ทดสอบที่สนามชั่วคราว Nissan Driving Experience สัมผัสกับ Nissan Navara 2021 รุ่น Pro 4x และ Double Cab ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในเส้นทางสั่น ๆ โดยแอดมินได้รวบรวมข้อมูลรวมถึงแง่มุมต่าง ๆ หลังทดสอบไว้ให้
Nissan Navara 2021 ถูกเปิดตัวในประเทศไทยที่แรกของโลกเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เป็นการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ ปรับรูปลักษณ์ดีไซน์ เพิ่มออปชั่น รวมถึงเครื่องยนต์ ตั้งคอนเซ็ปท์ไว้ว่า "กระบะอัจฉริยะพลังแรง ที่กล้า…. เพื่อคนแกร่ง หรือ Driven by the BRAVE" เป็นรถกระบะรุ่นที่ 12 ของนิสสัน ตั้งแต่รถกระบะคันแรกภายใต้แบรนด์ดัทสัน (Datsun) ที่ผลิตและเริ่มจำหน่ายในปี 1933 ซึ่งจะเห้นได้ว่านิสสันเองนั้นผลิตรถกระบะมากกว่า 80 ปี
อ่านเพิ่มเติม : Nissan Navara 2021 เปิดที่แรกในโลก พร้อมราคาทุกรุ่น
โดยครั้งนี้ทางนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนไปเข้าร่วมทดสอบ Nissan Navara 2021 โดยมีตัวท็อปรุ่น VL จากตัวถัง Double Cab รุ่น V จากตัวถัง King Cab และรุ่นพิเศษ Pro-4X โดยในสนามมีการจำลองอุปสรรคต่าง ๆ
Nissan Titan ในสหรัฐฯ
การออกแบบภายใต้แนวคิด Unbreakable Design โดยรวมโฉมภายนอกที่ดูบึกบึน ได้รับการออกแบบซุ้มล้อให้มีขนาดใหญ่ กระจังหน้าแบบ Interlock เสริมความดุดัน ไฟหน้าแบบ Quad-eye LED 4 ที่ดึงดูดสายตาคนให้มองรถรุ่นนี้ได้มากขึ้นจริง ๆ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้าย LED light guide แบบเส้นเดียว สะท้อน Design DNA ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบและก็แอบคล้ายกับ พี่ใหญ่ Nissan Titan ที่ทำตลาดในสหรัฐฯ
ภาพในรุ่น Double Cab VL
ภาพในรุ่น Pro-4X
ดีไซน์ภายในถือว่าสอบตก แม้พวงมาลัยและแดชบอร์ดจะใหม่ แต่ในจุดอื่น ๆ ยังได้กลิ่นเดิมคอนโซลหน้า-กลาง แผงประตู ช่องแอร์ เป็นส่วนที่กินพื้นสายตาของรถเกือบ 70% แม้จะเป็นรุ่น Pro แล้วก็ตาม
ชุดเครื่องเสียงอัปเกรดตามยุคสมัย ให้มาครบครบ รองรับ Android auto และ Apple Carplay มีแผนที่ในตัว สามารถเชื่อมมือถือผ่านแอพฯ Nissan Connect ดูค่าต่าง ๆ ในรถและมีความสามารถอีกเพียบ
Pro-4X ให้เบาะปรับมือทั้งหมด
ในเรื่องของออปชั่นมีความสับสนเล็กน้อยอย่าง Pro-4X กับ Double Cab VL ใครคือตัวท็อป เพราะ "VL เบาะไฟฟ้า ไม่มีแผนที่" "Pro-4X เบาะมือ มีแผนที่" คือจะเอา Pro-4X ไปทำเบาะไฟฟ้ามันไม่ใช่เนอะ แต่ VL ไปแต่งแบบ Pro-4X ทำได้นะ
จุดสังเกตุของเครื่องยนต์ แม้ความจุจะเท่ากันที่ 2.3 ลิตร แต่หากเป็นเกียร์ MT จะใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยวที่มีกำลังน้อยกว่า
เครื่องยนต์รุ่น YS23DDTT เทอร์โบคู่ ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC ทวินเทอร์โบ ให้พลังแรงสูงสุด 190 แรงม้าแรงบิด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) รองรับน้ำมันดีเซลทุกประเภททั้ง B7, B10 และ B20
เครื่องยนต์รุ่น YS23DDT ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC เทอร์โบแปรผันแบบ VGS ที่ให้พลังแรงสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิด 403 นิวตัน-เมตร จะมากับตัวถังแบบ King Cab รุ่น Calibre และ Double Cab ที่ใช้เกียร์ธรรมดา 6MT
ในการทดสอบนี้ แม้จะไม่มีทางให้เร่งยาว แต่ด่านไต่ทางชันซึ่งองศาไต่มากกว่า 36 องศา เรียกได้ว่าขึ้นเต็มทางแล้ว มองเห็นแต่ท้องฟ้า ให้กำลังแรงดี เหยียบเพิ่มเนียน ๆ ไหลขึ้นไม่เหนื่อย
พวงมาลัยให้ฟีลลิ่งดีที่ขึ้นเยอะ (เมื่อเทียบกับโฉมที่แล้ว) วงเลี้ยวสมูท น้ำหนักเลี้ยวเบาลงจากตัวเดิมประมาณ 10% ยังมั่นคงเกาะฟีลพวงมาลัยกระบะ เพราะเปลี่ยนแร็คพวงมาลัยใหม่ทั้งชุด (ถามมาโปรดักส์)
ช่วงล่างคือเซอร์ไพรส์ จากการเทสต์ทำได้อย่างยอดเยี่ยม (ย้ำว่าเทสต์) ด่านทางขรุขระ รูดด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. นุ่มกว่าที่คิด แถมพวงมาลัยไม่ค่อยดิ้น มีลงบ่อแรง ๆ นิ่งอยู่ แต่การที่ช่วงล่างนุ่มขึ้นยอมส่งผลต่อการบรรทุก และการโยนตัวของรถเมื่อใช้ความเร็ว คงต้องรอวิ่งแบบโรดทริป เพราะการทดสอบยังบอกได้แค่นี้
กลุ่ม Passive Safety
โดยในการทดสอบมีด่านที่ให้หักหลบบนเนินซึ่งต้องเปิดใช้ออปชั่น มองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) โดยรวมภาพที่ได้ถือว่ายังไม่ได้คมชัดเหนือมาตรฐาน พอใช้งานได้เท่านั้น
รวมถึงการไต่ทางชันที่มีจังหวะทดสอบ ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) ค้างกลางทางชัน ระบบทำงานได้อย่างดีไม่มีสะดุด เติมคันเร่งไม่ต่างจากการออกตัวเหมือนทางราบ แต่ช่วงไต่ลง คุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ช่วงหน่วงแต่ต้องเติมเบรกเพิ่มเข้าไป แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะทางนี้ก็ชันเกินระดับปรกติมาก ๆ และต้องลงแบบหยอดเท่านั้น
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 ฟังก์ชั่นครบถ้วนไม่มีปัญหา
สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ two-wheel drive (2H) เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ four-wheel drive ได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่านตัวหมุนบริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อม ฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่จาก 2H เป็น 4H และก่อนเปลี่ยนต้องเข้าเป็นเกียร์ N เมื่อจะปรับเป็น โหมดการขับ 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4LO ใช้เวลาไม่เกิน 3 วินาที ซึ่งมีไฟกะพริบบอกสถานะที่จอแดชบอร์ดแล้วเสียง "ปี๊ป" โดยระบบล็อกเฟืองท้ายเป็นแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking Differential
ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครง ขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช๊คอัพ โดยทั้งหมดถูกปรับจูนใหม่ และอย่างที่บอกนุ่มขึ้นในการขับขี่
การตกแต่งเสริมความเท่และมีสไตล์ในรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ อาทิ มือจับประตู กระจกมองข้าง แร็คหลังคา และ โป่งล้อโทนสีดำ ในส่วนของดีไซน์ยังโดดเด่นด้วยแอคเซนท์สีส้ม-แดง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากของสีแมกมาจากภูเขาไฟ ตัดกับกระจังหน้าและล้อสีดำเข้ม เสริมความโดดเด่นด้วยโลโก้นิสสัน สีส้ม-แดง กับพื้นหลังสีดำ PRO series ใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All Terrain ของ YOKOHAMA GEOLANDAR AT-S G012
หลังจากการทดสอบมีความรู้สึกบ้างที่แตกต่างระหว่าง VL ที่แข็งกว่า Pro-4X เล็กน้อยจึงสอบถามเพิ่มเติมและขอยืนยันว่า "VL กับ Pro-4X,Pro-2X สมรรถนะไม่ต่างกัน ทั้งเครื่องยนต์ พวงมาลัย ช่วงล่าง" แต่ในความรู้สึกที่ต่างก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด เพราะยางและขนาดล้อต่างกันนั่นเอง
นี่คือการสรุปหลังทดสอบโดยใช้เวลาต่อรอบไม่ถึง 10 นาที ซึ่งหวังว่าจะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักกับ Nissan Navara 2021 เมื่อเทียบกับก่อนไมเนอร์เชนจ์ดีขึ้นเกือบทุกส่วน และที่สำคัญราคาที่ไม่ต่างจากเดิมมาก มีความน่าสนใจและเชื่อว่าหากใครกำลังเลือกกระบะไว้ใช้งานสักคัน ควรกลับมาพิจารณาเป็นตัวเลือกอีกครั้ง สุดท้ายสำหรับใครรุ่นหัวเดี่ยว เดี๋ยวมาในเดือนมกราคม 2564 อย่างแน่นอนครับ
ตรวจเช็ก ราคารถยนต์มือสอง หาที่ถูกใจได้ง่าย มีให้เลือกเพียบ