Ford Ranger “กระบะพันธุ์แกร่ง” เตรียมกลับมาทำตลาดรถปิคอัพขนาดกลางในสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการในงาน “Detroit auto show 2018” หลังจากเลิกทำตลาดไปตั้งแต่เมื่อปี 2011 และทาง Ford ก็ได้นำ F-150 มาทำตลาดแทน แม้การเปิดตัวของ Ranger ครั้งนี้ไม่ค่อยสร้างความตื่นเต้นให้กับสื่อมากสักเท่าไรนักเพราะเป็นโมเดลเดียวกับที่ทำตลาดอยู่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย แต่ก็มีอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับตัวรถที่น่าสนใจไม่น้อย
Ford Ranger 2018 เวอร์ชั่นอเมริกา กลับมาแล้วพร้อมเครื่องยนต์ Ecoboost 2.3L
ต้องใช้คำว่า “การกลับมา” ของรถปิคอัพขนาดกลางจาก Ford ด้วยเหตุผลของคนมะกันที่ต้องการรถที่คล่องตัว เป็นปิคอัพทางเลือกให้กับยุคราคาน้ำมันพุ่งสูง อีกทั้งยังเป็นการปล่อยหมัดเด็ดเพื่อตอบโต้คู่แข่งในตลาดรุ่นอื่นๆ บ้างอย่าง Chevrolet Colorado, GMC Canyon, Honda Ridgeline, Nissan Frontier และ Toyota Tacoma
หน้าตาถูกปรับใหม่จากโมเดลเดิมที่ทำตลาดอยู่ทั่วโลก ให้ดูเฟรช สดใหม่ยิ่งขึ้นเพื่อต้อนรับการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของ Ford Ranger ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้ารูปทรงใหม่ ดูดุดันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยใช้การสลับสีของเทาดำและสีเงินตัดกันที่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีไฟวิ่งกลางวัน Daytime แบบ LED รวมถึงไฟท้ายก็เป็น LED รูปทรงใหม่ด้วยเช่นกัน ฝาท้ายกระบะดีไซน์ใหม่ถูกออกแบบเพิ่มความเป็นสปอร์ตยิ่งกว่า ด้านบนออกเป็นสปอยเลอร์นิดๆ ปั้มตรา “Ranger” ตัวนูน ทำให้นึกถึงกระบะยุคเก่าได้ไม่น้อย เข้ากันได้ดีกับกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ที่รูปทรงต่างไปจาก Ranger รุ่นที่ทำตลาดอยู่ก่อนหน้า
Ford Ranger US Version ดูสดใหม่น่าขับมากขึ้น
เรื่องขุมกำลังของ Ford Ranger US Version เป็นขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.3L Ecoboost ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 Speed เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังมาตรฐานในทุกรุ่นและส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีให้เลือกเป็นออฟชั่นเสริม โดยตัวเครื่องยนต์ 2.3L ตัวนี้คาดว่าจะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันที่อยู่ใน Ford Mustang 2.3 EcoBoost Turbo ที่เพิ่งเปิดตัวมาเมื่อไม่นาน ปล่อยพละกำลังม้ากว่า 314 ตัว ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 434 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ช่วงล่างแบบดับเบิลวิชโบนพร้อมโช็คอัพแบบ Monotube ที่ด้านหน้าและแหนบซ้อนที่ด้านหลังแบบ Parabolic มีแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ
ฝาท้ายแบบใหม่ ปั้มตัวหนังสือไม่ได้ติดสติกเกอร์
ภายในทำออกมาไม่ต่างกับ Ford Ranger และ Everest บ้านเรามากนัก แต่เพิ่มลูกเล่นด้วยการเดินตะเข็บบริเวณคอนโซลมาพร้อมกับสัญลักษณ์ “Ranger” โทนสีดำ รูปทรงของเบาะแตกต่างกับเวอร์ชั่นที่ขายในประเทศไทยพอสมควร พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัส 8 นิ้วที่รองรับระบบ “SYNC3” ใช้ได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทำงานร่วมกับเครื่องเสียงคุณภาพระดับไฮเอนและมี 4G LTE WiFi hotspot สามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ถึง 10 ตัว
ภายในเบาะนั่งแตกต่างกับ version ไทย
เรื่องระบบความปลอดภัย ลูกเล่นของ Ranger ในเวอร์ชั่น US ไม่ต่างกับ Ranger หรือ Everest บ้านเรามากนัก โดยระบบความปลอดคร่าวๆ มีดังต่อไปนี้
ระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection)
ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง (Blind Spot Information System)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Reverse Sensing System)
ติดตั้งระบบเบรกอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking)
ระบบช่วยไม่ให้ออกนอกเลน (Lane Departure Warning system)
ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน (Lane Keeping Assist)
ระบบ Adaptive Cruise Control
Ford Ranger US Version จะรุ่นย่อยต่างกันในเลือกอยู่ 3 รุ่นได้
รุ่น XL
รุ่น XLT
รุ่น Lariat
*แพ็คเกจการตกแต่งแบบ Chrome และ Sport
ซึ่งรูปแบบการตกแต่งทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ตัวถังของทั้งแบบ Super Cab(มีแค็ป) และ Super Crew (4 ประตู) เรื่องแพ็คเกจการตกแต่งที่น่าสนใจในชื่อของ “FX4 Off-Road Package” มีลูกเล่นมาเอาใจสำหรับขาลุยที่ต้องการเพิ่ม Performance ของรถแบบเต็มขั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับแต่งช่วงล่างทั้งในส่วนของ ช็อคอัพ, ยางแบบ All-Terrain, แผ่นกันกระแทกใต้กันชนหน้า และแพ็คเกจเพิ่มโหมดการชับขี่ “Terrain Management System” มีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมด
Ranger Version US มีแพ็คเกจเพิ่มเติมเพิ่มความสนุกในการขับขี่
หน้าตาของ Ranger เวอร์ชั่น US นั้นดูสดใหม่ น่าสนใจกว่ารุ่นที่มีขายทำตลาดอยู่ทั้งในไทยและทั่วโลกตอนนี้ เรื่องดีไซน์การออกแบบภาพรวมสอดคล้องกับภาพ Ranger สีน้ำเงินที่เคยถูกจับภาพการวิ่งได้ในประเทศไทย ซึ่งหลายฝ่ายคาดกันว่าจะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ Ranger ที่ทำตลาดอยู่ทั่วโลก บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในเรื่องของรุ่นไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นขายในไทย จะออกมาหน้าตาใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นของ US อาจมีแตกต่างบ้างเรื่องรายละเอียดออฟชั่น
ส่วนเรื่องราคาของ Ranger US Version ยังไม่มีการออกมายืนยันตัวเลขที่ชัดเจนทั้งในส่วนของตัวรถและการเพิ่มออฟชั่นแพ็คเกจพิเศษ แต่ Ford Ranger US Version คันนี้ถูกกำหนดช่วงเวลาที่จำหน่ายออกมาแล้วนั่นคือช่วงต้นปี 2019
ดูเพิ่มเติม