ตลาดรถยนต์ต่างประเทศมีอะไรอัพเดทบ้าง มาชมรถรุ่นใหม่ที่อัพเดทในต่างประเทศกัน

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 15 พ.ย 2561
แชร์ 3

พฤศจิกายนเป็นเดือนที่ตลาดรถรถคึกครื้นที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดรถไทย หรือตลาดรถต่างประเทศ วันนี้ Chobrod จะมาอัพเดทรุ่นรถเปิดตัวใหม่ในต่างประเทศให้ท่านผู้อ่านทุกท่านกัน จะมีรุ่นอะไรบ้างมาดูกัน

ตลาดรถต่างประเทศคึกคักช่วงปลายปี เปิดตัวรถเดือนพฤศจิกายนกว่า 10 รุ่น

ตลาดรถต่างประเทศคึกคักช่วงปลายปี เปิดตัวรถเดือนพฤศจิกายนกว่า 10 รุ่น

สำหรับตลาดรถต่างประเทศในเดือนพฤศจิกายน เรียกได้ว่ามีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่มากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มรถหรูที่ดูเหมือนว่าจะคึกคักมากเป็นพิเศษ และเดือนนี้จะมีรถรุ่นไหนเปิดตัวบ้างมาดูกันเลยค่ะ

Audi Q3 รถ SUV รุ่นเล็กจากค่ายสี่ห่วง

Audi Q3 รถ SUV รุ่นเล็กจากค่ายสี่ห่วง

เริ่มกันที่รุ่นแรก Audi Q3 รถ SUV รุ่นเล็ก ที่พัฒนาต่อมาจาก Audi Q2 ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีความคล่องตัวสูง และมีดีไซน์ที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดย Audi Q3 2018 ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว หลังจากโฉมแรกถูกวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2011 มาพร้อมดีไซน์ที่ดูทันสมัยขึ้น และได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นใหญ่อย่าง Q8 ด้วยเส้นสายที่ดูเฉียบคม มาพร้อมกระจังหน้าทรงตั้งขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้แต่ละเส้นแยกห่างระหว่างกัน สามารถเลือกล้ออัลลอยได้ตั้งแต่ขนาด 17-20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารเน้นความทันสมัยคล้ายกับ Q8 แต่ไม่มีหน้าจอแบบ 2 ชั้นบนแผงคอนโซล โดยเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมแผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปุ่ม เครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมพอร์ต USB จำนวนถึง 4 ตำแหน่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกหน้าจออินโฟเทนเม้นท์ขนาด 10 นิ้ว และมาตรวัดความเร็วแบบ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว เป็นออปชั่นเสริมได้ ด้านขุมพลังจะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล เริ่มต้นจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ในรุ่น Q3 35 TFSI ตามด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่จะให้กำลังสูงสุดราว 190 แรงม้า ในรุ่น Q3 40 TFSI และ 230 แรงม้า ในรุ่น Q3 45 TFSI ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ในรุ่น Q3 35 TDI โดยจะมีรุ่น Q3 40 TDI ที่เพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 187 แรงม้า ตามมาในอนาคต

ดูเพิ่มเติม
>> 
Mercedes-Benz E300de 2019 ใหม่ ขายแล้วที่อังกฤษ ราคาเริ่มต้นราว 2.06 ล้านบาท
>> 
BMW 8 Series Convertible 2018 เปิดประทุนสุดหรูจากตราใบพัดฟ้า​
 

BฺMW Series 8 เจนเนอเรชั่นที่ 2

BฺMW Series 8 เจนเนอเรชั่นที่ 2

BฺMW Series 8 เจนเนอเรชั่นที่ 2

BMW Series 8 ถือเป็นโฉมที่สองสำหรับ Series 8 และเป็นครั้งแรกของศตวรรษที่ 21 ที่ BMW Series 8 จะไม่มีไฟหน้าป็อปอัพติดให้ แต่จะเปลี่ยนเป็นไฟหน้าขนาดบางเฉียบพร้อมตะแกรงหน้าสองชั้นซึ่งเห็นได้จาก BMW รุ่นใหม่ๆ กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ดีไซน์รายละเอียดต่างๆ ของ BMW Series 8 เพิ่มความดุดันให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากเรื่องของการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ตัวถังรถยังถูกออกแบบมาตามหลัก Aero Dynamic ช่องดักลมจากกระจังหน้าจะปิดเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอโรไดนามิกส์และเปิดเมื่อเครื่องยนต์ต้องการอากาศเย็นเข้าห้องเครื่อง ในขณะที่ "ช่องระบายอากาศ" ตรงแก้มรถเพื่อตัดกระแสลมส่วนเกินจากซุ้มล้อ ด้านหน้ามีลิ้นหน้าที่ทำงานคู่กับสปอย์เลอร์ท้ายรถเพื่อช่วยกดตัวรถเมื่อทำความเร็วสูง

ภายในห้องโดยสารออกแบบมาคล้ายคลึงกับ X5 โดยมีความเป็นสปอร์ตในแบบฉบับรถสองประตูมากยิ่งขึ้น ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว และคอนโซลกลางแสดงผล iDrive อยู่ตรงกลาง ทั้งสองส่วนทำงานผ่านระบบ BMW OS 7.0

ส่วนของเกียร์ของ BMW ที่เป็นแบบ "คันโยก" พร้อม ตัวควบคุม iDrive แบบหมุนพร้อมปุ่มการควบคุมการขับขี่บนแผงเกียร์ ตัวควบคุมอุณหภูมิอยู่ในช่องแอร์เหมือนในรุ่น X5 พร้อมวัสดุตกแต่งเกรดพรีเมียม ส่วนในรุ่นท็อปยังมีออปชั่นยังอื่นเพิ่มเติมอีก ตั้งแต่เครื่องเสียงจาก Bowers & Wilkins จนถึงฐานแต่งเกียร์แบบแก้ว นอกเหนือนี้ยังสามารถเลือกวัสดุแบบหนัง ไม้ เหล็กและสีแบบทูโทน

สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ใน BMW Series 8 นี้มีให้เลือกสองแบบ ทั้งเบนซิน และดีเซล โดยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน M850i xDrive มาพร้อมเครื่องยนต์ 4.4 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 390 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 750 นิวตันเมตรซึ่งใช้รอบเครื่องตั้งแต่ 1800 - 4600 รอบต่อนาที เมื่อทำงานร่วมกับระบบ xDrive ของ BMW สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.7 วินาที เครื่องยนต์ดีเซลจะใช้ชื่อรุ่น 840d xDrive โดยใช้กำลัง 235 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 680 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร และเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.9 วินาที  โดย BMW อธิบายในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลไว้ด้วยว่าเป็นเครื่องยนต์ที่เดินด้วยความนุ่มนวลในรอบเครื่องต่ำ

KIA Ceed Sportswagon 2019

KIA Ceed Sportswagon 2019

หลังจากที่ KIA แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากเกาหลีส่งรถแฮทช์แบ็คสมรรถนะสูงลุยตลาดยุโรป ด้วยการส่ง Kia Ceed GT โฉมใหม่ออกมาเป็นครั้งแรกในงาน Paris Motor Show 2018 เมื่อเดือนตุลาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป ในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็ได้เตรียมเปิดตัว KIA Ceed Sportswagon ที่จะวางจำหน่ายในปี 2019

All NEW KIA Ceed Sportswagon ถือเป็น generation ที่ 3 ของตระกูล มาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน และ ดีเซล 5 ทางเลือก มิติตัวถังของ All NEW KIA Ceed Sportswagon ยาว x กว้าง x สูง อยู่ที่ 4,600 x 1,800 x 1,465 มิลลิเมตร

ระยะฐานล้อ : 2,650 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน จะพบว่ารุ่นใหม่ ยาวขึ้น 95 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 20 มิลลิเมตร, เตี้ยลง 20 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อคงเดิม ส่วนการออกแบบเน้นอารมณ์สปอร์ตเหมือนกับ Kia Stinger

ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟ DRL ทรง ice-cube รวมเป็นชิ้นเดียวในโคม ทั้งยังติดตั้ง Active Air Flap เพิ่มได้ไว้เปิดระบายความร้อน หรือปิดเพื่อปรับปรุงหลักอากาศพลศาสตร์ ด้านบนมีราวหลังคา ส่วนเสาหลังคา D-Pillar มาในทรง half-moon ด้านท้ายมีสปอยเลอร์หลังคาและไฟท้าย LED 2 ก้อน ปิดท้ายด้วยสีตัวถัง 11 แบบ และล้อขนาด 15 – 17 นิ้ว ให้เลือกกันตามใจชอบ

ห้องโดยสารของ All NEW KIA Ceed Sportswagon มากับแดชบอร์ดไร้รอยต่อที่แบ่งเป็น 2 ระดับ ดูกว้างขวางและสว่างด้วยหลังคา Panoramic Sunroof พื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังอยู่ที่ 600 ลิตร ทั้งยังพับเบาะหลังได้ในอัตราส่วน 40:20:20 แนวทางการตกแต่งจะพรีเมี่ยมขึ้นด้วยวัสดุบุนิ่ม ทั้งยังมีวัสดุผ้า, หนังสังเคราะห์ และหนังแท้ หลายแบบให้เลือก

เครื่องเสียงมีจอแสดงผลหลายขนาดตั้งแต่ 5, 7 และ 8 นิ้ว มาพร้อมกับระบบนำทางและระบบเชื่อมต่อ Kia Connected Services ซึ่งถ้าไม่พอใจ ลูกค้าสามารถจ่ายเพิ่ม เพื่อเปลี่ยนเป็นของ JBL Premium หรือ Clari-Fi ได้ นอกจากนั้น ยังมีประตูท้ายไฟฟ้า Smart Power Tailgate ให้ติดเพิ่ม ส่วนอุปกรณ์อื่นที่น่าสนใจมีทั้ง ที่ชาร์จแบบไร้สาย, เบาะปรับอุณหภูมิได้ และระบบละลายน้ำแข็งกระจกหน้า

ขุมพลังของ All NEW KIA Ceed Sportswagon มีให้เลือกด้วยกัน 5 แบบ ทุกรุ่นส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 T-GDI แบบ 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร 998 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 71.0 x 84.0 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ, เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 T-GDI แบบ 4 สูบ ขนาด 1.4 ลิตร 1,396 ซีซี. เทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 71.6 x 84.0 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 242 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ, เครื่องยนต์เบนซิน 1.4 MPI แบบ 4 สูบ ขนาด 1.4 ลิตร 1,394 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.0 x 84.0 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ, เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 CRDi แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร 1,589 ซีซี. เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ และเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 CRDi แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร 1,589 ซีซี. เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ

ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ ปรับแต่งให้เหมาะกับถนนยุโรปโดยเฉพาะ ปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้งแบบ Normal และ Sport ส่วนระบบความปลอดภัยที่โดดเด่น ไม่ได้มีเพียงระบบเบรกอัตโนมัติด้านหน้า Forward Collision-Avoidance Assist เท่านั้น แต่ยังมีระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติระดับที่ 2 Lane Following Assist ที่รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า และอยู่กึ่งกลางเลนด้วยตนเอง ทำงานที่ความเร็ว 0-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

KIA Sportage 2019

KIA Sportage 2019

KIA Sportage นอกจากเทรนด์ของค่ายรถต่างๆที่ใช้พลังงานรถไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ KIA เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีการใช้น้ำมันดีเซลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและลดการคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง ล่าสุดทางค่ายยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัวระบบส่งกำลังดีเซล mild-hybrid แบบใหม่ Sportage ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ตามมาด้วย Ceed โฉมที่สามในปี 2019

โดยระบบใหม่นี้สามารถเลือกใช้งานได้สองรูปแบบ คือ 'motor' และ 'generator' โดยในระบบ 'motor' ระบบส่งกำลังจะลดภาระเครื่องยนต์และลดการปล่อยก๊าซไอเสีย และในระบบ 'generator' จะปั่นกระแสไฟกลับไปที่แบตเตอรี่ใหม่อีกครั้งจากการสะสมพลังงานผ่านการผ่อนคันเร่ง และเบรกของรถ

มาพร้อมกับเทคโนโลยีการควบคุมมลพิษ Selective Catalytic Reduction (SCR) ที่จะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 4 เปอร์เซนต์บนการทดสอบ WLTP ใหม่ และเพิ่มไปที่ 7 เปอร์เซนต์บนมาตรฐาน NEDC ซึ่งช่วยให้ Kia ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลที่สะอาดยิ่งขึ้น

ระบบส่งกำลังที่ควบคุมผ่าน ECU ที่ดีกว่าเดิม ทำให้ได้ประโยชน์จากฟังก์ชั่น 'Moving Stop & Start' ที่จะช่วยระบบสันดาปภายในหยุดโดยอัตโนมัติในระหว่างที่มีการเบรก และผ่อนคันเร่ง ในขณะที่ MHSG จะช่วยให้จุดระเบิดใหม่เมื่อมีการกดคันเร่ง

จนขณะนี้ Kia ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม แต่กล่าวว่าแบตเตอรี่ขนาด 48 โวลท์จะถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่วางเท้าของห้องโดยสารเป็นอย่างน้อยสำหรับรุ่น Sportage และนอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบ EcoDynamics+ mild-hybrid ลงในรถรุ่นใหม่ๆ ต่อไปอีกด้วย สำหรับ EcoDynamics ยังถูกปรับใช้สำหรับเครื่องยนต์น้ำมันด้วย ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งระบบเกียร์แบบธรรมดาและอัตโนมัติ รวมถึงระบบขับเคลื่อนแบบล้อหน้า ล้อหลัง และขับเคลื่อนสี่ล้อได้อีกด้วย โดยวางแผนจะเปิดตัว"ระบบขับเคลื่อนอันล้ำสมัย"ในปี 2025 โดยมีรถไฟฟ้า 5 คัน รถปลั๊กอินไฮบริด 5 คัน และรถไฮบริด 5 คันโดยมีรถเซลล์เชื้อเพลิงอีกหนึ่งคันในปี 2020

Maruti Suzuki Ertiga 2019 ในตลาดอินเดีย

Maruti Suzuki Ertiga 2019 ในตลาดอินเดีย

สำหรับ Suzuki Ertiga รถ MPV เล็ก ในราคามิตรภาพ เป็นรุ่นที่สำคัญในการทำตลาดของค่าย Suzuki ทั้งในไทย อินเดีย อินโดนีเซีย และบางประเทศที่เข้าจำหน่าย

ล่าสุดสื่ออินเดีย รายหนึ่งรายงานว่า Suzuki เตรียมแผนเผยโฉมใหม่ MPV เล็ก โดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกันกับ Suzuki  Swift เจนใหม่ ในชื่อ HEARTECT platform โดยมีการออกแบบตัวรถให้มีตัวตนที่แท้จริง แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น รถยนต์ เพื่อครอบครัวยุคใหม่เช่นเดิม (รหัสโครงการพัฒนา YHA)

สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ที่ชื่อ HEARTECT platform มีความโดดเด่นในเรื่องน้ำหนักเบา ส่งผลให้ Suzuki Ertiga เจนใหม่ จะมีน้ำหนักเบาขึ้นและยังทำให้ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิม พร้อมความปลอดภัยเต็มสูตร ภายในยังคงเป็นแบบ 7 ที่นั่ง และอาจยกแผงคอนโซลหน้าจาก Swift เจนใหม่ มาดัดแปลงในสไตล์ Ertiga และใส่ข้าวของทันสมัยไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงแบบจอสัมผัส 7 นิ้ว มาด้วย

ด้านขุมพลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบใหม่ 1.5 ลิตร  คาดว่าพัฒนาโดยทีมวิศวกรอินเดียและอาจประจำการในรถรุ่นใหม่ๆที่จะเปิดตัวตามมา พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน BOOSTERJET 1.0 ลิตร รุ่น K10C ให้กำลังถึง 100 แรงม้า หรืออาจลงเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รุ่น M15A 109 แรงม้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางทีม Maruti-Suzuki ประเทศอินเดีย จะมีการเปิดตัว Suzuki Ertiga ในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 นี้ ด้านเมืองไทยยังคงขาย Suzuki Ertiga รุ่นปัจจุบันต่อไป

Rolls-Royce Cullinan รถ SUV คันแรกของ Rolls-Royce วางจำหน่ายในอินเดีย

Rolls-Royce Cullinan รถ SUV คันแรกของ Rolls-Royce วางจำหน่ายในอินเดีย

Rolls-Royce ประเทศอินเดีย ประกาศเปิดตัว Rolls-Royce Cullinan รถ SUV รุ่นแรกของค่าย และยังมีโอกาสได้นำเครื่องยนต์ Hybrid มาใช้ในรุ่นนี้อีกด้วย สำหรับเครื่องยนต์ Hybrid ของ Rolls-Royce คาดว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์ V12 twin-turbo ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลัง 571 แรงม้าและแรงบิด 850 นิวตันเมตร ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเสียอีก

ขุมพลังไฟฟ้าของ Rolls-Royce Cullinan สามารถให้ความเร็วสูงสุดที่ 100 กม. / ชม. แต่ในความเป็นจริงทาง Rolls-Royce คาดหวังไว้สูงกว่านั้นที่ 250 กม. / ชม. นอกจากนี้ทาง Rolls-Royce ยังมีการวางแผนวางจำหน่าย Cullinan ยาวไปถึง 14 ปีเลยทีเดียว

การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยังคงเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นสำหรับ Rolls-Royce เท่านั้น ซึ่งในอนาคตทางค่ายเองก็มีโครงการที่จะแนะนำรถ SUV ขนาดเล็ก ด้วยเช่นเดียวกัน เราก็คงต้องรอดูต่อไปว่าอนาคตของ Rolls-Royce จะเป็นไปในทิศทางใดกันแน่

BMW M2 Competition 2019

BMW M2 Competition 2019

BMW Motors ได้เปิดตัวรถแบบใหม่ของพวกเขาออกมาแล้วอย่างเป็นทางการในโฉมล่าสุดของปีนี้ในรุ่นแบบ “M2 Competition 2019” โดยเปิดตัวออกมาเพื่อแทนที่รถอย่าง BMW M2 Coupe รุ่นก่อนหน้านี้ โดยปรับปรุงในส่วนของชุดแต่งให้มีความสวยงามสปอร์ตหรูหรามากกว่าเดิม เช่น กระจังหน้าทรงไตคู่แบบใหม่ ไฟหน้าอแด็ปทีฟแอลอีดี ช่องลมเข้าด้านหน้าก็ถูกดีไซน์ใหม่ให้มีขนาดที่กว้างมากยิ่งขึ้น กระจกมองข้างแบบใหม่ ล้อแม็กซ์ขนาดใหญ่รอบวงทั้งสิ้น 19 นิ้วทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงยางคุณภาพสูงของทาง Michelin Pilot Super Sport  

การตกแต่งภายในของรถแบบ BMW M2 รุ่นโฉมปี 2019 นี้ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งแบบสุดสปอร์ตเฉพาะ BMW M2 คันนี้เท่านั้น โลโก้แบบ M2 ซึ่งทำพิเศษออกมาโดยเฉพาะตัว เบาะส่วนอื่นๆ ที่ทำมาจากวัสดุอย่าง Alcantara รวมไปถึงเข็มขัดนิรภัยแบบพิเศษที่ทำออกมาเฉพาะโฉมใหม่นี้โดยเฉพาะ มีการปรับปรุงในส่วนหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ที่ออกแบบมาเน้นโทนสีดำ ทำงานร่วมกันกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่สามารถปรับแต่งและควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างครบ

