เมื่อเรื่องดราม่ากับคนไทยเป็นอะไรที่คู่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่อง “การเมือง” ที่มักจะมีเรื่องให้ขยายต่อให้เราได้ติดตาม และกับเรื่องนี้ก็เช่นกันที่หลังจาก กกต. ประกาศงบเลือกตั้งมูลค่า 55 ล้านบาทออกมา ลิสต์ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ไม่สะดุดใจ เท่ากับงบของรถประจำตำแหน่งทั้ง 6 คัน จาก Mercedes-Benz ในรุ่น E350e ซึ่งกินงบประมาณไปกว่า 22 ล้านบาท !
ขออนุญาต “ส่อง” ครับท่าน ! กับรถประจำตำแหน่ง กกต. Mercedes-Benz E350e
อยากรู้จังว่ามันแพงอะไร ?
วันนี้ Chobrod จึงอยากพาทุกคนไป “ขออนุญาตส่อง” รายละเอียดของรถประจำตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งที่เป็นดราม่ากันอยู่ตอนนี้ ว่าราคาต่อคันนั้นเท่าไร และมันมีอะไรดี !
ขออนุญาตนะครับท่าน !...
Mercedes-Benz E350e ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2017 ซึ่งชื่อเต็มของมันนั้น Mercedes-Benz E350e Plug-in Hybrid EQ ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ใหม่พึ่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าช่วยของเบนซ์ EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz ที่สามารถเติมได้ทั้งน้ำมันป้อนเครื่องยนต์และเสียบปลั๊กชาร์จไฟ วิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยมีรุ่นย่อยออกมาให้เลือก 3 เกรด 3 ราคาดังต่อไปนี้
จากข่าวที่ออกมา ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดของ Mercedes-Benz E350e ที่ถูกเลือกนี้ว่าเป็นรุ่นย่อยเกรดอะไร แต่ก็พอเดาได้ ด้วยงบรถประจำตำแหน่ง 22 ล้าน ซื้อได้ 6 คัน ก็คาดว่าจะเป็นรุ่นย่อยในเกรด E350e Exclusive ที่ราคา 3,790,000 บาท รถในประเภท 4 ประตูซีดาน ซึ่งแต่ละเกรดความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่อุปกรณ์ต่าง ๆ รอบคัน แต่เครื่องยนต์ที่ใช้กับดีไซน์หลัก ๆ ทั้งภายนอกและภายในนั้น ไม่แตกต่างกันมากนัก
ภายนอกเลอค่า สมกับการเป็นรถประจำตำแหน่งของ “คนสำคัญ”
โดยขุมกำลัง Plug-in Hybrid ของ Mercedes-Benz E350e ที่ถูกใช้เหมือนกันในทุกเกรดและเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับรุ่น C350e ด้วยนั้น จะใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0L พ่วงเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังแรงม้าอยู่ที่ 211 แรงม้า และแรงบิด 350 Nm พร้อมทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สร้างพละกำลังได้อยู่ที่ 88 แรงม้า แรงบิด 440 Nm เมื่อรวมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้กำลังถึง 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 Nm จับคู่การส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 Speed “9G-Tronic” พร้อม Paddles Shift และมีช่องชาร์จไฟ Plug-in Hybrid ใช้แบตเตอรี่ 6.38 kWh ให้มาที่ด้านหลัง
>>> บางทีคุณอาจสนใจ เบนซ์ e250
พลังไฮบริดรักษ์โลก ที่ชาร์จไฟได้แบบเสียบปลั๊ก Plug-in Hybrid ของ Mercedes-Benz E350e
>> รถแต่งสเกิร์ตรอบคันไม่มีข้อเสียจริงหรือ? มาดูกัน
>> สิ่งที่ควรเปลี่ยนทันทีเมื่อซื้อ “รถมือสอง” มาขับ
