พันธกิจในการปฏิรูปองค์กร จาก บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ สู่การเป็น องค์กรแห่งการขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
โตโยต้า เปลี่ยนกรรมการผู้จัดการใหญ่
การปรับโครงสร้างองค์กรประจำปีในครั้งนี้ ด้วยการปรับตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูง มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่จะเดินทางกลับไปปฏิบัติงาน ณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น หลังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นเวลา 4 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2560
ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทฯ ได้มีการยกระดับการดำเนินงานขององค์กรในหลากหลายมิติ การวางรากฐานเพื่อรองรับโครงการรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า อาทิ
มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ
นอกจากด้านการตลาดแล้ว มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการบริหารทรัพยากรบุคคล ทั้งการแต่งตั้งบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพให้ได้รับบทบาทในตำแหน่งงานบริหาร การสนับสนุนบรรยากาศการทำงานเชิงรุกโดยกระตุ้นให้พนักงานเฟ้นหานวัตกรรมการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงเป็นแบบอย่างในการปลูกฝังวัฒนธรรมการศึกษาปัญหา ณ หน้างาน (Genchi Genbutsu)
โดยทำการรับฟังความคิดเห็นจากทั้งผู้แทนจำหน่ายและลูกค้าทั่วประเทศผ่านการลงพื้นที่และรับฟังการดำเนินงานของผู้แทนจำหน่ายในทุกจังหวัดเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และการบริการให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2563 นี้ มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ ยังเป็นผู้ผลักดันให้เกิดหลากหลายกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทยในช่วงวิกฤติภายใต้โครงการ โตโยต้าเคียงคู่ไทย สู้ภัยโควิด-19 “Toyota Stay With You” ตลอดจนมีส่วนสำคัญในการเร่งฟื้นฟูสถานการณ์ของบริษัทฯ เพื่อช่วยขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และภาคเศรษฐกิจของประเทศ
ซึ่งจากกิจกรรมทั้งหมดนี้ ถือได้ว่า มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ ได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเติบโตแก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ ตลอดจนช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคสังคมของประเทศไทยอย่างแท้จริง
สำหรับ มร. โนริอากิ ยามาชิตะ ที่เข้าดำรงตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการใหญ่” แทน มร. ซึงาตะ นั้นเป็นผู้อำนวยการ จากสายงานสนับสนุนการขายและการตลาด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น โดย มร. ยามาชิตะ ได้สั่งสมความเชี่ยวชาญในการวางแผนปฏิบัติการขายรถยนต์ในระดับสากลตลอดระยะเวลาการทำงานกว่า 3 ทศวรรษ นับตั้งแต่เริ่มงานกับ บริษัทฯ
ในปี 2528 โดยได้รับประสบการณ์การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ยุโรป มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง ระหว่างปี 2543-2545 และ บริษ้ท โตโยต้า มอเตอร์ นอร์ธ อเมริกา ระหว่างปี 2557-2560 ตามลำดับ ทั้งนี้ มร. ยามาชิตะ เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนหลากหลายโครงการที่มีความสำคัญในระดับโลกให้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น อาทิ โครงการ “Start Your Impossible” การกำหนดวิสัยทัศน์องค์กรระดับสากล “Mobility for All” รวมถึงหลากหลายกิจกรรมในการส่งเสริมกลยุทธการตลาดดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย โดย มร. ยามาชิตะ มีความตั้งใจในการนำประสบการณ์ดังกล่าวนำพา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งสู่ความสำเร็จยิ่งขึ้นไป
มร. มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า “ผมอยากจะใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อทุก ๆ ท่านที่ให้การสนับสนุนเราเสมอมา ไม่เพียงเฉพาะต่อตัวผม แต่รวมถึงการสนับสนุนอันดีต่อ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ตลอดช่วงเวลาที่ผมได้ดำรงตำแหน่งนี้ผมได้ผ่านประสบการณ์อันน่าจดจำมากมาย ทั้งจากความพยายามในการนำพาบริษัทฯ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้มีความสามารถในการแข่งขับในระดับโลก หรือ การร่วมฟันฝาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีนี้ “
“การดำรงตำแหน่งในครั้งนี้ นับเป็นการเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งที่ 2 ของผมในประเทศไทย ผมขอบคุณและจะจดจำรอยยิ้มและน้ำใจจากทุกท่านที่มีต่อผมอย่างเสมอมา ทั้งในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่และการดำรงชีวิตในประเทศอันสวยงามนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุก ๆ ท่าน จะให้การต้อนรับและการสนับสนุนอันดีแก่กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ดังเช่นไมตรีจิตที่มีให้ผมอย่างเสมอมา”
มร. โนริอากิ ยามาชิตะ
ทั้งนี้ มร. โนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวภายหลังจากรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ว่า “สำหรับโตโยต้านั้น ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของเราในระดับโลก ซึ่งผมเองมีความตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้ร่วมงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้แทนจำหน่าย บุคลากร ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ
ในฐานะ “กรรมการผู้จัดการใหญ่” ของบริษัทฯ ทั้งนี้ ผมจะสานต่อพันธกิจในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างบริษัท ฯ และ สังคมไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการปฏิรูปองค์กรสู่การเป็น “องค์กรแห่งการขับเคลื่อน” เพื่อเป็นการส่งมอบความสุขที่มากขึ้นแก่พี่น้องชาวไทย ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตและร่วมพัฒนาสังคมไทยสู่ความรุ่งเรืองต่อไป”
ประวัติส่วนตัว
ประวัติการทำงาน:
คุณจำเป็นต้องซื้อรถดูตอนนี้ รถมือ 2