เครื่องยนต์ ขนาด 3.0ลิตร 6 สูบเรียงตัวใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ที่ให้แรงม้าสูงสุดที่ 410 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 550 นิวตันเมตร โดยสามารถทำความเร็วจาก 0-100 ได้ใน 4.2 วินาที และทำความเร็งสูงสุดได้ที่ 280กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติขนาด 7 สปีดแบบคลัชก์คู่ (dual-clutch gearbox)

นอกจากนี้รถแบบ “M2 Competition” ยังพร้อมนำระบบความร้อนแบบใหม่ที่ใช้ในรถแบบ M4 Coupe ออกมาด้วย ในแบบ “Competition Package” ซึ่งเจ้า BMW M2 Competition นั้นจะเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนเป็นที่แรก

Maserati Lavante GTS 2018 รถ SUV จากค่าย Maserati

Maserati Lavante GTS 2019 รถ SUV จากค่าย Maserati

Maserati Levante GTS 2019 SUV  ที่มาพร้อมขุมพลัง V8 กำลังสูงสุด 550 แรงม้า ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 Twin-turbo ความจุ 3.8 ลิตร จาก Ferrari ซึ่งเป็นบล็อกเดียวกับที่วางอยู่ใน Quattroporte GTS ตัวปัจจุบัน ขุมพลังบล็อกดังกล่าวถูกปรับปรุงเพื่อให้รองรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Levante ได้อย่างสมบูรณ์ ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 550 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 730 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 292 กม./ชม.

Maserati Levante GTS 2019 มีการปรับปรุงแชสซีส์ให้เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ รวมถึงปรับปรุงดีไซน์กันชนเน้นความสปอร์ตมากขึ้น ติดตั้งล้อขนาดใหญ่สะใจถึง 22 นิ้ว ขณะที่ภายในห้องโดยสารถูกตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้ Full Premium และสามารถเลือกอัพเกรดเป็นวัสดุหนังธรรมชาติแบบฟูลเกรน Pieno Fiore ได้ รวมถึงระบบเครื่องเสียงจาก Harman Kardon พร้อมลำโพง 14 ตัวรอบคัน ส่วนบ้านเรายังไม่มีแผนนำเวอร์ชั่น GTS เข้ามาจำหน่าย

BMW M5 Competition 2019

BMW M5 Competition 2019

 BMW M5 Competition 2019  เผยสเป็คอย่างเป็นทางการแล้ว ติดตั้งขุมพลังเบนซิน V8 ความจุ 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 625 แรงม้า (PS) เพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ 25 แรงม้า ขณะที่แรงบิดยังคงเดิมอยู่ที่ 750 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นส่งกำลังไปล้อคู่หลังมากกว่า ทำงานคู่กับระบบ Active M Differential สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้ M5 Competition 2019 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และต่อเนื่องไปถึง 200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 10.8 วินาทีเท่านั้น

>> Aston Martin DBS 59 สปอร์ตรุ่นพิเศษรำลึกถึงแชมป์เลอม็องส์​
>> 
Aston Martin เปิดตัว The New Vantage ตำนานสปอร์ตนักล่าเชื้อสายอังกฤษ เริ่มต้น 16.9 ล้าน​

BMW M5 Competition 2019 ยังถูกปรับปรุงช่วงล่างให้ลดความสูงลงจากเดิม 7 มิลลิเมตร พร้อมเพิ่มความแข็งของสปริงขึ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์ และกันโคลงหลังที่มีความแข็งมากขึ้น ดีไซน์ภายนอกของ M5 Competition 2018 มีการปรับปรุงจากรุ่นปกติเล็กน้อย เช่น กระจังหน้า, กันชนท้ายและฝาครอบกระจกมองข้างถูกตกแต่งด้วยสีดำ High-gloss Black, สัญลักษณ์ Competition บริเวณกาบข้างและกระโปรงท้าย, ท่อไอเสีย M Sport ที่ออกแบบให้เสียงกระหึ่มกว่ารุ่นปกติ และล้อฟอร์จอัลลอย Bi-colour ขนาด 20 นิ้ว มาพร้อมตัวถังสี Frozen Dark Silver

