ถ้าใครติดตามข่าวในเรื่องของรถคันแรกจะทราบว่าได้ปิดโครงการนี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนโดยมีผู้ที่จองรถยนต์แต่ไม่ยื่นใช้สิทธิภายในวัน ที่ 30 ก.ย.2558 ก็ถือว่าสละสิทธิ โดยตั้งแต่เริ่มโครงการมามีผู้ขอใช้สิทธิ จำนวน 1.25 ล้านราย คิดเป็นเงินภาษี 9.28 หมื่นล้านบาท แต่มีผู้อยู่ในฐานะได้รับสิทธิจากโครงการดังกล่าว 1.12 ล้านราย เป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 8.25 หมื่นล้านบาท
ถ้าใครติดตามข่าวในเรื่องของรถคันแรกจะทราบว่าได้ปิดโครงการนี้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนโดยมีผู้ที่จองรถยนต์แต่ไม่ยื่นใช้สิทธิภายในวัน ที่ 30 ก.ย.2558 ก็ถือว่าสละสิทธิ โดยตั้งแต่เริ่มโครงการมามีผู้ขอใช้สิทธิ จำนวน 1.25 ล้านราย คิดเป็นเงินภาษี 9.28 หมื่นล้านบาท แต่มีผู้อยู่ในฐานะได้รับสิทธิจากโครงการดังกล่าว 1.12 ล้านราย เป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 8.25 หมื่นล้านบาท
รมว.คลัง ยันไม่ปลดล็อคการถือครองรถคันแรกจาก 5 ปีเป็น 3 ปี
โดยขณะนี้กรมสรรพสามิตก็อยู่ระหว่างการติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ที่ทำผิดเงื่อนไข จำนวน 6.47 พันล้านบาท เป็นเงิน 418 ล้านบาท ในจำนวนนี้มี 6.08 พันราย ได้นำเงินมาคืนตามที่กระทรวงการคลังทำหนังสือทวงคืนเป็นเงิน 395 ล้านบาท แต่มีผู้ขอผ่อนส่ง จำนวน 50 ราย ซึ่งสามารถผ่อนตามเงื่อนไขที่กำหนด
ทางกรมบัญชีกลางก็ได้ทำเรื่องฟ้องผู้ทำผิดเงื่อนไขที่เหลือกว่า 399 ราย เป็นเงิน 22 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีผู้นำเงินมาคืนเพื่อยกเลิกการใช้สิทธิ จำนวน 5.23 พันราย เป็นเงิน 259 ล้านบาท
ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินกระแสข่าวลือว่าจะมีการปลดล็อคถือครองรถคันแรกจาก 5 ปีเป็น 3 ปี ทั้งนี้ไม่เป็นความจริง ซึ่งล่าสุด รมว.คลัง ได้ออกมายืนยันว่าจะมีการปลดล็อคการถือครองรถคันแรกจาก 5 ปีเป็น 3 ปี อย่างที่เป็นข่าวลือกันมา
และในเรื่องของการปรับโครงสร้างภาษีรถใหม่ปี 59 นั้นก็ยังย้ำว่ามีความเหมาะสมและเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากเป็นการยึดเอาระดับปริมาณในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณภาษี ส่งผลให้ราคารถใหม่ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มากก็เสียภาษีเพิ่มขึ้น ส่วนอีโคคาร์ก็อาจเท่าเดิมหรือบางรุ่นที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) น้อยก็เสียภาษีลดลง ซึ่งโครงสร้างนี้จะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2559 นั้น และยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากกระบวนการได้เดินหน้าไปแล้ว