ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวที่ว่าหากใครเมาแล้วขับ ตำรวจจะทำการการยึดรถยนต์ของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แล้วขับ รถ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เผยว่า เป็นการดูแลเหมือนผู้ขับขี่รถยนต์ประหนึ่งญาติพี่น้อง เรามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองลงพื้นที่ หากพบว่าใครดื่มแอลกอฮอลล์แล้วขับขี่จะทำการยึดกุญแจรถไว้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการยึดรถอย่างที่เป็นกระแสข่าวในตอนนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทำการขับขี่ในขณะมึนเมา
ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวที่ว่าหากใครเมาแล้วขับ ตำรวจจะทำการการยึดรถยนต์ของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แล้วขับ รถ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เผยว่า เป็นการดูแลเหมือนผู้ขับขี่รถยนต์ประหนึ่งญาติพี่น้อง เรามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองลงพื้นที่ หากพบว่าใครดื่มแอลกอฮอลล์แล้วขับขี่จะทำการยึดกุญแจรถไว้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการยึดรถอย่างที่เป็นกระแสข่าวในตอนนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทำการขับขี่ในขณะมึนเมา
มาตรการดังกล่านี้ออกมาก็เพราะความเป็นห่วง ดีกว่าปล่อยให้ขับขี่ไปแล้วถูกจับกุม หรืออาจก่อให้เกิดอุบัตเหตุอันทำให้เกิดความสูญเสีย จึงขอยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สถิติอุบัติเหตุลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งเราได้ตั้งเป้าไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย หากจะเกิด ก็ต้องน้อยที่สุด และขอฝากให้ทุกภาคส่วนสร้างวินัยในการขับขี่ และสร้างวัฒนธรรมในการใช้รถใช้ถนน ควบคู่กับการบังคับใช้กฏหมาย ซึ่งจะทำให้ลดการสูญเสียลงได้มาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลใดก็ตาม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์จากกระทรวงกลาโหม สั่งการผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ทุกจังหวัดดูแลความปลอดภัยประชาชน และนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้เน้นย้ำให้ข้าราชการฝ่ายปกครองและตำรวจท่องเที่ยวร่วมกันวางมาตรการ รักษาความปลอดภัยในพื้นที่จัดงานเคาท์ดาวน์อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะจุดจัดงานดังกล่าวที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องเตรียมความพร้อม วางแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารในการดูแลรักษาความปลอดภัย ให้รอบคอบ นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ต้องร่วมมือกันลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ได้