ล่าสุด BMW Thailand ก็ได้เปิดผ้าคลุมไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ BMW 7-Series ใหม่ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ของตระกูลนี้ รหัสตัวถัง G12 740Li Pure Excellence ซึ่งเป็นรถที่นำเข้าทั้งคัน ต้องบอกว่าในโฉมนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของ 7-Series เท่าที่เราเคยผลิตมา และเป็นมาตรฐานใหม่ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใน Segment นี้ที่มาพร้อมสมรรถนะและประสิทธิภาพใหม่แห่งการขับขี่
ล่าสุด BMW Thailand ก็ได้เปิดผ้าคลุมไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ BMW 7-Series ใหม่ เป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ของตระกูลนี้ รหัสตัวถัง G12 740Li Pure Excellence ซึ่งเป็นรถที่นำเข้าทั้งคัน ต้องบอกว่าในโฉมนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของ 7-Series เท่าที่เราเคยผลิตมา และเป็นมาตรฐานใหม่ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใน Segment นี้ที่มาพร้อมสมรรถนะและประสิทธิภาพใหม่แห่งการขับขี่
BMW 7-Series โฉมใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถต้นแบบ Carbon Core ซึ่งเป็นการนำหลักการของคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ใน BMW i8 มาใช้กับ BMW 7-Series โฉมใหม่นี้ การผสมผสานที่ก้าวล้ำของการใช้วัสดุต่างๆทำให้ยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ทรงพลังสูงสุดและน้ำหนักเบาที่สุด แต่ยังคงความเป็นรถซีดานที่หรูหราและทรงประสิทธิภาพที่สุดด้วยเช่นกัน สร้างสรรค์ความเป็นยานยนต์ระดับ “ First Class” สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง จะได้รับความรู้สึกพิเศษจากการต้อนรับในแบบ Exclusive อีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอก BMW 740Li (G12) โฉมใหม่เป็นรถยนต์รุ่นแฟลกชิปที่มาพร้อมสมรรถนะล้ำหน้าและรูปลักษณ์ดึงดูดสะกดทุกสายตาด้วยรุ่นฐานล้อยาว Long Wheel Based มีขนาดความยาวของตัวรถ 5,238 มิลลิเมตร กว้าง 1,902 มิลลิเมตร สูง 1,485 มิลลิเมตร และเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ BMW เท่าที่เคยผลิตมา
*** ดูเพิ่มเติมราคา BMW 730LD มือสองที่มีขายในประเทศไทย
และยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ BMW ที่ใช้ฟีเจอร์ Air Flap Control ซึ่งจะทำงานเมื่อระบบต้องการ ระบายความร้อนโดยนอกจากจะพัฒนาสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ให้กับรถแล้ว ยังเพิ่มความสะดุดตาให้กับส่วนหน้าของรถด้วยจำนวนซี่ของไตคู่ BMW ที่เพิ่มขึ้น ไฟหน้ายังได้รับการออกแบบขยายไปจนถึงขอบไต ในขณะที่ไฟทรงกลมคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลถูกจัดวางอย่างพอดี ช่วยทั้งการใช้งานและ ดึงดูดสายตา นอกจากนี้ ยังเป็น LED โดยมีให้เลือกแบบ Laser Light ด้วยเช่นกัน โดยไฟหน้าแบบ Laser Light สามารถสังเกตได้จากแถบสีฟ้าตรงกลางของดวงไฟ
BMW 740Li (G12) โฉมใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW EfficientLightweight ช่วยลดน้ำหนักรวมของ BMW 7-Series โฉมใหม่นี้ได้สูงสุดถึง 130 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้วยโครงสร้างตัวถังที่ผลิตด้วย Carbon Core ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน BMW i8ทำให้ BMW 7-Series เป็นรถยนต์รุ่นแรกในเซ็กเมนต์นี้ที่ใช้โครงสร้างผลิตจากพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) ผสมผสานกับโครงสร้างเหล็กและอะลูมิเนียม ช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความมั่นคงของห้องโดยสาร ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถได้อย่างมาก ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขีได้หลาก หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Sport Mode หรือ Eco Pro Mode เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ หรือเลือกใช้ ADAPTIVE mode ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้ผ่านสวิทซ์ควบคุมแบบใหม่ การตั้งค่าเหล่านี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบในการขับขี่และประเภทของเส้นทาง
