สหภาพยุโรปเผยแผนเกี่ยวกับการจ่ายค่าธรรมเนียมและค่าปรับรถยนต์ที่มีการปล่อยมลพิษสู่อากาศ โดยให้จ่ายค่าปรับตามปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมา อีกทั้งยังผ่อนผันค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือ Eco Car เพื่อกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์เป็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่ามาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกหรือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จากการคมนาคมและการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ลง เฉลี่ยร้อยละ 30 ภายในปี 2030 โดยมีข้อกำหนดว่าภายในอีก 7 ปี จะต้องมีค่าเฉลี่ยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างน้อย ร้อยละ 15 หากมีการละเมิดปล่อยมลพิษ ก็จะต้องจ่ายค่าปรับ โดยกำหนดให้ผู้ขับขี่จ่ายค่าปรับเป็นรายปี ตามจำนวนกรัมของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาเกินอัตราที่กำหนด โดยมีอัตราค่าปรับที่กรัมละ 95 ยูโร หรือราว 3,700 บาท ส่วนรถที่มีการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ต่ำกว่า 50 กรัม ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ให้ถือว่า ยังคงเป็นรถประหยัดพลังงานอยู่ (hybrid vehicles)
นอกจากจะลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปยังชี้ด้วยว่าการออกมาตรการนี้จะกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ผลิตยานยนต์ที่ใช้งานโดยระบบไฟฟ้า (electric vehicles) ในยุโรป ซึ่งระยะหลังในระยะหลังเริ่มซบเซาลง เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตของจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาพัฒนากว่า ส่งผลให้ผู้ใช้งานรถยนต์ หันไปใช้ยานพาหนะที่ผลิตจาก 3 ประเทศนี้แทน เช่น บริษัทแท็กซี่แห่งหนึ่ง ในกรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียม ที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า (electric cars) จากจีน
อย่างไรก็ตามมาตรการนี้ยังเป็นเพียงข้อเสนอ นาย Sigmar Gabriel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีแสดงความเห็นว่า มาตรการนี้เข้มงวดเกินไป และการนำมาตรการลดการปล่อยมลพิษมาใช้รวดเร็วเกินไป อาจส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต
อ่านต่อเพิ่มเติม
>>>พลังงานรถยนต์แบบไหนที่ใช่สำหรับเรา
>>>ฟอร์ดจับมือบริษัทจีน พัฒนารถยนต์ไฟฟ้า
>>>รถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นเด็ด เตรียมเข้ามาขายในไทยแล้ว คาดเปิดตัวปีหน้า เตรียมเงินรอไว้ได้เลย