ค่ายรถเตรียมขึ้นราคารับภาษีใหม่ รถกระบะ-รถหรูแพงขึ้น ส่วนรถอีโคคาร์เท่าเดิม

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 12 ต.ค 2558
แชร์ 0

สำหรับนี้ รถยนต์กระบะและรถยนต์หรูก็ได้เตรียมขึ้นราคารับภาษีรถใหม่ซึ่งก็มีราคาที่แพงกว่าเดิม และสำหรับรถยนต์เล็ก อีโคคาร์ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆเพราะได้เก็บภาษีเท่าเดิมนั้นเอง

สำหรับภาษีรถยนต์ในปี 2559 นี้ รถยนต์กระบะและรถยนต์หรูก็ได้เตรียมขึ้นราคารับภาษีรถใหม่ซึ่งก็มีราคาที่แพงกว่าเดิม และสำหรับรถยนต์เล็ก อีโคคาร์ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆเพราะได้เก็บภาษีเท่าเดิมนั้นเอง

เก็บภาษีรถยนต์ 2559เก็บภาษีรถยนต์ 2559

ทางด้าน กรมสรรพสามิต ได้ออกมาเปิดเผยว่า รถยนต์ได้มีการเพิ่มราคารถยนต์ หลังโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ที่เก็บจาก CO2 และพลังงานที่ใช้จะมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.ปีหน้า และยังฃได้ระบุต่ออีกว่า สำหรับรถยนต์อีโคคาร์นั้นจะการเสียภาษีเท่าเดิม ส่วนรถกระบะเสียแพงขึ้นถึง 1-3 หมื่นบาท และรถยนต์ราคา 1-2 ล้านบาท จะได้เสียภาษีเพิ่มถึง 40,000-100,000 บาท และสำหรับรถยนต์ที่มีราคาเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป จะได้เสียภาษีแพงขึ้นตั้งแต่ 100,000 จนถึง 1 ล้านบาท

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 โดยขณะนี้บริษัทรถยนต์ได้ทยอยส่งราคารถยนต์ให้แก่กรมสรรพสามิตพิจารณาปรับอัตราภาษีใหม่แล้วประมาณ 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นรถยนต์หรูราคาแพง ซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทรถยนต์ที่ได้เปิดสายการผลิตรถยนต์ภายในประเทศและที่นำเข้าทุกยี่ห้อและทุกรุ่นจะส่งราคารถยนต์ให้แก่กรมสรรพสามิตเพื่อพิจารณาจัดเก็บภาษีรถยนต์ใหม่ได้อย่างแน่นอน

,เก็บภาษีรถยนต์ 2559,เก็บภาษีรถยนต์ 2559

สำหรับอัตราภาษีใหม่ที่ค่ายรถยนต์ได้เริ่มทยอยส่งราคาใหม่ให้แก่กรมพิจารณาแล้ว พบว่า ราคารถยนต์ที่เสนอมาใหม่ มีราคาขายสูงกว่าราคารถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือบริษัทรถยนต์พัฒนาคุณภาพของเครื่องยนต์ดีขึ้น จึงมีต้นทุนสูงขึ้น และผู้ผลิตได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ราคารถยนต์ปี 2559 แพงขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2558 สรรพสามิตมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประมาณ 85,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2559 จะมีรายได้เพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท

นายสมชาย ยังได้กล่าวต่ออีกว่า โดยโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้ รถยนต์ประเภทประหยัดพลังงาน เช่น อีโคคาร์ จะเสียภาษีเท่าเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างภาษีเดิม เนื่องจากเป็นรถขนาดเล็กและประหยัดพลังงาน ขณะที่รถกระบะหรือปิกอัพจะเสียภาษีแพงขึ้นคันละ 10,000-30,000 บาท รถยนต์ราคาหลักล้านบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ไปจะเสียภาษีแพงขึ้นประมาณคันละ 40,000-100,000 บาท แต่หากเป็นรถยนต์หรูราคาหลายล้านบาท อาจจะเสียภาษีแพงขึ้นตั้งแต่ 100,000 บาทจนถึง 400,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ใช้และปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

สำหรับรถยนต์ที่เสียภาษีแพงขึ้น

Toyota เสียภาษีแพงขึ้นถึง 12,000-450,000 บาทHonda เสียภาษีแพงขึ้นถึง 5,000-120,000 บาทMazda เสียภาษีแพงขึ้นถึง 85,000-140,000 บาทMitsubishi เสียภาษีแพงขึ้นถึง 8,000-140,000 บาทChevrolet เสียภาษีแพงขึ้นถึง 20,000-120,000 บาทBMW เสียภาษีแพงขึ้นถึง 100,000-500,000 บาทMercedes-Benz เสียภาษีเพิ่มขึ้นถึง 289,000- 1 ล้านบาท

ส่วนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ใหม่ ซึ่งจัดเป็นรถพีพีวี (รถอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นจากรถกระบะ) จะเสียภาษีแพงขึ้น 70,000 บาทไม่ใช่ 100,000 บาท

สำหรับ โครงสร้างภาษีใหม่ของกรมสรรพสามิตนั้น นอกจากการเก็บภาษีจะพิจารณาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วยังพิจารณาจากพลังงานที่ใช้ด้วย เช่น รถยนต์นั่งและรถโดยสารไม่เกิน 10 คน กรณีปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า 100 กรัมต่อกิโลเมตร หากใช้พลังงานอี 10-20 เสียภาษี 30% แต่หากใช้พลังงานอี 85-เอ็นจีวี เสียภาษี 25% แต่หากเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด เสียภาษี 10% เป็นต้น.

สำหรับท่านใดที่ต้องการออกรถใหม่ก็ต้องรีบกันหน่อยนะครับ เพราะถ้าออกก็จะได้เสียภาษีไม่มาก หากออกปีหน้าก็ต้องได้จ่ายภาษีที่แพงมากขึ้นกว่าเดิมนั้นเองครับ