หลังจากประกาศชัดเจนว่า "มาแน่" กับตลาดรถเมืองไทยในการเปิดตัวรุ่นใหม่ถอดด้ามแต่หน้าเดิมของค่ายรถอย่าง Chevrolet ที่ส่ง All-New Chevrolet Captiva ให้พร้อมลุยตลาดรถ SUV ในกลุ่ม C-Segment หรือ SUV ไซส์เล็ก ที่กำลังเติบโตได้สวยทีเดียวในบ้านเรา
หมายกำหนดการกางเอาไว้ว่าเดือนกันยายนนี้ คอรถยนต์ชาวไทยจะได้เห็น "ตัวจริง" ของ All-New Chevrolet Captiva อย่างแน่นอน หลังจากที่เคลิ้มไปกับความสวย ลงตัวด้วยงานออกแบบที่เรียกว่าใหม่หมด ลบภาพตัวอ้วนฉุ แต่เปลี่ยนไปในเพรียวสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
กระนั้นก็ตาม แม้รูปลักษณ์ภายนอกของ All-New Chevrolet Captiva จะสวยและถูกใจคอรถยนต์อย่างมาก แต่ว่ามันจะ "สวยแต่รูป" พอ "จูบแล้วจะหอม" หรือเปล่า เพราะหัวใจหลักของรถยนต์ที่มักถูกตั้งคำถามคือระบบของ "เครื่องยนต์" ที่เป็นตัวรีดประสิทธิภาพสำหรับ All-New Chevrolet Captiva มันจะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน
คำอธิบายถึงระบบส่งกำลังของ All-New Chevrolet Captiva ในส่วนของข้อมูลกว้างๆ ก่อนที่เราจะพาไปลงลึกในรายละเอียดการทำงาน คือ
- เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ทำงานร่วมกับระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ (CVT)
- ให้แรงม้า 143 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร
- วัสดุที่ใช้ในเครื่องยนต์ เป็นวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน อาทิ โลหะที่แข็งแรงทนทาน ทนต่อสภาพความร้อนสูง และน้ำหนักเบา
ส่วนรายละเอียดของการทำงาน ที่เชฟโรเลตเผยข้อมูลออกมาสำหรับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จที่ไปอยู่ใน All-New Chevrolet Captiva ก่อนอื่นนั้น มันถูกปรับขนาดของเครื่องยนต์ให้มีความเหมาะสมจากรุ่นก่อนหน้าที่ใช้เครื่องยนต์ไซส์ใหญ่กว่าที่ขนาด 2.4 ลิตร ซึ่งผลจาการปรับขนาดเครื่องยนต์ก็ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถยนต์คันนี้น้อยลงกว่าเดิมไปถึง 200 กิโลกรัม แต่ขณะเดียวกันมันก็ยังคงความแรงและสมรรถนะเอาไว้เหมือนเดิม นั่นเพราะยังมีสิ่งที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ตัวที่สอง นั่นคือระบบเทอร์โบชาร์จที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามา
การปรับขนาดเครื่องยนต์ของเชฟโรเลตในตัว All-New Chevrolet Captiva ยังเป็นการเปิดทางให้การทำงานของเทอร์โบชาร์จเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาดเล็กของเครือเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือ จีเอ็ม ที่เป็นเจ้าของเชฟโรเลต ผลที่ว่าเมื่อมีเทอร์โบเข้ามา มันก็เพิ่มความสนุกในการขับขี่ เพราะมีอัตราเร่งจากแรงบิดที่เชฟโรเลตเคลมว่ามัน "ดีที่สุด" ในบรรดากลุ่ม SUV C-Segment เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าเทอร์โบชาร์จเจอร์ตัวนี้ก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐอเมริกา เพราะมีการติดตั้งเข้าไปในเครื่องยนต์มากขึ้นถึง 49% ในปี 2560 ที่ผ่านมา
หน้าตาของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ
ชัชวาล จันทเขต ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ จีเอ็ม ประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงระบบเทอร์โบชาร์จในรถยนต์คันนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ว่า มันถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความสำคัญกับรถยนต์ที่มีขนาดและน้ำหนักลดลงอย่างรถอเนกประสงค์ All-New Chevrolet Captiva เพราะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้ดียิ่งขึ้น นั่นหมายถึง เราผลิตเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงความแรงและสมรรถนะที่สูงไว้ได้เพื่อให้ลูกค้าของเราขับขี่ไปได้ไกลอย่างที่ใจต้องการ
ดูเพิ่มเติม
>> พาไปรู้จักความเป็นมาของ Chevrolet ค่ายรถอเมริกันถูกใจคนชอบรถสไตล์อึด
>> ไม่ถึงล้านก็น่าสน New Chevrolet Captiva พร้อมลุยตลาดไทย
ขณะที่การทำงานของระบบ เทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่สามารถรีดพละกำลังให้กับเครื่องยนต์ได้มากขึ้น มันเกิดจากการไหลเวียนของอากาศภายในเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการอัดอากาศเข้ากระบอกสูบมากขึ้น ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์โดยเฉพาะอัตราเร่งเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ใช้การดึงไอเสียจากรถยนต์ไปหมุนใบพัดเพื่อช่วยในการอัดมวลอากาศเข้าไปในเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับเครื่องยนต์
เทคโนโลยีในด้านเครื่องยนต์ที่ถูกนำมาใช้ All-New Chevrolet Captiva มันยิ่งทรงประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อไปจับคู่กันกับ ระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ (CVT) ซึ่งทางค่ายเชฟโรเลตได้ร่วมพัฒนาระบบเกียร์กับ Bosch บริษัทอะไหล่ยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ซึ่งระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ จะใช้เซ็นเซอร์ในการประมวลสภาพถนน เพื่อ"เพิ่ม" หรือ "ลด" อัตราการเร่งที่มี 8 ระดับอย่างนุ่มนวล ซึ่งการประมวลจะผ่านโปรแกรมคำนวนอัจฉริยะ
เชฟโรเลตเคลมว่าเครื่องยนต์จะทำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อจับคู่กับ ระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ (CVT)
ขณะเดียวกัน ก็ยังติดตั้งโหมดการทำงานของเครื่องยนต์เอาไว้ที่ 2 ระดับเพื่อให้เลือกใช้ ทั้ง โหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ (Eco) หรือโหมดสปอร์ต (Sport)ที่จะรีดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ออกมาให้เต็มที่
ความแรงของเครื่องยนต์บล็อกนี้จากการพัฒนาของเชฟโรเลต ทำให้มันถูกรีดแรงม้าออกมาจากโรงงานได้ทั้งสิ้นที่ 143 ตัว (105 กิโลวัตต์) ด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ และมันจะเริ่มทำงานที่ 1,000 รอบต่อนาที พร้อมกับให้แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร หรือ 184 ฟุต-ปอนด์ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ 1,600-3,600 รอบต่อนาที ผลที่ว่ามันส่งมาถึงอัตราการเร่งที่ส่งให้ All-New Chevrolet Captiva ทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว
ความแรงจากแรงบิดของ All-New Chevrolet Captiva มันมาพร้อมกับระบบเผาไหม้ที่ถือว่ายอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพดีทีเดียว รวมไปถึงระบบไอเสียก็ถูกปรับความดันอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดการเผาไหม้และการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น
ชัชวาล จันทเขต ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์จีเอ็ม
ความแข็งแรงของเครื่องยนต์ตัวใหม่ของเชฟโรเลตที่อาจทำให้คอรถยนต์หลายคนตั้งคำถาม แต่เชฟโรเลตให้คำตอบกับเรื่องนี้ว่าวัสดุของเครื่องยนต์ในตัว All-New Chevrolet Captiva ก็ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน อาทิ เหล็กที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ ทนความร้อนสูง และน้ำหนักเบา มั่นใจด้วยการทดสอบเครื่องยนต์มากกว่า 10,000 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบในสภาวะที่ร้อนจัดและเย็นจัด ไปจนถึงการทดสอบการขับขี่ในสภาวะจำลองกว่า 300,000 กิโลเมตร บททดสอบนี้ก็น่าจะทำให้คลายความสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแรงของเครื่องยนต์ตัวนี้ไปได้
ท้ายสุดถือได้ว่า All-New Chevrolet Captiva เป็นรถยนต์ SUV ที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน แต่มันจะเข้ามากู้ภาพลักษณ์และยอดขายในตลาดรถบ้านเราได้ดียิ่งขึ้นหรือไม่ ช่วงท้ายปีคงมีคำตอบจากยอดขายว่าผู้บริโภคบ้านเราสนใจกับ All-New Chevrolet Captiva มากน้อยแค่ไหน แต่บอกได้เลยว่าเรื่องกำลังเครื่องยนต์ตัวใหม่ มันกินขาดคู่แข่งหลายตัวเลยทีเดียว
รถยนต์ All-New Chevrolet Captiva
Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามไปพร้อมกันเลยนะครับ
ดูเพิ่มเติม
>> Chevrolet Colorado 4th of July Edition รุ่นฉลองวันชาติสหรัฐฯ ลิมิเต็ดเพียง 50 คัน
>> ส่องชุดแต่งใหม่ Chevrolet Trailblazer Perfect Edition 2 ของแต่ง 5 ชิ้นจากโรงงานในงบเบา ๆ 2 หมื่นบาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้