Mercedes-Benz E350e คันนี้สามารถใช้ไฟฟ้าล้วน ๆ วิ่งได้ไกลถึง 25 กิโลเมตร ด้วยจุดเด่นที่ได้มาจากระบบ Plug-in Hybrid จึงทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถคันนี้ได้ด้วยความเงียบสนิท จากการทำงานของมอเตอร์ล้วน ๆ และวิ่งได้ระยะทางไกลมากกว่ารถไฮบริดแบบที่ไม่มีช่องเสียบปลั๊กชาร์จ อีกทั้งเมื่อเบรกก็จะช่วยสะสมพลังงานกระแสไฟฟ้า เป็นการช่วยชาร์จไปในตัว ซึ่งกระแสไฟที่ได้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทางการขับขี่ ด้วยน้ำหนักตัวรถที่ 1.8 ตัน Mercedes-Benz E350e คันนี้สามารถความเร็วสูงสุดที่ทำได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 6.2 วินาที เท่านั้น ภายใต้โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 4 แบบ Hybrid, E-Mode, E-Save และ Charge โดยแต่ละโหมดจะแตกต่างที่เรื่องอัตราเร่งและความประหยัดที่ได้รับ พร้อมทั้งยังสุนทรียะได้มากขึ้นตลอดเส้นทางการโดยสารกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลมที่นุ่มนวลกว่า
ดีไซน์ภายนอกจุดเด่นคือส่วนของไฟหน้าที่เป็นแบบ MULTIBEAM LED จากการทำงานร่วม ของหลอดแอลอีดีนถึง 84 หลอดในแต่ละฝั่ง สามารถปรับการทำงานให้ความเข้มของแสงสว่างได้ตามสภาพแวดล้อมการขับขี่ ที่มาพร้อมระบบส่องสว่างอัจฉริยะ Intelligent Light System ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System และระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering light
ส่วนภายในห้องโดยสาร “หรูสุด !” การันตีด้วยรางวัล “ห้องโดยสารยอดเยี่ยมสำหรับรถยนต์ที่ผลิตเพื่อการจัดจำหน่ายจริง" จากงาน “Automotive Interiors Expo Awards” เมื่อปี 2016 ผ่านวัสดุที่ใช้งานการตกแต่งชั้นเลิศ เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO ส่วนพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa เด่นสุดที่ภายในคือหน้าจอ Widescreen ที่ทำหน้าที่บอกการทำงานทุกอย่างของตัวรถครบ ระบบนำทาง และระบบความบันเทิง รองรับครบได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ที่สั่งการทำงานได้ผ่านระบบสัมผัส Touchpad และระบบสั่งการด้วยเสียง LINGUATRONIC อีกทั้งยังมีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่เลือกปรับได้ถึง 64 เฉดสี อีกด้วย
ภายในหรูล้ำ สมศักดิ์ศรีความเป็นรถจาก Mercedes
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยจะลืมไม่ได้ ถ้าไม่นับว่ารถแต่ละคันอาจจะมีการปรับปรุงเพิ่ม ในเรื่องของระบบกันกระสุน นับแต่ระบบความปลอดภัยที่ได้มาจากมาตรฐานโรงงานก็ถือว่าล้ำสุด ปลอดภัยสุดเหนือใคร ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า, ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา มาพร้อมกับถุงลมรอบคันอันแน่น แถมยังมีถุงลมนิรภัยบริเวณสายเข็มขัดนิรภัย “Beltbag สำหรับผู้โดยสารด้านหลังมาให้อีกด้วย เหนือระดับกว่ารถคลาสหรูสัญชาติญี่ปุ่น ก็ตรงนี้แหละ
ความแตกต่างของรุ่น Exclusive สังเกตได้ง่าย ๆ จากลายล้อ ที่มีก้านเยอะสุด
“เหมาะสมครับท่าน !” กับ Mercedes-Benz E350e คันนี้ เหมาะมาก กับตำแหน่งฐานันดรทางการเมืองซึ่งสำคัญต่อการเดินหน้าของประเทศอย่างที่สุด อย่างตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง จะให้มานั่งอีโคคาร์มันก็ใช่เรื่องว่าไหม และที่รถรุ่นนี้ได้รับความสนใจ หาได้เป็นเพราะเรื่องของราคากับสเปคตัวรถไม่ เพราะราคากับตัวรถที่อ้างมานั้นก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ แต่ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นจนเป็นดราม่าให้คนไทยได้เสพกันอยู่นี้ก็คือ คำถามที่ว่า ทำไม ? งบการเลือกตั้งเกือบครึ่งของประเทศเราถึงต้องหมดไปกับรถหรูพวกนี้โดยใช้เหตุมากกว่า
ดูเพิ่มเติม
>> ส่องรถใหม่ปี 2019 เน้น ๆ 5 รุ่น เปิดตัวเมื่อไรทำ “ตลาดแตก” แน่นอน
>> 3 หัวใจขอสินเชื่อรถยนต์มือสอง รู้จักไว้ไม่เสียหาย
เชิญที่นี่
ต้องการซื้อสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตรงนี้