000

Coca-Cola ที่สร้างแบรนด์มาอย่างยาวนานและเคยเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกช่วงปี2000

Apple แบรนด์ที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในปัจจุบัน

Apple แบรนด์ที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในปัจจุบัน

 อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่เคยหยุด

ตลาดรถยนต์เองก็ไม่ไดหยุดกับที่เช่นกัน เพราะว่าการพัฒนารถยนต์ก็จำเป็นต้องใช้ความรู้และการร่วมมือจากบริษัทผู้พัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ในการอำนวยความสะดวกและสร้างระบบต่างๆให้กับผู้โดยสารในรถยนต์ จนวันนี้ผ่านมาเกือบ20ปีแล้วจากวันนั้น ตั้งแต่วันที่ไม่มีแม้แต่สังคม Online จนวันนี้ สื่อสังคม Online ถูกใช้กันในวงกว้าง มาดูกันว่าบริษัทต่างๆมีอะไรใหม่ๆนำเสนอให้กับประชาคมโลกกันบ้าง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดได้ดังนี้

  1. ต่อยอดจากของเดิม

ทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างๆก็มีการพัฒนาจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ เพียงแต่จะมีระบบการคิดให้มากขึ้นว่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อลูกค้าได้อย่างไร เรียกว่าเป็นการตอบความต้องการที่แม้แต่ตัวลูกค้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการ

รถยนต์พร้อมปัญญาประดิษฐ์

ปัญญาประดิษฐ์ที่เรารู้จักกันดีตั้งแต่อดีตก็จากภาพยนตร์ทั้งหลายอย่างเช่นคนเหล็กหรือ Terminatorที่หลายคนรู้จักกันดี แต่วันนี้มันเริ่มจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์แล้วเพราะค่ายรถยนต์พยายามจะเอาปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานในรถยนต์ด้วย

หุ่น Terminator หนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ที่นำเสนอผ่านภาพยนตร์

หุ่น Terminator หนึ่งในปัญญาประดิษฐ์ที่นำเสนอผ่านภาพยนตร์

แต่จะให้เป็นเหมือนในภาพยนต์เลยคงยาก แนวคิดจึงเริ่มจากคนรู้จักกัน เวลาเจอหน้ากันในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน พอเห็นหน้า สังเกตหน้าตากันแล้วก็พอจะเดาออกได้ว่าเขาอารมณ์เป็นอย่างไรในวันนี้ จะได้ปฏิบัติตัวกับเขาถูก เช่นหัวหน้าอารมณ์ไม่ดี เราอาจจะหยุดเรื่องงานที่ต้องคุยไว้ก่อน รอให้อารมณ์ดีขึ้นแล้วเข้าไปคุยอาจจะดีกว่า เป็นต้น รถยนต์จากแดนโสม KIA ก็กำลังจะเป็นแบบนั้น โดยการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ลงไปในรถยนต์ของตัวเอง ซึ่งเป็นยานยนต์ไร้คนขับเสียด้วย ระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI นี้เองที่จะสามารถจดจำสีหน้าและอารมณ์ของมนุษย์ได้ ระบบนี้ถูกคิดค้นโดย Massachusetts Institute of Technology (หรือMIT) มีการแสดงจากค่าย KIA ให้ดูแล้วว่ามันทำงานอย่างไร

หลักการของมันคือ เอไอจะจับการแสดงทางอารมณ์จากมนุษย์โดยตรง อะไรก็ตามที่แสดงออกทางอารมณ์ได้ เช่น ดีใจ เสียใจ เหนื่อย สิ่งเหล่านี้อาจจะตรวจจับจากใบหน้า คิ้ว น้ำเสียง ฯลฯ ไม่ได้มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าระบบตรวจจับสิ่งใดบ้าง แต่มีการเคลมว่าตรวจจับจากสัญญาณทางชีวภาพมันจึงถูกเรียกว่าเทคโนโลยี "Bio-signal recognition" และเมื่อรู้แล้วว่ามนุษย์ที๋โดยสารรถยนต์คันนั้นรู้สึกอย่างไร ก็จะแสดงออกให้มนุษย์พอใจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแสง ปรับสีของแสงภายในรถยนต์ อุณหภูมิของรถยนต์ หรือแม้แต่การเปิดเพลงให้เข้ากับอารมณ์ของผู้โดยสารในตอนนั้นด้วย นับว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลวทีเดียว

รถยนต์ไร้คนขับพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับอารมณ์ผู้โดยสารจากค่าย KIA

รถยนต์ไร้คนขับพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับอารมณ์ผู้โดยสารจากค่าย KIA

รถยนต์ไร้คนขับพร้อมเทคโนโลยีตรวจจับอารมณ์ผู้โดยสารจากค่าย KIA

เพิ่มเติม
>>
วงการรถยนต์ยังล้ำไม่หยุดกับ Robomart ตลาดสดเคลื่อนที่
>> Byton บริษัทสตาร์ทอัพผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ประกาศให้บริการ M-Byte ภายในปี 2019

  1. เพิ่มเติมความปลอดภัย

ความปลอดภัยของรถยนต์ในวันนี้ นับว่ามาถึงตอนปลายของเทคโนโลยีที่มนุษย์จะนึกออกได้แล้ว เนื่องจากเมื่อเทียบกับสมัยแรกเริ่มของการสร้างรถยนต์แล้วเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน ปัจจุบัน ADAS (Advanced Driving Assist System) ก็เข้ามามีบทบาทในรถยนต์ทั่วไปแล้วด้วย การจะทำให้ปลอดภัยกว่านี้ถ้าไม่ใช่รถถัง ก็ต้องเป็นอีกแนวคิดที่แตกต่างจากแนวคิดเดิมๆ

C-V2X (cellular vehicle-to-everything communication)

ระบบ C-V2X นี้เป็นระบบที่พัฒนาโดยบริษัท Qualcomm บริษัทผู้ผลิตโพรเซสเซอร์รายใหญ่ระดับโลก ต้องการที่จะเปลี่ยนรถยนต์บนโลกนี้ให้ติดต่อสื่อสารได้กับทุกสิ่ง นั่นหมายความว่าระบบความปลอดภัยไม่ได้แค่จำกัดอยู่แค่ในรถ แต่รถยนต์สามารถติดต่อกับทุกสิ่งเพื่อสร้างความปลอดภัยได้ Qualcomm จึงเพิ่มเติมระบบนี้ลงไปในรถยนต์โดยการร่วมมือกับค่ายรถยนต์ที่สนใจ

Qualcomm บริษัทผู้ผลิตโพรเซสเซอร์รายใหญ่ของโลกสมาร์ทโฟนพยายามคลืบคลานมาในวงการรถยนต์

Qualcomm บริษัทผู้ผลิตโพรเซสเซอร์รายใหญ่ของโลกสมาร์ทโฟนพยายามคลืบคลานมาในวงการรถยนต์

หลักการของมันคือการพัฒนาเทคโนโลยีที่รองรับระบบ 5G ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ประเทศของเรากำลังจะมุ่งหน้าไปให้ถึงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ค่ายรถยน์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้เช่น Ford, Audi และ Ducati ระบบนี้จะติดตั้งลงในรถยนต์และทำให้รถยนต์สื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้อมูลที่ส่งและรับจะใหญ่อย่างรูปความละเอียดสูงหรือว่าวิดีโอก็ตาม โดยรถยนต์จะสามารถติดต่อสื่อสารได้กับทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองต่างๆเช่น สัญญาณไฟจราจร ในกรณีที่ถนนโล่งมากไม่มีรถก็จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟเขียวให้ ถ้าอยู่ในพื้นที่ประชากรหนาแน่นก็จะเตือนให้รถยนต์หรือผู้ขับเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น หรือแม้แต่กรณีที่มีคนข้ามถนนก็จะสามารถสื่อสารระหว่างคน (ผู้ใช้สมาร์ทโฟน) มายังรถยนต์ได้ว่ารถยนต์ควรจะเบรก นับว่าการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีแบบนี้ทำให้ความปลอดภัยสูงขึ้นได้จริงๆ

รถยนต์สามารถติดต่อสื่อสารกับทั้งสัญญาณไฟหรือแม้แต่คนเดินถนนได้

รถยนต์สามารถติดต่อสื่อสารกับทั้งสัญญาณไฟหรือแม้แต่คนเดินถนนได้

  1. สร้างสิ่งใหม่ให้บรรเจิด

เมื่อพูดถึงรถยนต์และการออกแบบแล้ว เรามักถูกตีกรอบให้เป็นตัวถังที่มาพร้อมกับล้อทั้งสี่ แต่การจะสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆมาเอาใจคนทั่วโลกนั้น จะต้องคิดไปไกลกว่านั้นอีก ดังนั้นจึงมีคนออกนอกกรอบคือไม่ใช่แค่เรื่องตัวถังกับล้อที่หมุนวนบนท้องถนนเท่านั้น ถ้ารถยนต์ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้จริงๆก็คงจะดีไม่น้อย

รถยนต์บินได้ BELL FLYING TAXI

เหนือกว่าการสร้างรถยนต์ให้บินได้ก็คือทำให้รถยนต์บินได้คันนั้นมาใช้งานเป็นแท็กซี่ด้วย แม้ว่าคอนเซ็ปท์จะดูเหมือนเอามาจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ต้นแบบของมันก็เป็นจริงแล้วในปัจจุบันและก็พยายามผลักดันให้มันออกสู่ตลาดจริงในอนาคตอันใกล้ BELL คือบริษัทผู้พัฒนารถยนต์คันนี้ BELL ได้ประกาศต่อสาธารณะชนแล้วเกี่ยวกับ BELL FLYING TAXI  รถแท็กซี่บินได้รุ่นต้นแบบที่เป็นเวอร์ชั่นเต็ม

รถยนต์บินได้จากภาพจำลอง

รถยนต์บินได้จากภาพจำลอง

หลักการบินที่ว่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้รันเวย์ยาวๆในการบินขึ้น เพราะมันจะบินขึ้นตรงๆในแนวดิ่งและก็ลงในแนวดิ่งเช่นกัน (ฝรั่งเรียกว่า VTOL: Vertica-Takeoff-and-Landing) มันจะนำมาใช้เป็นแท็กซี่ก็จริงแต่ชื่อจริงของรถยนต์คันนี้ชื่อ Bell Nexus ประกอบด้วยท่อบรรจุใบพัดที่จะใช้เป็นตัวส่งรถขึ้นสู่อากาศทั้งหมด6อันเป็นฟังก์ชั่นหลัก นอกจากนั้นภายในรถยนต์ยังมีระบบการขับเคลื่อนผ่านหน้าจออีกมากมาย และ Bell Nexus นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝันหรือนิยายวิทยาศาสตร์ เพราะมันมีกำหนดการที่ค่อนข้างแน่นอนว่าอยากจะผลักดันมันให้ออกมาใช้ได้จริงในช่วงหลังปี2020ไม่นาน แต่ก่อนถึงเวลานั้นเราต้องได้เห็นมันโลดแล่นบางแห่งก่อนอย่างแน่นอน

Bell Nexus รถยนต์บินได้ที่เป็นต้นแบบสเกลจริง

Bell Nexus รถยนต์บินได้ที่เป็นต้นแบบสเกลจริง

Bell Nexus นั้นแตกต่างจากรถยนต์บินได้ของค่ายอื่นที่ยังไม่มีการประกาศความเป็นรูปธรรมเท่าใดนัก อย่างบริษัท AeroMobil ที่จะสร้างรถยนต์บินได้เช่นกันแต่เน้นให้กับเศรษฐีกระเป๋าหนักเป็นหลักมากกว่า และก็ยังไม่มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมนักในขณะที่ Bell Nexus เอาต้นแบบตัวจริงมาแสดงให้ดูเลย

โลกยังก้าวไม่หยุด

จะเห็นว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำมาแสดงแล้วในปี 2019 และก็น่าจะมีกำหนดใช้จริงในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ถ้ามองจากความเป็นไปได้ก็ดูจะไม่ได้โอเวอร์เกินไป เพราะว่ามีต้นแบบจริงมาให้ดูแล้ว และก็มีหลักการทางวิศวกรรมมารองรับอย่างเห็นได้ชัด ในช่วง10ปีข้างหน้านี้ วงการรถยนต์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่อีกแน่ หากได้รับความร่วมมือจากบริษัทต่างๆไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์หรือไม่ก็ตาม ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปมูลค่าแบรนด์ของรถยนต์ต่างๆในโลกก็อาจจะแซงหน้า Apple เข้าสักวันหนึ่งก็ได้

เพิ่มเติม
>> “รถยนต์บินได้” นวัตกรรมเพ้อฝัน ณ วันที่เริ่มต้น
>> นักวิจัยคาดการณ์รถยนต์ทั่วโลก 1 ใน 6 จะใช้พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2025

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้