ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มีอายุตั้งแต่ 14-50 ปี และพบว่าอุบัติเหตุช่วงหลังจะเกิดกับรถบิ๊กไบค์ที่ผู้ขับขี่ขาดทักษะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีราคาค่อนข้างแพงได้มากขึ้น เนื่องจากมีระบบเงินผ่อน มีวงเงินดาวน์ไม่มากและส่วนหนึ่งมาจากบริษัทผู้ผลิตมาตั้งฐานการผลิตในไทย ทำให้มีราคาถูกลง โดยสามารถแบ่งผู้ขับขี่ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มีอายุตั้งแต่ 14-50 ปี และพบว่าอุบัติเหตุช่วงหลังจะเกิดกับรถบิ๊กไบค์ที่ผู้ขับขี่ขาดทักษะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ปัจจุบันสามารถเข้าถึงรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีราคาค่อนข้างแพงได้มากขึ้น เนื่องจากมีระบบเงินผ่อน มีวงเงินดาวน์ไม่มากและส่วนหนึ่งมาจากบริษัทผู้ผลิตมาตั้งฐานการผลิตในไทย ทำให้มีราคาถูกลง โดยสามารถแบ่งผู้ขับขี่ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มผู้ใหญ่อายุมากจะขี่รถจักรยานยนต์แพง ๆ คันเป็นล้าน
2. กลุ่มวัยทำงานที่มีความจำเป็นต้องใช้รถขนาดใหญ่ ขนาดกลาง
3. กลุ่มวัยรุ่น คือเด็กมัธยมถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งกลุ่มนี้น่าห่วงเพราะวุฒิภาวะยังน้อย ขาดทักษะในการขับขี่ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และบ่อยครั้งสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ด้วยการแต่งท่อไอเสียที่เสียงดังเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
กระแสบิ๊กไบค์กำลังอยู่ในความสนใจของเยาวชน ผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อยเป็นคนในกลุ่มนี้ และบ่อยครั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นของบิ๊กไบค์ผู้ขี่มักเป็นวัยรุ่นอายุยังน้อย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่คิดว่าไม่ต้องเรียนก็ขับได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย และทุกครั้งที่ซื้อรถบิ๊กไบค์จะมีคอร์สเรียนให้อยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่ไม่เรียนเพราะคิดว่าขี่ได้แล้ว แต่การที่ขี่บิ๊กไบค์ได้กับขี่เป็นต่างกัน ผู้ปกครองที่คิดจะซื้อรถบิ๊กไบค์ลูกต้องดูความเหมาะสมและพฤติกรรมของลูกด้วย
ควรจะมีการทำใบขับขี่ประเภทรถขนาดใหญ่ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มีมติให้รถที่มีความจุกระบอกสูบ 400 ซี.ซี.ขึ้นไป และผู้ที่สอบต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปถึงจะสามารถทำใบขับขี่รถขนาดใหญ่ได้ ซึ่งในต่างประเทศมีการนำมาบังคับใช้ และมีประสิทธิภาพจึงนำมาปรับใช้ในประเทศไทย ในอนาคตอาจจะต้องมีสถาบันการฝึกอบรมการขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยครูฝึกจะเป็นผู้ประเมินว่าผ่านหรือไม่