Lamborghini Urus รถ SUV รุ่นแรกจากค่ายกระทิงเปลี่ยวกับประวัติศาตร์อันยาวนานกว่า 54 ปีกับชื่อเสียงที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักในรถประเภท Super Car ซะมากกว่าของทางค่าย
Lamborghini Urus 2018
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับแนวคิดที่จะผลิตรถที่ลุยใช้ได้ทุกสภาพถนน เพราะทาง Lamborghini เคยผลิตรถรุ่น LM002 หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งคือ Lamborghini Truck มาแล้วกับรูปทรงคล้ายรถ SUV เพียงแค่มีกระบะท้ายเพิ่มออกมา จนมาตอนนี้กับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับ Super SUVs อย่าง Lamborghini Urus 2018
'Design' การออกแบบที่สุดโต่ง
ภายใต้การออกแบบอันน่าทึ่งในสไตล์รถอิตาลีของ Urus ที่นำความโดดเด่นที่สุดเข้ามาสู่ตลาด แม้ว่ารถในประเภท Super SUVs จะมีตัวเลือกมากมายแต่ Urus คันนี้จะมอบความพิเศษที่เหนือกว่าเปรียบดั่งการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ เอกลักษณ์อันโดดเด่นจากดีไซน์ของตัวรถ คล้ายกับถอดร่างมาจาก Lamborghini Aventador S ด้วยไฟหน้ารูปทรงเพียวบางกับช่องดักลมขนาดใหญ่ ต่อมาจนหลังคาที่ลาดลงไปด้านหลัง ยิ่งทำให้เส้นสายความงามเด่นชัดยิ่งขึ้น ไปจนถึงท้ายรถ แม้ว่ากระแสข่าวของรถรุ่นนี้ Urus จะมีออกมานานแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ทำให้การเผยโฉมตัวเต็มครั้งนี้น่าสนใจน้อยลงเลย ด้วยเป้าหมายสำคัญที่จะให้ Urus เป็นรถที่ขับใช้งานได้ทุกวันของ Lamborghini
Lamborghini Urus 2018
'Tech' ความล้ำที่นำหน้า
ภายใน Lamborghini ให้ความสำคัญของเรื่องเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งไอเดีย ความสุดโต่ง ล้ำสมัย อันเป็นที่สุดทุกอย่างคือจุดเด่นสำคัญของรถรุ่นนี้ กับหน้าจอขนาดใหญ่ 2 แบบตรงกลางคอนโซล หนึ่งจุดใช้แสดงระบบ infotainment ที่ด้านหลังและอีกหนึ่งสำหรับการตั้งค่าการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
ผู้ขับขี่ Urus ยังสามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ เพิ่อประสบการณ์ความสนุกที่มากย่ิงขึ้น เมื่อได้อยู่หลังพวงมาลัยของ Urus คันนี้ กับสี่โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสภาพถนนทั้งแบบ Strada Sport Corsa (ถนนปกติ), Neve (พื้นผิวถนนแบบหิมะ), Terra (โหมดลุยแบบ off-road) และ Sabbia (โหมดถนนที่เป็นทราย) ซึ่งทุกโหมดการขับขี่มีการปรับแต่งระบบช่วงล่าง ความไวของพวงมาลัย ระบบการขับเคลื่อนและความสูงของตัวรถที่แตกต่างกัน
ภายในยังคงความหรูหราสปอร์ต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีในสไตล์ Lamborghini
'Performance' แค่ชื่อก็การันตีสมรรถนะ
Urus มีเครื่องยนต์ที่ใช้บริการ Turbo เข้ามาใช้ในรถ Production ครั้งแรกใน Lamborghini ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0L เทอร์โบคู่ปล่อยฝูงม้าจำนวนมหาศาลกว่า 650 ตัวไปที่ระบบขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed พร้อมความแรงที่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใช้เวลาเพียง 3.6 วินาทีเท่านั้น และสามารถเร่งความเร็วได้กว่า 186 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งความแรงของ Urus ที่สามารถทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมออกแบบ ที่ออกแบบโครงสร้างตัวรถน้ำหนักเบาที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งผลให้อัตราส่วนกำลังเครื่องยนต์ต่อน้ำหนักตัวดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายๆ รุ่น
Lamborghini Urus 2018 กับเป้าหมายที่จะให้เป็นรถที่ใช้งานได้ทุกวันของ Lamborghini
Lamborghini ได้เริ่มต้นการผลิตเจ้ากระทิงเปลี่ยวขาลุย Urus นี้แล้วที่โรงงานใน Sant'Agata Bolognese ประเทศอิตาลี หลังจากผ่านการทดสอบอันแสนหฤโหดมากมายทั้งบนเส้นทางหิมะ ทะเลทรายและเส้นทางอันทุรกันดารทั่วโลก และพร้อมจะจัดส่ง Urus คันแรกในช่วงต้นปี 2018 กับราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐหรือราว 7 ล้านบาทไทย
ดูเพิ่มเติม
>> 5 อันดับ รถราคาแพงที่สุดในโลก
>> Lamborghini เปิดตัว โชว์รูม ใหญ่ที่สุดในโลกที่ ดูไบ