หัวหน้าฝ่ายพัฒนาของ Ford มองว่าพาหนะไร้คนขับต้องอาศัยกำลังคำนวณ (Computing Power) เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ก่อนรถเหล่านั้นจะถูกเปิดตัวในอนาคต
เชอริฟ มารัคบี้ หัวหน้าแผนกการพัฒนาพาหนะไฟฟ้าและพาหนะไร้คนขับของฟอร์ด
เชอริฟ มารัคบี้ หัวหน้าแผนกการพัฒนาพาหนะไฟฟ้าและพาหนะไร้คนขับของฟอร์ด ได้ขึ้นปาฐกฐาในการประชุมที่จัดโดย Original Equipment Suppliers Association เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 โดยกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับคือการสร้างกำลังคำนวณมากพอเพื่อสนับสนุน การทำงานในตัวรถ
มารัคบี้กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ เพราะกำลังนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้พาหนะทำงานในทุกสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาจาก Level 4 สู่ Level 5 ความสามารถในการทำงานทุกสภาพแวดล้อม ต้องใช้เทคโนโลยีในเรื่องเซนเซอร์ แต่เทคโนโลยีการคำนวณก็เช่นกัน"
ฟอร์ดวางแผนเปิดตัวยานยนต์ไร้คนขับ Level 4 ในปี 2564 คากว่าจะใช้งานภายในพื้นที่ภายในเขตเสมือนที่มีการกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์ เช่น บริการส่งผู้โดยสาร และบริการส่งของ แต่เมื่อไรที่ Level 5 ซึ่งสามารถทำงานนอกพื้นที่เสมือนได้ ลงสู่ท้องถนน มารัคบี้มองว่าตัวรถคันต่างๆ ต้องใช้การคำนวณข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาพโดยรอบจำนวนมาก สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในตัวรถและในระบบคลาวด์ โดยที่ฟอร์ดจะติดตั้งการเชื่อมสัญญาณแบบโมเด็มในรถทุกคันภายในปี 2562 และกำลังทำให้รถของฟอร์ดสามารถเชื่อมต่อหากันได้ และเชื่อมต่อกับสาธารณูปโภคข้างทางได้
มารัคบี้ยังเผยไต๋ว่าฟอร์ดจะปล่อยรถไร้คนขับที่เมืองในสหรัฐฯที่มีอากาศดี ฟอร์ดได้ทดสอบพาหนะไร้คนขับที่รัฐแคลิฟอร์เนีย อริโซน่า และมิชิแกน และปีที่แล้วเป็นค่ายแรกที่ทดสอบในสภาวะหิมะตกภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของฟอร์ดในการสร้างยานยนต์เพื่ออนาคต ทำให้ผู้คนไม่ต้องขับรถเองอีกต่อไป เพื่อลดอุบัติเหตุต่างๆ เช่นเมาแล้วขับหรือขับรถโดยประมาท สามารถอำนวยความสะดวกแก่บริการส่งสินค้าทั้งหลายทำให้ลดปัญหาสินค้าถึงมือลูกค้าช้ากว่ากำหนด โดยทางรัฐบาลสหรัฐฯเองได้วางแผนสร้างเลนถนนสำหรับรถไร้คนขับอย่าง "ไฮเปอร์เลน" นอกจากนี้ เทคโนโลยีการสื่อสารในรถฟอร์ดคือการเข้ามาของเทคโนโลยีที่เรียกว่า Internet of Things (IoT) ทำให้ผู้ใช้รถไม่ต้องกังวลถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนนอีกต่อไป
อ่านเพิ่มเติม