นอกจากสมรภูมิรถพลังงานไฟฟ้าที่ทุกค่ายต้องงัดกลยุทธ์และทรัพยากรที่มีมาฟาดฟันกันอย่างดุเดือด สมรภูมิชี้ชะตาในอนาคตที่ไม่ควรมองข้ามคือการยกระดับเทคโนโลยีวงการยานยนต์ด้วยระบบ Self-Driving ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอนาคต
Toyota Self-Driving
แม้ว่าค่าย Toyota จะเป็นบริษัทที่ใหญ่ ทรัพยากรมหาศาลทั้งบุคลากร เทคโนโลยียานยนต์ และเงินทุน แต่ยังไงก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับกระแสยุคใหม่ทั้งระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีไร้คนขับ สำหรับ Toyota ทีมงานระดับล่างอาจจะยังไม่ค่อยรับรู้ความรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เท่าไหร่ แต่ผู้บริหารระดับบนคงรู้สึกได้ชัดเจนและอาจจะแอบกุมขมับหาวิธีรับมือรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
ปัจจุบันเทคโนโลยีไร้คนขับจะถูกผลักดันจากฝั่ง IT Startup กันเสียส่วนใหญ่ การโจมตีเพื่อเข้าครองพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีรุกล้ำเข้ามาในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งมีเจ้าใหญ่ๆครองตลาดอยู่เดิมโดยเฉพาะกลุ่ม Toyota ได้ก่อตั้ง Toyota Research Institute-Advanced Development ขึ้นและลงทุนไปกับการพัฒนา Self-Driving ไปประมาณ 88,000 ล้านบาท โดย Toyota จะถือหุ้นทั้งหมด 90% , Denso 5% กับ Aisin Seiki อีก 5%
ดูเพิ่มเติม:
>>โปรโมชั่น VIOS ALL IS POSSIBLE 2018 ดาวน์เริ่มต้น 37,700 บาท
>> จุดเด่น Toyota Innova Crysta 2018
Toyota อัดเม็ดเงิน 88,000 ล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยี Self-Driving
Toyota Research Institute-Advanced Development มีทีมงานทั้งหมดประมาณ 1,000 คน โดยสถาบันวิจัยแห่งนี้มีภารกิจหลักๆคือมุ่งไปที่งานวิจัยและพัฒนา Self-Driving ให้ทำงานแบบมีประสิทธิภาพสูง โดยทีมงานของสถาบันวิจัยฯมีการดึงบุคคลเก่งๆเข้ามาเป็น partner ด้วย ทั้งจาก Microsoft และ Uber อีกด้วย หากมองการแข่งขันระบบ Self-Driving ในตอนนี้ มีความจำเป็นที่ต้องปรับตัวแต่จะปรับตัวอย่างไรให้มีต้นทุนที่ถูกเพื่อลดความเสี่ยงนั่นคือสิ่งที่ Toyota กำลังสนใจ
ดูเพิ่มเติม:
>>Toyota กำไรทะลุ 7.28 แสนล้าน เตรียมรับมือกลุ่มไอทีบุกตลาดรถยนต์
>>Toyota Innova Crysta 2018 ใหม่ ใหญ่ขึ้น หรูขึ้น ดีขึ้นไหม?
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้และอย่าลืมแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย