ตลาดรถปี 2019 กับ 4 เทคโนโลยีที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ตลาดรถยนต์ต่างประเทศ | 20 มี.ค 2562
แชร์ 1

เทคโนโลยีใหม่ๆมีกันมาหลายปีแล้ว แต่เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังจะเป็นรูปธรรมและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นจะใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นไปอีก ในปี2019นี้่มาดูกันว่าจะมีเทคโนโลยีอะไรมาเขย่าตลาดรถยนต์กันได้บ้าง

ตลอดปีที่ผ่านมาเราเห็นสิ่งต่างๆมากมายของวงการรถยนต์ ทั้งที่เริ่มต้นมาใหม่และที่มีมานานแต่ต่อยอดขึ้นมา ซึ่งก็นับเป็นเรื่องปกติในทางธุรกิจที่ทางผู้พัฒนาต่างๆต้องการทำอะไรใหม่ๆมาเพื่อเอาใจลูกค้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังตอบสนองความต้องการที่แม้แต่ลูกค้าเองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ สำหรับตลาดรถยนต์ที่นับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากตลาดหนึ่งของโลก ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญไม่แพ้กัน ปกติแล้วตลาดรถก็มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยในแต่ละปี ส่วนปี 2019นี้ ตลาดรถยนต์กำลังจะผ่านไตรมาสแรก มีอะไรที่อีกเก้าเดือนที่เหลือที่ผู้พัฒนาต่างๆจะเอามาเขย่าตลาดรถกันบ้างเราตามไปดูกัน

ตลาดรถที่เราจะพูดถึงกันจากนี้ไม่ใช่เพียงแต่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเท่านั้นแต่หมายรวมถึงตลาดรถทั่วโลกด้วย แน่นอนว่าตลาดรถของโลกนำไป ตลาดรถไทยก็จะเดินตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แม้จะมีบริบทที่แตกต่างกันออกไปก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะวิ่งไปในแนวทางเดียวกันอย่างแน่นอน

4 กระแสหลักของตลาดรถยนต์ในปี 2019 ที่น่าจับตามอง

1. เรื่องของรถยนต์ไร้คนขับ

รถยนต์ไร้คนขับในวันนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ไปแล้ว ดังนั้นตลาดรถยนต์ของโลกก็ยิ่งจะต้องมีอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ แต่ด้วยความที่ค่ายรถยนต์ต่างๆไม่อยากจะเป็นผู้ล้าหลังและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตามตลาดรถยนต์ทั่วโลกให้ทัน ดังนั้นจะมีการร่วมมือกันของค่ายต่างๆทั้งจากในวงการตลาดรถยนต์และวงการไอทีเข้าด้วยกัน โดยบริษัท Cruise Automation บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของบริษัทGM เดินหน้าอย่างเต็มตัวที่จะพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในแบบ Super Cruise Semi-Autonomous ในรถยนต์ของพวกเขาที่จำหน่ายในตลาดรถจีนและสหรัฐอเมริกาจะมีระบบนี้ในทุกรุ่นของคาดิลแลคในเร็วๆนี้ นั่นหมายถึงว่ามันจะเริ่มเป็นตลาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

GM เปิดตัว Super Cruise Semi-Autonomous ในรถยนต์คาดิลแลค

GM เปิดตัว Super Cruise Semi-Autonomous ในรถยนต์คาดิลแลค

ในประเทศไทยแม้ตลาดรถเรื่องยานยนต์ไร้คนขับจะยังไม่มีให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมแต่ก็มีการนำระบบ Advanced Driving Assistant System (ADAS) เข้ามาในรถยนต์เซกเมนต์ต่างๆกันมากอย่างผิดหูผิดตา ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์ หรือรถกระบะก็มีมากขึ้น ปี2019นี้ ระบบADAS ก็คงมีให้เห็นในรถยนต์ที่จะเปิดตัวปีนี้ไม่มากก็น้อย

 Cadillac CT6 Review Super Cruise

Mitsubishi Mirage รถยนต์อีโคคาร์ที่มาพร้อมกับระบบ ADAS

Mitsubishi Mirage รถยนต์อีโคคาร์ที่มาพร้อมกับระบบ ADAS

2. การเติบโตของรถยนต์พลังงานทางเลือก

หลังจากที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกเป็นที่ยอมรับกันไปนานแล้ว ก็มีการลงุทนจากผู้พัฒนารถยนต์ค่ายต่างๆที่มีการวางวิสัยทัศน์ให้ตัวเองสามารถสร้างรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหรือรถกระบะ อย่างบริษัท GM ได้เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าออกสู่ตลาดรถยนต์แล้ว โดยใช้ชื่อว่า Chevrolet ZH2 เป็นรถกระบะไฟฟ้าต้นแบบที่มีการขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ที่วางเครื่องมาใหม่ พร้อมกับช่วงล่างใหม่ และยังมีศักยภาพในการวิ่งออฟโรดได้อย่างสบายและดีที่สุดที่ GMเคยพัฒนารถยนต์มา และจะเป็นต้นแบบในการพัฒนารถยนต์คันใหม่ออกสู่ตลาดรถยนต์ด้วย สำหรับในประเทศไทยกระแสรถยนต์ไฟฟ้านับจาก NissanและHyundai แล้วในปี 2019นี้จะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทยด้วยในชื่อแบรนด์ MINE mobility ที่อีกไม่นานเกินรอคงได้เห็นกันอย่างเป็นทางการ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไทยครั้งยิ่งใหญ่เช่นกันในปีนี้

Mine Mobility รถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทยกำลังมาเร็วๆนี้

Mine Mobility รถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทยที่ตลาดรถรอคอย

Mine Mobility รถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทยที่ตลาดรถรอคอย

เจาะลึกรถไฟฟ้าต้นแบบคันแรกของไทย

เพิ่มเติม
>> คนเชื่อมต่อรถ เทรนด์โลก ใกล้ความจริง! “Connected Car รถยนต์อัจฉริยะ”
>> เผยรถยนต์ 6 รุ่นแรกที่ใช้ได้ Toyota T-Connect Telematics

3. การสื่อสารกันระหว่างรถยนต์และสิ่งรอบข้าง

ตลาดรถยนต์ตอนนี้ไม่ได้ขายแค่เรื่องประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ละผู้พัฒนารถยนต์พยายามที่จะผนวกรวมเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในรถยนต์ของตัวเองด้วย หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการสื่อสารที่เรียกกันว่า Connected Car โดยแรกเริ่มจะเป็นการสื่อสารกันระหว่างรถยนต์และโครงสร้างพื้นฐานคือ Vehicle-to-infrastructure (V2I) และการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับสิ่งรอบตัว Vehicle-to-everything (V2X) มีประเทศต่างๆในโลกที่พยายามร่วมมือกับค่ายรถยนต์เพื่อพัฒนาสิ่งเหล่านี้ เป็นการเสริมความปลอดภัยและประสิทธิภาพของจราจร โดย GM เป็นผู้นำการสื่อสารแบบนี้ในระดับโลกดังนี้

-ปี2016บริษัทรถยนต์รายแรกที่พัฒนาระบบการสื่อสารในประเทศจีนให้รถยนต์สามรถใช้งานแอพพลิเคชั่นของระบบ V2Xเป็นที่ประจักษ์ต่อคนทั่วไป

-ปี2017 GMสามารถแสดงประสิทธิภาพของระบบ V2I ในนครเซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จบนถนนสาธารณะทั่วไป

-ปี2018 GMสามารถแสดงประสิทธิภาพและสาธิตการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับสิ่งรอบตัวผ่านการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือที่เรียกว่าC-V2Xที่เชื่อมต่อกับอุตสาหกรรมอื่นได้

ปี2019แม้ทางGMจะยังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแต่ด้วยสถิติที่ผ่านมาน่าจะมีอะไรออกมาเขย่าตลาดรถยนต์อย่างแน่นอน

เรียกว่าเป็นคู่กันมาเลยระหว่างรถยนต์ไร้คนขับและConnected Car แบบ V2X

เรียกว่าเป็นคู่กันมาเลยระหว่างรถยนต์ไร้คนขับและConnected Car แบบ V2X

ส่วนในประเทศไทย Connected Car ก็เริ่มแผ่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่ MG เปิดตัว i-Smart ทางแบรนด์อื่นๆก็กำลังจะตามมาในไม่ช้าไม่ว่าจะเป็น Toyota หรือ Honda ด้วยพื้นฐานแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า T-Connect และ Honda Connect ตามลำดับ จะมีฟังก์ชั่นที่ดีขึ้นออกมาตอบสนองความต้องการลูกค้าในเร็วๆนี้

4. การมีบทบาทที่มากขึ้นของการพิมพ์สามมิติ

ระบบการพิมพ์สามมิตินับว่าเริ่มเข้ามามีบทบาทตั้งแต่ที่มีรถยนต์คันแรกของโลกที่ทำจากการพิมพ์สามมิติและก็ออกให้จับจองกันแล้วในตลาดรถยนต์ของโลก มันมีชื่อว่า LSEV และราคาต้นทุนก็ถูกทำให้ราคาขายของมันในตลาดรถอยู่ที่ประมาณ 230,000 บาท ส่วนทางด้านGMมีการร่วมมือกับบริษัท Autodesk ที่ทำธุรกิจด้านการออกแบบและพัฒนาซอฟแวร์และมีความมุ่งหมายในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากการพิมพ์สามมิติเพื่อเน้นการลดต้นทุนของรถยนต์ และมีการตั้งเป้าว่าจะนำชิ้นส่วนการพิมพ์สามมิตินี้ติดตั้งในรถยนต์ระดับสูงหลายคันของGMเองภายใน1ปี และภายใน5ปี จะมีเป้าหมายที่จะผลิตชิ้นส่วนจากการพิมพ์สามมิติได้ในระดับหมื่นชิ้น นอกจากนั้นยังต่อยอดไปยังการพิมพ์สี่มิติที่นับจากนี่อีก5ปีเทคโนโลยีจะยิ่งพัฒนามากยิ่งขึ้น

รถยนต์ LSEV รถยนต์จากการพิมพ์สามมิติคันแรกของโลก

รถยนต์ LSEV รถยนต์จากการพิมพ์สามมิติคันแรกของโลก

ส่วนในประเทศไทยนั้น การพิมพ์สามมิติมีเข้ามาบ้างแล้วในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่กับตลาดรถยนต์นั้นแม้จะยังไม่มีให้เห็นอย่างเป็นทางการในตัวรถยนต์ แต่ความจริงแล้วในระดับการพัฒนาและวิจัยชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆก็เริ่มหันมาใช้การพิมพ์สามมิติเป็นชิ้นส่วนทดแทนมากขึ้น และเมื่อชิ้นส่วนนั้นทำหน้าที่ของมันในช่วงทดลองได้ดี ก็จะมีการนำมาใช้ในชิ้นส่วนจริงของรถยนต์ต่อไปแต่ต้องขึ้นอยู่บนพื้นฐานคุณภาพของชิ้นส่วนและตัวรถโดยรวมด้วย นับได้ว่าเป็นการแข่งขันในตลาดรถยนต์ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ระบบการพิมพ์สามมิติที่นับวันจะยิ่งก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ระบบการพิมพ์สามมิติที่นับวันจะยิ่งก้าวหน้ายิ่งขึ้น

จะเห็นว่าทั้ง4เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น ในปี2019ไม่ใช่ปีแห่งการเริ่มต้นเทคโนโลยีเหล่านี้แต่จะเป็นปีแห่งการต่อยอดของเทคโนโลยีดังกล่าวเนื่องจากว่ามันเป็นรูปธรรมมากขึ้นและบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง GM ก็เข้ามาลุยในเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มตัวเพื่อหวังจะครองตลาดรถยนต์ให้ยั่งยืนต่อไป ในประเทศไทยแม้GMจะไม่ใช่เจ้าตลาดแต่เทคโนโลยีที่กล่าวมานั้นก็มีให้เห็นในตลาดรถยนต์บ้านเรากันในระดับหนึ่งแล้ว และปี2019นี้ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นต่อไป

เพิ่มเติม
>> โลกเรายังล้ำไม่หยุด รถยนต์ที่ทำจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติคันแรกของโลก
>> 5 นวัตกรรมใหม่ๆเกี่ยวกับรถไร้คนขับในอนาคตอันใกล้นี้!

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่