ภายในตกแต่งแผงคอนโซลด้วยลายอลูมิเนียมคาร์บอนสี Dark chrome, เบาะนั่งหุ้มหนัง Merino Aragon, เข็มขัดนิรภัย M ตกแต่งด้วยแถบสีแดง-น้ำเงิน เป็นต้น  BMW M5 Competition 2019  จะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ด้วยราคา 110,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,570,000 บาท

Porsche 911 GT3 RS

Porsche 911 GT3 RS

Porsche เผยโฉม Porsche 911 GT3 RS รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบนอน ความจุ 4.0 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ รีดพละกำลัง 520 แรงม้า มากกว่ารุ่นเดิม 20 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ PDK 7 สปีด สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 312 กม.ต่อชม. ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ที่ถูกอัพเกรดใหม่เท่านั้น แต่รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์ขนาดใหญกว่าเดิม พร้อมสเกิร์ตด้านข้าง กรอบไฟชุดใหม่ และฝากระโปรงแบบมีช่องระบายความร้อนเข้าสู่เบรก ล้ออัลลอยขนาด 20-21 นิ้ว ฝาครอบเครื่องยนต์และไฟเบรกดวงที่สามได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Porsche 911 GT3 RS รับแรงกดขณะควบทะยานด้วยความเร็ว 200 กม.ต่อชม. มากกว่า Porsche 911 GT3  ถึงกว่าเท่าตัว

ภายในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตเช่นกันด้วยการติดตั้งเบาะที่นั่งเรซซิ่งคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มอัลคันทาร่า ทีมวิศวกรยังใช้วัสดุน้ำหนักเบาในการผลิตแผงประตูและกระจกบังลมหลัง ขณะที่วัสดุดูดซับเสียงบางส่วนก็ถูกถอดออกด้วยเพื่อลดน้ำหนักตัวรถ

ลูกค้ายังสามารถเลือกแพ็คเกจ Clubsport ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยจะเสริมโรลบาร์นิรภัย เข็มขัดนิรภัยแบบ 6 จุด และชุดตัดการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจลดน้ำหนัก Weissach ที่จะใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเติมบนหลังคาและสเวย์บาร์ ซึ่งทำให้ตัวรถมีน้ำหนักแค่ 1,430 กก.

Mercedes-Benz E300de 2019

Mercedes-Benz E300de 2019

Mercedes-Benz E300de 2019 สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกล 54 กิโลเมตร (34 ไมล์) และมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 1.7 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือคิดเป็นหน่วยที่ใช้ในบ้านเราก็ตกอยู่ 58.8 กม./ลิตร เท่านั้น และยังสามารถชาร์จไฟจากระดับ 10 จนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ด้วยระบบชาร์จแบบ 7.4kW นอกจากนี้ Mercedes-Benz E300de เวอร์ชั่นอังกฤษมาพร้อมฟีเจอร์มาตรฐานมากมาย เช่น ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว, กุญแจ Keyless Start, เบาะนั่ง Seat Comfort Package, ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting, มาตรวัดความเร็วแบบหน้าจอ, เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่น, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ฯลฯ พร้อมทั้งมีเวอร์ชั่น AMG ให้เลือกเช่นเคย สำหรับราคาจำหน่าย Mercedes-Benz E300de 2019 ในอังกฤษเริ่มต้นที่ 47,900 ปอนด์ หรือราว 2,067,000 บาท

ถือได้ว่าตลาดรถต่างประเทศคึกคักมากเลยนะคะ โดยเฉพาะตลาดรถหรู ที่เริ่มลุยตลาดรถไฟฟ้า Hybrid และตลาดรถ SUV ที่มาแรงที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับตลาดรถในประเทศไทยจะมีรถรุ่นไหนที่เปิดตัวบ้าง ติดตามได้ที่ Chobrod.com นะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้