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจก็คือ หน้าจอควบคุม iDrive เป็นแบบระบบสัมผัสเป็นครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ในแบบเดิมแล้ว ระบบสัมผัสแบบใหม่นี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถ เลือกสั่งการและควบคุมจากการสัมผัสหน้าจอได้เช่นกัน อีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่ของการใช้งานร่วมกับระบบ iDrive คือ การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือ BMW Gesture Control ซึ่งถูกนำมาใช้งานเป็นครั้งแรก เซ็นเซอร์ 3 มิติจะจับการเคลื่อนไหวของการสั่งงานระบบควบคุมความบันเทิงและการสื่อสาร ซึ่งใช้งานได้อย่างง่าย เช่น การปรับระดับเสียง การรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าโทรศัพท์
นวัตกรรมของระบบควบคุมแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่นั้น มาในรูปแบบของบีเอ็มดับเบิลยู ทัช คอมมานด์ (BMW Touch Command) หรือควบคุมสั่งการด้วยระบบสัมผัสผ่านหน้าจอแท็บเล็ตพกพาขนาด 7 นิ้ว สามารถใช้งานได้จากทั้งภายในและนอกตัวรถ ซึ่งสามารถปรับและควบคุมระบบต่างๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็นการปรับที่นั่ง แสงไฟภายในตัวรถ การปรับอุณหภูมิ รวมถึงระบบความบันเทิงต่างๆ ระบบนำทาง และระบบการสื่อสาร และยังสามารถเล่นไฟล์เพลงและวิดีโอ รวมถึงใช้เป็นเกมส์คอนโซลได้อีกด้วย
ด้วยบรรยากาศที่หรูหราภายใน BMW 740Li โฉมใหม่ที่ได้รับการออกแบบแสงไฟอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะไฟ Welcome Light Carpet ที่ให้ความรู้สึกเอ็กซ์คลูซีฟด้วยเส้นนำสายตารอบตัวรถ อีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษที่มาพร้อมกันคือ ไฟ Ambient Light ที่ช่วยสร้างบรรยากาศและความหรูหราในห้องโดยสาร
อีกฟีเจอร์ใหม่ของ BMW 740Li ที่แตกต่างจากรถยนต์ซีดานในเซ็กเมนต์เดียวกันคือ BMW Laserlight ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู ไอ8 ด้วยเทคโนโลยี BMW Selective Beam ช่วยลดความพร่ามัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพิ่มเติมจากไฟแอลอีดีในรุ่นมาตรฐาน ไฟหน้าแบบเลเซอร์นี้มีแสงสีขาวและให้ความสว่างได้ในระยะ 600 เมตร สำหรับไฟสูง ซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่าความสว่างจากไฟหน้าแบบ LED ถึง 2 เท่าและให้ความ เข้มของแสงมากกว่าไฟหน้าแบบ LED ถึง 4 เท่า
ช่วงล่างเป็นระบบถุงลมสำหรับเพลาขับทั้งหน้าและหลังซึ่งทำงานด้วยการใช้ พลังงานจากแบตเตอรี่อัดลมเข้าไปเก็บในถังลม ทำให้สามารถรักษาระดับของรถไว้ได้ แม้ในเวลาที่เครื่องยนต์หยุดทำงาน ระดับความสูงของรถจะถูกปรับให้คงที่อยู่เสมอไม่ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเท่า ไหร่ก็ตาม และระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า
BMW 740Li โฉมใหม่นี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดของ BMW ความจุ 3.0 ลิตร ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 326 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 166 กรัมต่อกิโลเมตรตามการทดสอบของ EU
ราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ระหว่าง 7 ล้าน ถึง 7.5 ล้านบาท สำหรับรุ่น 740Li แบบนำเข้า CBU BMW Thailand จะประกาศ ราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้งในงาน Motor Expo 2015 ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม ที่ Challenger Hall เมืองทองธานี